บทที่ 5 สะดุดใจ
เสียงตบมือดังก้องทั้งห้องจัดงาน ดวงไฟสว่างพรึบขึ้น พิธีกรหนุ่มก้าวมายืนกลางแคทว็อค ประกาศชื่อผู้ที่ออกแบบชุดแต่ละชุดและเชิญออกมาโชว์ตัวพร้อมนางแบบ เสียงตบมือดังขึ้นอีกครั้งและดังยาวนานจนกระทั่งนางแบบคนสุดท้ายเดินออกมาและเดินกลับเข้าด้านหลังเวที
มูนรูฟยิ้มกว้าง เขาได้เห็นตัวจริงนางแบบที่เขาหลงใหลและเห็นการเดินแบบของหล่อนก็วันนี้ อีกชั่วโมงเดียว เขาจะได้พูดคุยกับหล่อนที่โต๊ะอาหารซึ่งพ่อของเขาจัดเลี้ยงให้นางแบบและผู้จัดการของนางแบบทุกคน รวมถึงทีมงานทั้งหมดที่จัดงานแฟชั่นโชว์คืนนี้ด้วย
โจอิสันให้เวลาแคทลีนเปลี่ยนเสื้อผ้าแค่ 10 นาทีเท่านั้นเพื่อไปร่วมโต๊ะอาหารกับนางแบบชื่อดังหลายประเทศ แคทลีนต้องเด่นกว่าทุกคนและก็เป็นอย่างที่ผู้จัดการตั้งความหวังไว้ แคทลีนเปลี่ยนตัวเองเพียงไม่กี่นาที หน้าที่ช่างแต่งให้เข้มเพื่อเดินโชว์บนแคทวอคนั้นเปลี่ยนเป็นสวยตามแบบฉบับของหล่อน สีบนใบหน้าอ่อนลง ดูเป็นธรรมชาติกว่าทุกคน หล่อนสามารถทำได้เพราะหล่อนถูกโจอิสันฝึกมาจนชำนาญ บางครั้ง หล่อนไม่ต้องพึ่งช่างแต่งหน้าด้วยซ้ำไป หล่อนเบื่อกับการแต่งหน้าที่เป็นไปตามสเต็ปของช่างมืออาชีพไม่แท้พวกนั้น
ร่างสูงเพรียวก้าวนำหน้าผู้จัดการส่วนตัวไปที่โต๊ะตัวยาวซึ่งจัดเป็นโต๊ะอาหารสุดหรู ผ้าคลุมโต๊ะเป็นผ้าทอจากขนแกะสีฟ้าสดใส เก้าอี้ไม้ คลุมพนักพิงด้วยผ้าทอสีเดียวกับผ้าคลุมโต๊ะ ความยาวของโต๊ะประมาณ 10 เมตรมีเก้าอี้โดยรอบรวมหัวโต๊ะด้วยประมาณ 40 ตัว ภายในห้องโถงใหญ่ห้องนี้มีโต๊ะอาหารยาวประมาณกันถึง 5 ตัว
นางแบบกับผู้จัดการของพวกหล่อนถูกเชิญให้นั่งโต๊ะประธานของงาน แคทลีนเหลือบมองหัวโต๊ะด้านขวามือซึ่งเป็นเก้าอี้ของประธานแล้วหันไปมองหัวโต๊ะด้านซ้ายซึ่งเป็นเก้าอี้ของรองประธาน หล่อนเห็นชายวัยกลางคน รูปร่างท้วมเล็กน้อยนั่งเป็นสง่าด้วยชุดสูทสากล ไม่ใช่ชุดประจำชาติอย่างที่คิด รองประธานเป็นชายหนุ่มหน้าเข้ม สวมสูทสีน้ำเงินเช่นเดียวกับประธาน แคทลีนหันมากระซิบกับโจอิสันด้วยความสงสัย
“เจ๊ ทำไมพวกเขาไม่แต่งชุดประจำชาติที่คลุมหัว เสื้อตัวยาวคลุมถึงข้อเท้าล่ะ เขาไม่อนุรักษ์ชุดประจำชาติหรือเจ๊”
“เขานำสมัยแล้วย่ะ แต่งสากลทั้งหมด ผู้หญิงก็ชุดปกติตามสมัยเหมือนกัน มีแค่คนเสิร์ฟอาหารเท่านั้นที่ยังแต่งชุดยาวของพวกเขา เห็นมั้ยนั่นน่ะ”
โจอิสันหันไปมองหนุ่มสาวที่เดินสวนกันเป็นระยะ ขณะเตรียมอาหารขึ้นตั้งโต๊ะ แคทลีนมองตามแล้วพยักหน้าช้า ๆ เป็นอย่างที่โจอิสันพูดจริง ๆ มีเพียงพนักงานเท่านั้นที่ยังคงอนุรักษ์ชุดประจำชาติไว้
หากจะเรียกชาวฮัตบาซิสเป็นพวกแขกแล้วก็คงจะเป็นแขกขาวเพราะพวกเขาไม่เหมือนแขกจะออกเหมือนฝรั่งมากกว่า ยิ่งรองประธานหัวโต๊ะซ้ายมือของแคทลีนยิ่งเหมือนฝรั่ง ถ้าหล่อนเดาไม่ผิดนัก ท่านโมอาร์ บัสอิล โมฮัมเหม็ดต้องมีภรรยาเป็นชาวฝรั่งแต่ก็แปลกที่หล่อนไม่เห็นภรรยาของโมอาร์ปรากฏกายให้เห็นทั้งที่งานเดินแฟชั่นและงานเลี้ยง หล่อนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวอภิมหาเศรษฐีตระกูลนี้เท่าไรนัก ทานอาหารแล้ว หล่อนจะหาข้อมูลจากโจอิสันให้มากที่สุด
ประธานของงานเลี้ยงผายมือแล้วพูดภาษาอังกฤษคล่องเพื่อเชิญทุกคนในโต๊ะรับประทานอาหารแต่เก้าอี้ที่ด้านขวามองท่านโมอาร์ยังว่างอยู่ เขาไม่รอแขกให้ครบก่อนหรือ หล่อนอดสงสัยไม่ได้แต่พอโมอาร์วางมือลงเท่านั้น เจ้าของเก้าอี้ก็ก้าวเข้ามานั่ง แคทลีนเหลือบมองใบหน้าของแขกที่ไม่รู้จักเวลาแล้วก็ต้องเงยหน้าจ้องมองเต็มตากับใบหน้าคมเข้ม
ดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นประกายสุกสกาว คิ้วเข้มจมูกโด่งรับกับริมฝีปากสีชมพูราวกับเป็นริมฝีปากของหญิงสาว ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลามีเคราเขียวจางช่วยเพิ่มให้ใบหน้านั้นน่ามองมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากหยักแย้มยิ้มบางกับประธานคล้ายกับขอโทษที่มาช้าแต่รอยยิ้มบางนั้นสะดุดตาสะดุดใจนางแบบสาวอย่างจัง หล่อนเผลอจ้องเขาจนเจ้าตัวหันมายิ้มกับหล่อนและก้มศีรษะเป็นการทักทาย หล่อนยิ้มเจื่อนแล้วก้มหน้าสนใจอาหารที่เพิ่งวางตรงหน้าหล่อนพอดี
เก้าอี้ที่หล่อนนั่งอยู่เป็นแถวซ้ายมือของประธานห่างจากเก้าอี้ของประธาน 3 ตัว โจอิสันนั่งตัวที่สี่ต่อจากหล่อน ส่วนตัวที่หนึ่งตัวที่สองและสามเป็นผู้สูงวัยซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของประธานจัดงาน หล่อนได้รับเกียรติให้นั่งใกล้ท่านประธานมากที่สุดซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมให้มานั่งตรงนี้แต่ก็อยู่เยื้องกับเก้าอี้ขวามือของประธาน หล่อนเห็นหน้าแขกผู้มาใหม่ชัดเจน