10 เริ่มงาน
หัวหน้าคนงานกลับออกไปแล้วตอนนี้ในห้องทำงานจึงเหลือแค่ชมจันทร์กับนายหัวชาวีเขากำลังนั่งอ่านเอกสารทางการเงินอยู่ส่วนเธอก็ได้รับมอบหมายให้จัดเรียงเอกสารใหม่ทั้งหมด ซึ่งดูแล้วน่าจะใช้เวลาหลายวันกว่าเอกสารทุกอย่างจะเรียบร้อยอีกทั้งยังต้องสแกนเอกสารสำคัญต่างๆ จัดเป็นไฟล์ลงคอมพิวเตอร์ซึ่งถือว่างานค่อนข้างหนักเลยทีเดียว
“นายหัวคะเอกสารในแฟ้มพวกนี้จันทร์ต้องสแกนแล้วเก็บลงคอมพ์หมดเลยใช่ไหมคะ”
“อืม ทำได้ไหมล่ะ”
“ทำได้ค่ะแต่จันทร์สงสัยค่ะ ว่าทำไมมันถึงเยอะขนาดนี้”
“มันจะไม่เยอะได้ยังไงล่ะฉันไม่ได้ทำมาตั้งหลายปี”
“แล้วนายหัวจะเอาทุกปีเลยเหรอคะ”
“เอาแค่สามปีย้อนหลังก็ได้นะ เพราะเกินจากนั้นก็ไม่น่าจะสำคัญอะไร”
“งั้นจันทร์ขอคัดเอกสารสามปีก่อนนะคะ แล้วค่อยสแกนทีหลังได้ไหม”
“จะทำยังไงก็แล้วแต่ เธอจัดการเลยฉันจะไม่ยุ่ง เธอคิดว่าเอกสารทั้งหมดใช้เวลากี่วันกว่าจะเสร็จ”
“การจัดเรียงไม่น่าจะนานค่ะ ส่วนการสแกนก็แล้วแต่ว่าเครื่องของนายหัวใจเร็วไหม”
“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเครื่องมันเก่ามากแล้ว เอางี้แล้วกันเธอจัดเรียงเอกสารให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเครื่องสแกนเอกสารเดี๋ยวฉันจะซื้อตัวใหม่มาให้”
“จะซื้อใหม่เลยเหรอคะจันทร์แค่บอกว่ามันอาจจะช้านะคะไม่ได้บอกให้นายหัวซื้อใหม่”
“ฉันก็อยากจะซื้อตัวใหม่อยู่พอดีก็เลยว่าจะเข้าไปซื้อในเมือง”
“อ๋อค่ะ”
“เธอก็ดูแล้วกันนะว่าต้องการอะไรมาเพิ่มไหม พวกแฟ้มหรือชั้นวางของต่างๆ สำนักงานอะไรพวกนี้อยากได้อะไรก็จดไว้”
“ได้ค่ะจันทร์จะจดไว้”
“ไม่ดีกว่าฉันว่าเธอเข้าไปซื้อกับฉันเลยเพราะฉันขี้เกียจซื้อ”
“นายหัวจะไปตอนไหนคะ”
“น่าจะไปพรุ่งนี้บ่ายๆ
“ได้ค่ะ” ชมจันทร์รับคำจากนั้นหญิงสาวก็นั่งทำงานต่อจนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงสายรุ้งก็มาตามทั้งสองคนให้ไปทานอาหารกลางวัน
“วันนี้เป็นข้าวมันไก่นะจันทร์กินได้ไหม”
“ได้ค่ะ ข้าวมันไก่ก็ของโปรดจันทร์เหมือนกันขอติดหนังด้วยนะคะพี่รุ้ง”
“จันทร์นี่แปลกนะปกติสาวๆ เขาไม่ค่อยชอบกินหนังไก่กัน”
“หนังไก่ของอร่อยเลยค่ะ พี่รุ้งใครไม่กินก็บ้า” ชมจันทร์นึกถึงข้าวมันไก่จานโตที่มีหนังไก่สีเหลืองนวลแล้วท้องก็ร้องขึ้นมาทันที
หญิงสาวรีบจัดเอกสารที่เหลืออีกนิดหน่อยจากนั้นก็เดินตามสายรุ้งออกมาโดยที่นายหัวชาวีก็ตามออกมาห่าง
“นั่นจะเอาจานข้าวไปไหนล่ะจันทร์” นายหัวชาวีถามชมจันทร์ที่กำลังยกจานข้าวออกจากโต๊ะ
“จันทร์จะไปกินข้าวกับพี่รุ้งและป้าสมรในครัวค่ะนายหัว”
“กินตรงนี้มันจะเป็นไรล่ะ”
“ไม่ไม่ดีมั้งคะ จันทร์เป็นลูกจ้างไม่ควรนั่งกินข้าวกับเจ้านาย”
“ฉันสั่งให้กินตรงนี้ก็ กินตรงนี้เถอะเผื่อฉันจะถามอะไรเธอบ้าง” นายหัวชาวีมองหน้าชมจันทร์สายตาเข้มทำให้หญิงสาววางจานข้าวมันไก่ลงที่เดิมและนั่งทานอาหารกลางวันกับเขาเป็นครั้งแรก
“น้าพี่กุลบอกว่าเธอจะต้องไปรับใบประกาศนียบัตรและฟังผลสอบใช่ไหม” เขาเริ่มเปิดประเด็นเมื่อหญิงสาวทานข้าวมันไก่ไปได้เกินครึ่งแล้ว
“ค่ะอีกประมาณ 10 วันคุณครูให้ไปฟังผลสอบแล้วก็ไปซ้อมรับประกาศนียบัตรค่ะ”
“ฟังผลสอบทำไมต้องไปฟังด้วยตัวเองเขาไม่มีแจ้งทางเพจหรือทางอีเมลเหรอ”
“มีค่ะแต่จันทร์อยากไปรับใบประกาศนียบัตรด้วย”
“ไอ้รับใบประกาศนียบัตรนี่มันคล้ายๆ กับรับปริญญาหรือเปล่า”
“มันก็เหมือนกับรับปริญญาเล็กๆ ค่ะงานไม่ได้ใหญ่โตอะไร”
“น้าพิกุลต้องไปร่วมงานกับเธอด้วยไหม” นายหัวชาวีถามเพราะน้าพิกุลบอกกับเขาว่าจะอาศัยช่วงที่ชมจันทร์เข้าไปในเมืองย้ายของออกจากบ้าน
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ทางโรงเรียนยังไม่กำหนดวันที่แน่นอนเลย จันทร์ก็เลยไม่ได้บอกน้า”
“ถ้าน้าพิกุลบอกว่าไม่ว่างล่ะ”
“ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้างั้นเธอก็ไปรับใบประกาศนียบัตรคนเดียวสิ”
“ค่ะนายหัวถามทำไมคะ”
“เปล่าก็แค่ถามดู เพราะฉันไม่เคยเรียนแบบเธอไงก็เลยอยากรู้ไม่มีอะไรหรอก รีบกินเถอะบ่ายโมงจะได้เริ่มงานต่อ” เขารู้สึกเห็นใจหญิงสาวเพราะวันสำคัญขนาดนี้แต่เธอไม่มีใครไปร่วมงานเลย ขนาดตอนที่เขารับปริญญาพ่อกับแม่และญาติๆ ยังพากันยกโขยงไปเกือบ 20 คนทั้งที่รับปริญญาใกล้ถึงกรุงเทพ แต่ชมจันทร์รับประกาศนียบัตรแค่ในตัวเมืองน้าพิกุลกลับจะใช้โอกาสนั้นหนีไปจากเธอถ้าชมจันทร์รู้หญิงสาวคงเสียใจมากแน่ๆ
ชาวีส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนี้ออกไปเพราะแค่เรื่องงานตนเองก็ปวดหัวมากพอแล้ว
“นายหัวเป็นอะไรคะ ส่ายหัวไปมาปวดหัวหรือเปล่า” ชมจันทร์สังเกตเจ้านายที่สะบัดศีรษะไปมาอยู่หลายครั้ง
“เปล่าหรอกฉันรู้สึกวิ้งๆ ที่หูน่ะ ก็ส่ายหัวเผื่ออาการมันจะหายไป”
“จันทร์ก็เคยเป็นค่ะ ตอนที่ใช้หูฟังมากๆ หูมันก็จะวิ้งๆ แบบนี้นายหัวกลืนน้ำลายเยอะๆ ค่ะเดี๋ยวมันก็หาย” หญิงสาวให้คำแนะนำไปตามประสบการณ์ที่ตนเองเจอ
“หายจริงๆ ด้วยขอบใจนะ” ชาวีบอกชมจันทร์แล้วยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ยังเด็กอยู่มากถ้าบิดาเธอไม่เสียชีวิตแม่เลี้ยงของเธอก็คงพามาขายแบบนี้
ตอนบ่ายชมจันทร์ก็เข้ามาทำงานกับนายหัวอย่างเดิมเธอๆ ก้มเงยๆ อยู่บนพื้นที่มีเอกสารกระจายเต็มไปหมดแล้วทำให้คนที่นั่งอยู่สูงกว่ามองลงมาแล้วใจเต้นแรง หน้าอกของหญิงสาวมันแทบล้นทะลักออกมาจากเสื้อกล้ามสีขาวที่สวมอยู่ไม่รู้ว่าเขาสื่อสารกับน้าพิกุลยังไงเธอถึงได้เลือกเสื้อผ้าแบบนี้ให้ชมจันทร์ใส่มาทำงาน
แต่ก็ถือว่าเป็นอาหารตาให้เขาได้คลายเครียดระหว่างทำงานก็แล้วกัน
ชมจันทร์ไม่รู้เลยว่าระหว่างที่ตนเองก้มเงยจัดของอยู่นั้นมีสายตาของราชสีห์หนุ่มกำลังจ้องมองดูหญิงสาวใส่ชุดที่น้าพิกุลเตรียม เสื้อกล้ามสีขาวแต่มีเสื้อเชิ้ตตัวเล็กๆ คลุมทับและผูกไว้ตรงเอวส่วนกางเกงนั้นเป็นกางเกงยีนขาสั้นเผยให้เห็นขาเรียวสวย
ปกติเธอก็ใส่ขาสั้นแบบนี้เวลาอยู่หอเลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่แต่หญิงสาวลืมไปว่าตอนนี้ตนเองไม่ได้อยู่ตามลำพังและผู้ชายที่อยู่ร่วมห้องก็จ้องจะจับเธอกินอยู่ตลอดเวลา
ชาวีอยากจับเธอกดลงบนโซฟาริมห้องตั้งแต่ตอนนี้แต่ก็กลัวว่าจะทำให้หญิงสาวตกใจและหนีไปเพราะนี่มันเพิ่งเป็นวันแรกที่เธอมาทำงานกับเขาชายหนุ่มคิดว่าจะให้เธอตายใจอีกสักหน่อยก่อนจะจัดการกับอาหารอันโอชะที่น้าพิกุลเอามาเสนอถึงที่
ทั้งสองคนทำงานถึง 5 โมงเย็นนายหัวก็บอกให้ชมจันทร์เลิกงานได้และให้ออกมาทานอาหารค่ำอีกครั้งในเวลาหนึ่งทุ่มระหว่างนี้หญิงสาวเลยไปช่วยงานในครัวกับป้าสมร
“เย็นนี้ป้าทำอะไรกินคะ”
“ว่าจะทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ต้มยำกุ้งน้ำข้นแล้วก็ผัดคะน้าปลาเค็มจ้ะ หนูจันทร์กินได้ไหม”
“ได้ค่ะจันทร์กินได้ทุกอย่างแหละ แต่ตอนเย็นจันทร์ไม่ค่อยกินข้าวเยอะเท่าไหร่”
“กลัวอ้วนเหรอ” พี่สายรุ้งที่ช่วยหันผักอยู่ข้างๆ ถาม
“ค่ะพี่รุ้งตอนที่จันทร์อยู่หอก็ไม่ค่อยกินข้าวเย็นหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะกินผลไม้หรือไม่ก็พวกสลัดมากกว่า”
“แต่ที่นี่ไม่มีสลัด มีแต่ผลไม้จันทร์จะกินอะไรก็เลือกเอานะ”
“จันทร์ว่าจะไปเซเว่นสักหน่อยอยากซื้อโยเกิร์ตมากินกับผลไม้เป็นสลัด ป้าสมรกับพี่สายรุ้งฝากจันทร์ซื้ออะไรไหมคะ”
“ขากลับจันทร์แวะซื้อผักคื่นช่ายให้ป้าหน่อยนะเอามาสักสองกำไร ป้าจะซื้อเผื่อไว้ด้วยพรุ่งนี้เช้าจะทำผัดผงกะหรี่ทะเล” ป้าสมรพูดแล้วยื่นธนบัตรใบละ 100 ให้กับชมจันทร์
“เอาผงกะหรี่มาด้วยสองห่อนะ”
“ได้ค่ะป้าสมร พี่รุ้งล่ะคะเอาอะไรไหม”
“ไม่ล่ะ พี่เพิ่งไปมาเมื่อวาน”
“รีบไปรีบกลับนะจันทร์ ทางบ้านเราค่อนข้างเปลี่ยวเดี๋ยวจะเป็นอันตรายเอา”
“ขอบคุณค่ะป้าจันทร์ แต่ทางเส้นนี้หนูชินแล้วขับมอเตอร์ไซค์แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ”