บทที่3 แต่งเข้า
“ข้ามาเพื่อขออภัยแทนบิดามารดาของข้าในเมื่อแม่นางให้อภัยข้าก็สบายใจ”
ตุบ ตุบ อดีตคู่หมั้นคุกเข่าโขกศรีษะให้ท่านปู่แล้วกล่าวว่า
“ท่านผู้อาวุโสได้โปรดรับข้าเป็นเขยแต่งเข้าด้วยนะขอรับ“
“ข้าได้ออกจากสกุลมู่แล้วข้าโดนขับออกจากสกุลมู่ ต่อไปนี้ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก นี่คือหลักฐานออกจากสกุลมู่ ท่านผู้อาวุโสได้โปรดให้ข้าสมหวังได้อยู่กับชิงเฉินด้วยเถอะขอรับ”
“เอ่อ!เรื่องนี้ต้องให้ชิงเฉินตัดสินใจเองบ้านกู้จะไม่มีใครบังคับในสิ่งที่นางไม่เต็มใจ”
ท่านปู่กล่าวพร้อมกับมองหน้าชิงเฉินให้นางตัดสินใจ ในเมื่อหัวหน้าตระกูลกล่าวมาแบบนี้แล้วทุกคนก็รับฟังโดยดีพร้อมทั้งมองหน้าชิงเฉิน คอยรับฟังการตัดสินใจของนาง
กู้ฟางซินกระซิบถามกู้เฟยฮุยเสียงเบา
“พี่รองคิดว่าพี่ใหญ่จะตกลงรึไม่“
กู้เฟยฮุยตอบว่า “ไม่ว่าพี่ใหญ่จะตกลงรึไม่เราทุกคนต้องยอมรับการตัดสินใจของนาง แต่ในใจข้าอยากให้นางตอบตกลงเพราะการแต่งบุตรเขยเข้าบ้าน พี่ใหญ่ก็จะอยู่กับเราตลอดไปไม่ไปไหน”
“ถ้าแต่งบุตรเขยเข้าไม่ต้องย้ายออกจากบ้านกู้ใช่ไหมเจ้าคะ“ กู้ฟางซินกระซิบถามเสียงเบา
“ ใช่ ” กู้เฟยฮุยตอบ
“งั้นดีเลยเจ้าค่ะข้าก็จะแต่งบุตรเขยเข้าบ้านข้าจะไม่แต่งออก“ กู้ฟางซินบอกพี่รองพร้อมกับตั้งใจไว้แน่วแน่นางจะแต่งบุตรเขยเข้าบ้านเท่านั้น
กู้เฟยฮุย….
“เจ้าว่าอย่างไรชิงเอ๋อร์” ท่านปู่เอ่ยถามอีกครั้ง
ชิงเฉินนิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยกับเทียนหยวนว่า
“กฎของการเป็นเขยแต่งเข้าบ้านสกุลกู้มีหลายข้อเจ้าทำได้ไหม“
เทียนหยวนรีบตอบ “ได้ๆเชิญแม่นางกล่าวมาข้าพร้อมทำทุกอย่าง“
ชิงเฉินหันไปมองเฟยอวี่กล่าวว่า “รบกวนท่านอาเล็กร่างสัญญาให้ด้วยเจ้าค่ะ”
เฟยฮุยรีบวิ่งเข้าห้องอาเล็กไปหยิบหมึกกระดาษพู่กันมาให้อาเล็กทันที
“เอาล่ะมาฟังกฏของเขยแต่งเข้าบ้านสกุลกู้กัน”
”ข้อที่หนึ่งไม่รับอนุให้มีภรรยาแค่คนเดียว“
”ข้อสองต้องเปลี่ยนมาใช้แซ่กู้”
”ข้อสามมีบุตรก็ต้องใช้แซ่กู้“
”ข้อสี่แต่งเข้าบ้านสกุลกู้ทุกอย่างที่หัวหน้าตระกูลตัดสินใจต้องเชื่อฟังและทำตาม”
”ข้อห้าในสี่ข้อนี้ถ้าทำข้อใดข้อนึงไม่ได้ต้องหย่าออกไปแต่ตัวห้ามใช้แซ่กู้อีกต่อไปห้ามนำบุตรไปด้วยห้ามข้องเกี่ยวกันอีก“
”ห้าข้อนี้เจ้าทำได้ไหม”
เทียนหยวนตอบทันที ”ข้าทำได้“
อาเล็กยื่นสัญญาให้เทียนหยวนอ่าน เมื่ออ่านแล้วลงนามเสร็จ ก็ทำหน้าเศร้าทำท่าหมาหงอย มองไปทางชิงเฉินแล้วพูดว่า
”ข้าไม่มีของหมั้นหมายไม่มีสินสอดให้เจ้าข้ามีแต่ปิ่นเงินหนึ่งอัน”
เขาควักปิ่นออกจากอกเสื้อพร้อมยื่นให้ชิงเฉินแล้วก็ล้วงแขนเสื้อ นำเงินสองตำลึงเงินหนึ่งร้อยอีแปะออกมามอบให้นาง
”ปิ่นนี้ข้าตั้งใจมอบให้เจ้าในวันปักปิ่น แต่ในวันที่เจ้าปักปิ่นสถานศึกษาที่ข้าเล่าเรียนอยู่ไม่หยุดเรียน พอถึงวันหยุดข้ากลับถึงบ้านข้าเพิ่งรู้ข่าวก็เลยรีบมาหาเจ้าปิ่นนี้ข้าคัดลอกตำรารวมทั้งเก็บเงินซื้อ ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบมันในอนาคตข้ามีเงินจะซื้อปิ่นที่สวยกว่านี้ให้นะ“
”อืมข้าชอบ” ชิงเฉินกล่าวพร้อมทั้งรับปิ่นเงินมา
”ปักให้ข้าสิ“ เทียนหยวนรีบปักให้นาง
ซึ่งเฉินรับเงินสองตำลึงเงินหนึ่งร้อยอีแปะมาแล้วคืนให้เทียนหยวนหนึ่งอีแปะ อีกสองตำลึงเงินนางนำไปให้ท่านย่า
ท่านย่าเป็นคนทำบัญชีค่าใช้จ่ายรายได้ทุกอย่างของบ้านสกุลกู้
ชิงเฉินคิดในใจบุรุษหน้าเหม็นคนนี้นี่ก็น่ารักดีแต่งไปก่อนอยู่กันไม่ได้ก็หย่ากันไป ในชีวิตก่อนนางก็เป็นเช่นนี้ไม่เคยแคร์เรื่องความรักไม่เคยเสียใจอะไร
นางจึงพยักหน้าบอกท่านปู่
”ท่านปู่เจ้าคะข้ายินดีรับเขาเป็นเขยแต่งเข้าเจ้าค่ะ“
ปู่พยักหน้ายิ้ม อาเล็กคัดลอกสัญญาเป็นสองฉบับให้เทียนหยวนหนึ่งฉบับ ส่วนของชิงเฉินให้หัวหน้าตระกูลเป็นคนเก็บ
”เอาล่ะนี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นแล้วเรามากินข้าวกันเถอะ กินเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เทียนหยวนเจ้าไปพักกับเฟยอวี่ก่อนทำพิธีพิธีแต่งงานแล้วค่อยย้ายไปห้องชิงเอ๋อร์ “
* 1000 อีแปะ = 1ตำลึงเงิน
* 10 ตำลึงเงิน= 1 ตำลึงทอง