9 เรื่องของเจ้านาย
เช้าวันจันทร์พิกุลปลุกชมจันทร์ให้ตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและเตรียมของไปอยู่บ้านนายหัวชาวีหญิงสาวมีกระเป๋าเป้ใบเล็กที่ใส่ของใช้จำเป็นและกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมที่ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมดไว้ในนั้น
“จันทร์เอามอเตอร์ไซค์ไปไว้ที่บ้านนายหัวเลยก็ได้เผื่อมีความจำเป็นจะต้องใช้”
“ค่ะ จันทร์ไปก่อนนะคะน้าพิกุล”
“จ้ะ อย่าลืมที่น้าบอกนะทำตัวให้ดี ทำตัวให้น่ารักจันทร์มีจุดมุ่งหมายอะไรก็อย่าลืม”
“ค่ะน้าพิกุล” ชมจันทร์ขี่จักรยานยนต์คู่ใจมายังบ้านของนายหัวชาวีตั้งแต่ 8 โมงก็เจอกับป้าสมรที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่
“สวัสดีค่ะป้า”
“อ้าว หนูจันทร์มาแต่เช้าเลยมาทางนี้เดี๋ยวป้าพาไปดูห้องนะ”ป้าสมรรีบพาชมจันทร์เอาของไปเก็บในห้องนอน ซึ่งป้าสมรกับสายรุ้งทำความสะอาดไว้รอแล้ว
“ขอบคุณค่ะ ป้าสมรกับพี่รุ้งนอนห้องไหนคะ”
“เราสองคนนอนเรือนเล็กหลังบ้าน”
“จันทร์ไปนอนที่นั่นก็ได้ค่ะ” ชมจันทร์ไม่อยากให้ป้าสมรกับสายรุ้งรู้สึกว่าเธอมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าลูกจ้างคนอื่นๆ
“ไม่ได้หรอกจ้ะ นายหัวสั่งให้จันทร์นอนห้องนี้ก็ต้องนอนห้อง นั้น อีกอย่างงานของนายก็ไม่ค่อยเป็นเวลาเผื่อนายจะเรียกใช้งานจะได้ไม่ต้องเดินไปเรียกให้เหนื่อย” ป้าสมรอธิบาย
“ก็ได้ค่ะ”
ชมจันทร์เอากระเป๋าเก็บแล้วเดินตามป้าสมรออกมา
“ออกมาทำไมล่ะ ยังไม่ถึงเวลางานเลย นายหัวบอกว่าวันนี้นัดหนูจันทร์กับหัวหน้าคนงานไว้ 9 โมง”
“หนูจะมาช่วยป้ากับพี่รุ้งทำงานค่ะ”
“งานของหนูคืองานเอกสารนะชมจันทร์ไม่ต้องมาช่วยงานป้าหรอก”
“แต่รุ้งว่าให้จันทร์ช่วยอีกคนก็ดีเหมือนกันนะคะ งานเราจะได้เสร็จไวๆ” สายรุ้งรีบบอกเพราะไม่อยากจะต้องเหนื่อยทำงานบ้านอยู่คนเดียว
“แต่นายหัวสั่งไว้ว่าจันทร์มีหน้าที่ทำงานเอกสารเท่านั้น หนูจันทร์อย่าทำอย่างอื่นเลยป้าไม่อยากถูกนายหัวดุ”
“นายหัวดุมากไหมคะ”
“ปกติก็ไม่ดุหรอก แต่ถ้าใครขัดคำสั่งหรือทำอะไรไม่ถูกใจก็จะดุ” ป้าสมรที่อยู่กับนายหัวมาตั้งแต่นายหัวยังเด็กอธิบายให้ชมจันทร์ฟัง
“ตอนป้าทำกับข้าวจันทร์ไปช่วยป้าทำกับข้าวได้ไหมคะ จันทร์ ทำกับข้าวไม่เก่งก็อยากจะฝึกทำกับข้าวบ้าง นายหัวคงไม่ดุหรอกมั้งคะ”
“ถ้าแค่ช่วยงานครัวก็ได้”
“ขอบคุณค่ะป้าสมร”
“ตอนนี้เหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง ป้าว่าหนูจันทร์เข้าไปจัดของในห้องให้เรียบร้อยเถอะ 9 โมงจะได้เริ่มงานทันที”
“ค่ะป้า ถ้าป้าสมรกับพี่รุ้งอยากให้จันทร์ช่วยทำอะไรก็เรียกได้เลยนะคะ”
ชมจันทร์เดินกลับเข้าห้องของตนเองไปแล้วสายรุ้งก็ถามป้าสมรขึ้น
“ป้าคะทำไมนายหัวถึงให้จันทร์เข้าไปอยู่ในห้องนั้นล่ะคะ”
“ป้าก็ไม่ได้ถามเหมือนกันนะ ถ้าอยากรู้เธอก็ถามนายหัวเอาเองสิ” ป้าสมรบอกไปแบบนั้นเพราะรู้ว่าสายรุ้งไม่มีทางกล้าถามเรื่องนี้กับนายหัวอย่างแน่นอน
“รุ้งว่ากลิ่นมันชักจะแปลกๆ นะคะให้มาช่วยงานเอกสารหรือให้มาช่วยงานอย่างอื่นกันแน่ ดูสิขนข้าวของมาอยู่ที่นี่เลย”
“เราอย่าไปยุ่งเรื่องเจ้านายเลยนะ รุ้งเขาสั่งให้เราทำอะไรก็ทำ”
“หรือว่านายหัวจะรับชมจันทร์มาเป็นนางบำเรอคะ” สายรุ้งยังไม่หายสงสัย
“พูดอะไรแบบนั้นออกมาน่ะรุ้ง นายหัวได้ยินระวังหัวจะหลุดจากบ่า”
“ก็มันน่าสงสัยไหมนี่คะ ป้าสมรว่าจริงไหม”
“จะจริงหรือไม่จริงเราก็ไม่ควรยุ่งเรื่องของเจ้านาย จำไว้ว่าชมจันทร์มาอยู่ที่นี่ในฐานะของคนช่วยงานเอกสารเท่านั้น เรื่องอื่นเราไม่มีสิทธิ์พูด”
“ป้าสมรพูดแบบนี้แสดงว่านายหัวจะเอาชมจันทร์มาเป็นนางบำเรอจริงใช่ไหมล่ะ” สายรุ้งคาดคั้น
“ก็แล้วแต่เธอจะคิด แต่ป้าขอบอกไว้เลยนะสายรุ้งถ้าเรื่องนี้คนอื่นรู้คนที่จะซวยก็คือเราสองคน” ป้าสมรรีบเตือนเพราะกลัวสายรุ้งจะเอาเรื่องของเจ้านายไปพูดที่อื่น
“นายหัวคิดเหรอว่าเรื่องนี้จะปิดคนอื่นได้”
“จะปิดได้หรือปิดไม่ได้เราก็ไม่ต้องสนใจหรอก ป้าว่าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดดีกว่า เรื่องของชมจันทร์เราอย่ายุ่งเลย”
“ยิ่งป้าห้าม ยิ่งเตือนแบบนี้แสดงว่าสิ่งที่รุ้งคิดมันต้องใช่แน่ๆ”
“เอ๊ะ! ยายรุ้งนี่บอกทำไมไม่ฟังกันบ้างเลยไปๆ ทำงานได้แล้วก่อนที่นายหัวจะมาได้ยินว่าเราพูดถึงเขาอยากโดนไล่ออกหรือไง”
“รุ้งไม่พูดก็ได้ แต่รุ้งแอบเสียดาย”
“เสียดายอะไรอีกล่ะ”
“ป้าก็รู้ว่ารุ้งชอบนายหัวมานานทำไมนายหัวไม่มองรุ้งบ้างนะ ชมจันทร์ยังเด็กแบบนั้นจะทำอะไรถูกใจนายหัวได้ยังไง อย่างนายหัวมันต้องเจอกับคนประสบการณ์เยอะแบบรุ้ง”
“ก็เพราะประสบการณ์ของเธอเยอะเกินไปน่ะสินายหัวเขาถึงไม่มอง”
“ป้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาชอบคนที่ประสบการณ์นะ ยิ่งแม่หม้ายนี่เด็กหนุ่มๆ ยิ่งชอบเลย”
“ป้าไม่อยากจะคุยเรื่องนี้แล้วยิ่งคุยยิ่งปวดหัว” ป้าสมรไม่ค่อยเข้าใจความคิดของคนรุ่นไหมจึงได้แต่ส่ายหน้าและทำงานของตัวเองต่อ
พอถึงเวลา 9 โมงหัวหน้าคนงานก็มานั่งรอในห้องรับแขกขณะที่ชมจันทร์ก็ออกจากห้องมานั่งด้วยเหมือนกัน
“สวัสดีค่ะลุงภพ” ชมจันทร์ทักทายผู้มาเยือนซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากันดี
“ได้ข่าวว่านายหัวจะให้มาช่วยงานเอกสารใช่ไหมจันทร์” สมภพกับบิดาของชมจันทร์เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนจึงค่อนข้างเอ็นดูเด็กสาวคนนี้เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก
“ใช่ค่ะลุงภพ ยังไงจันทร์ฝากตัวด้วยนะคะจันทร์ไม่รู้ว่าจะทำงานนี้ได้ดีหรือเปล่า”
“เอาน่ามันไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอกไม่เข้าใจอะไรก็ถามลุงถามนายหัวได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“นี่ถ้าลูกชายลุงมันเรียนจบลุงก็ว่าจะให้มันเข้าไปทำงานที่โรงงานของนายหัวเหมือนกัน”
“พี่จอมจะเรียนจบแล้วเหรอคะ”
“ก็อีกหนึ่งเรียนจบแล้ว”
“ไวเหมือนกันนะคะ จันทร์ไม่เจอพี่จอมมานานไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง เขาไม่กลับบ้านช่วงปิดเทอมเหรอคะ”
“พี่เขาก็สบายดี แต่ปิดเทอมนี้ไปฝึกงานที่โรงงานของเพื่อนนายหัวก็เลยไม่ได้กลับบ้าน”
“อ๋อ ถึงว่าล่ะจันทร์เห็นถ่ายรูปกับโรงงานก็นึกว่าเขาเรียนจบแล้วที่แท้ไปฝึกงานนี่เอง”
“ใช่จ้ะเขาไปฝึกงาน”
ทั้งสองคนนั่งถามสารทุกข์สุกดิบกันไม่นานนักนายหัวชาวีก็ออกมาจากห้องพอดี
“สองคนนี้รู้จักกันก่อนแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ใช่ครับ”
“เอาล่ะ จากนี้อาจจะต้องทำงานร่วมกันถ้าจันทร์มีอะไรสงสัยเกี่ยวกับเอกสารรายชื่อคนงานหรือค่าแรงอะไรต่างๆ การขาดลามาสายของคนงานก็ถามที่ลุงภพได้เลย”
“ค่ะนายหัว”
“ส่วนลุงภพถ้ามีเรื่องไม่ด่วนมากก็ให้แจ้งมาที่ชมจันทร์ก่อนก็ได้แล้วเขาจะบอกผมอีกที ช่วงนี้งานผมค่อนข้างรัดตัวอาจจะไม่ค่อยได้เข้าไปที่สวนบ่อยๆ นะ” สมภพทำงานกับเขามานานตั้งแต่สมัยที่พ่อเขายังอยู่ชายหนุ่มจึงไว้ใจที่จะให้เขาดูแลคนงานทั้งหมด
“ไม่เป็นไรครับนายหัว ถ้าผมอะไรผมจะติดต่อมาที่ชมจันทร์เองชมจันทร์ก็อย่าลืมเอาเบอร์โทรศัพท์ให้ลุงด้วยนะ”
“ได้ค่ะเดี๋ยวจันทร์จดให้ ลุงแอดไลน์จันทร์เลยนะคะเราจะได้คุยกันทางไลน์ได้”
“ลุงเอาเบอร์โทรศัพท์ของหนูให้จอมด้วยได้ไหม”
“ได้ค่ะจันทร์ก็อยากจะคุยกับพี่จอมเหมือนกันไม่ได้คุยกันนานมากแล้ว”
เมื่อเห็นสองคนแลกเบอร์โทรศัพท์กันเสร็จแล้วชาวีก็ให้ลุงสมภพเข้าไปเอาเอกสารในห้องทำงาน
“จันทร์ก็ตามเข้ามาเลยจะได้รู้ว่าอะไรเก็บอยู่ตรงไหน”
“ได้ค่ะนายหัว”