บทที่ 2 น้องสาว 1.1
ภายใต้ความมืดมิดของราตรีกาล อัลลิยานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ศีรษะของเธอสะบัดไปมาอยู่บนหมอนหนุนหัว เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมและใบหน้า มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนแน่น ก่อนที่เธอจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาทั้งสองข้างตื่นตระหนกและเบิกโพรง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงกับความฝันที่เปรียบเสมือนจริง
ในนิมิตฝันของอัลลิยา เธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟร้อนระอุ ร่างกายแสบร้อนจากการถูกเปลวเพลิงลามเลียไปทั่วร่างกาย ระหว่างที่ตนเองกำลังร้อนเร่ากับกองไฟเผาผลาญ สายตาของเธอมองเห็นร่างของมารดายืนยิ้มอยู่อีกฝั่งหนึ่งของพายุเพลิง แล้วห่างออกไปไม่มากนักก็ปรากฏร่างของกล้าตะวันที่ยืนแสยะยิ้ม รอยยิ้มของกล้าตะวันที่อัลลิยาเห็น บอกให้รู้ว่า เขากำลังยิ้มเยาะอย่างไม่เป็นมิตร
และเมื่อเธอกระพริบตาและลืมขึ้น ภาพของมารดาที่ยืนยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นร้องห่มร้องไห้ฟูมฟาย น่าแปลกคือพอหญิงสาวกระพริบตาอีกครั้ง ภาพของมารดาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น ภาพที่เธอเห็นสลับกันไปมาตลอดเวลาในทุกครั้งที่กระพริบตา
ดวงตาของอัลลิยาขยายกว้าง เมื่อร่างของกล้าตะวันกลายร่างเป็นปีศาจร้าย พุ่งทะยานมายังร่างของเธอ แล้วพ่นไฟออกจากปาก ส่งผลให้ไฟบรรลัยกัลป์อาบไปทั่วร่างสาว อัลลิยาร้องด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ร้องขอความเมตตาจากปีศาจกล้าตะวัน แต่สิ่งที่เธอได้รับคือ เสียงหัวเราะอันแผดก้องที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสะใจ
โอ้...ช่างเป็นความฝันที่น่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวจับจิตจับใจ อัลลิยาไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อนเลย มาอยู่บ้านหลังใหม่เป็นวันแรกก็พบกับฝันร้าย หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า การที่เธออยู่บ้านหลังนี้ ไม่ได้สุขสบายเหมือนกับที่คิดไว้
ในความฝันอัลลิยาตกอยู่ในกองเพลิงอันแสนร้อน พอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเธอรู้สึกลำคอแห้งผากราวกับขาดน้ำมานานแสนนาน กระหายน้ำเป็นที่สุด หญิงสาวจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปยังประตูห้อง หวังจะลงไปหาน้ำดื่มดับกระหายในห้องครัวชั้นล่าง
กล้าตะวันนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ท่ามกลางความมืดสลัว เขาแกว่งแก้ววิสกี้เบาๆ ราวกับว่ากำลังใช้ความคิด ระหว่างนั้นเองสายตาคมเข้มก็มองเห็นร่างของใครบางคนก้าวเดินลงมาจากบันได ก่อนที่ใครคนนั้นจะหันซ้ายหันขวาคล้ายกับว่ามองหาอะไรสักอย่าง จากนั้นก็เดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือที่มีแสงไฟหน้าห้องน้ำเปิดให้มองเห็นทาง
เขากระตุกยิ้มพร้อมกับความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง แก้ววิสกี้ถูกวางลงบนพื้นไม้เนื้อดีบนเคาน์เตอร์ ร่างหนาหยัดยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินไปยังทิศทางเดียวกันกับที่อัลลิยาเดินไป
กว่าที่อัลลิยาจะเดินหาห้องครัวได้ก็ใช้เวลาไปร่วมนาที เป็นเพราะเธอยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่พักพิงแห่งใหม่สักเท่าไหร่ มาถึงกำธรก็พาเธอขึ้นไปพักบนห้อง ไม่ได้เดินสำรวจบ้านแต่อย่างใด พอพบห้องครัวหญิงสาวก็ตรงไปยังตู้เย็น หยิบน้ำดื่มมาแก้กระหายทีเดียวหมดแก้ว
ขณะที่ดื่มน้ำ อัลลิยาก็หวนนึกถึงความฝันแสนน่ากลัว ดวงตาของกล้าตะวันที่อยู่ในความฝันนั้นยังคงติดตาติดใจเธอไม่หาย หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นเร็วกว่าปกติ น้ำเย็นที่ดื่มไปดับความโหยหิวน้ำได้เป็นอย่างดี แต่ไม่อาจดับฝันร้ายของเธอได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินไปยังอ่างล้างจาน ทำความสะอาดแก้วน้ำก่อนจะนำมาคว่ำในที่ของมัน ร่างเล็กหมุนตัวเพื่อเดินกลับขึ้นไปบนห้อง หากแต่ร่างของเธอต้องเซเล็กน้อยเมื่อชนกับบางสิ่งที่แข็งแกร่งราวกับหน้าผา
“คุณกล้า” เธออุทานเสียงเบา อัลลิยาผงะเมื่อรู้ว่ากำแพงหนาที่เธอชนนั้นคือสิ่งใด
ดวงตาคู่หวานตื่นตระหนกมองไปยังนัยน์ตาคมเข้มนิ่งงัน ใจสาวเต้นระรัวถี่แรง ความหวาดกลัวแน่นขนัดในความรู้สึก ดวงตาคู่นี้ของกล้าตะวันช่างเหมือนกับดวงตาร้อนแรงในความฝันไม่มีผิด มันเต็มไปด้วยความแค้นชิงชัง จาบจ้วง อัลลิยาขนลุกขึ้นมาทันใด
ร่างกายของอัลลิยาแข็งราวกับถูกสาบ อยากจะวิ่งหนีให้ไกลห่าง หากแต่ขาทั้งสองข้างยืนนิ่งไม่ไหวติง ร่างของเธอแข็งทื่อมากกว่าเดิม เมื่อลำแขนหนารัดร่างเล็กไว้แน่น เขาโน้มใบหน้าก้มลงต่ำ ลมหายใจอุ่นร้อนที่มาพร้อมกับกลิ่นของวิสกี้ปะทะกับพวงแก้มของหญิงสาว อัลลิยาร้อนวาบไปทั้งตัว ใจสั่นไหว หัวใจเต้นระส่ำ ทำอะไรไม่ถูกดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของเธอสูญหายไปในพริบตา แม้ว่าจะพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีแล้วก็ตาม
“ปล่อย...ปล่อยค่ะคุณกล้า” เธอร้องออกมาในที่สุด หลังจากที่ดึงสติกลับมาและเริ่มดิ้นรนออกจากวงแขนที่รัดรึงเธออยู่
“ไม่ปล่อยมีอะไรไหม” เขาไม่พูดเปล่าหลุบสายตาโลมเลียไปทั่วดวงหน้าหวาน ต่ำลงถึงลำคอระหง เนินอกคู่สวยที่โผล่ล้นออกมากจากคอเสื้อชุดนอน มันเคลื่อนไปมาตามแรงจังหวะการหายใจของหญิงสาวที่เร็วและแรง ความร้อนรุ่มแผ่กระจายพร้อมกับความตื่นตระหนกตกใจ เมื่อปลายจมูกโด่งคลอเคลียแก้มนวลแผ่วเบา ไล้ไปมาโดยไม่ทิ้งน้ำหนัก อัลลิยาหลบปลายจมูกโด่งเป็นพัลวัน มือนุ่มนิ่มเริ่มมีเรี่ยวแรงดันแผงอกแกร่ง หวังจะให้ร่างสูงออกห่างกายตน แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่ขยับออกห่าง ยิ่งรัดแน่นมากยิ่งขึ้น