บทที่ 3 เดินทาง
เขาเบื่อหน่ายไม่อยากเข็นเด็กไร้ที่พึ่งพิงให้เป็นดาวแต่ความสามารถของแคทลีนก็ทำให้เขาอึ้ง ความเหนื่อยหายไปจนหมดสิ้นเมื่อแคทลีนพัฒนาการเดินแบบได้เทียบเท่ากับนางแบบมืออาชีพโดยไม่ให้เขาอับอายเช่นเดือนแรก ๆ อีกต่อไป
“เอากระเป๋าเดินทางมาเร็ว ฉันจะช่วยจัดเสื้อผ้า”
“จะรับงานอะไรทีหลังก็ถามกันบ้างนะไม่ใช่รับปุ๊บเดินทางปั๊บอย่างนี้”
หญิงสาวบ่นอุบขณะลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกมาจากตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ โจอิสันจับโยนลงบนเตียงกว้างรูดซิปเปิดออกแล้วหันกลับไปที่ตู้เสื้อ รวบเสื้อลงมาวาง หันไปที่ตู้กางเกงรวบออกมากองข้างกระเป๋า
“จะยืนมองอีกนานมั้ยเนี่ย ช่วยกันสิยะจะได้เสร็จเร็ว ๆ” ร่างใหญ่หันมาเท้าเอวออกคำสั่งตามด้วยค้อนขวับ แคทลีนหัวเราะแล้วส่งค้อนแบบผู้หญิงแท้กลับไป
“หล่อนอย่ามาล้อฉันนะยะ ถึงฉันจะไม่สวยเริ่ดเหมือนหล่อนแต่ฉันก็มีใจเป็นหญิงแท้ไม่แพ้พวกชะนีอย่างหล่อนหรอกนะยะ”
แคทลีนปล่อยเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คิดจะปิดปากและไม่อายหากมีคนเข้ามาเห็นหล่อนในเวลานี้ โจอิสันค้อนหลายตลบ
“โอ.เค. ฉันยอมแพ้เจ๊ก็ได้ แต่ต้องเล่ามา ว่านายโมอาร์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศฮัตบาซิสเนี่ยเป็นยังไง ทำไมถึงจ้างฉันไปเดินแบบ ใครเป็นคนติดต่อเจ๊”
“ก่อนที่ฉันจะเล่าให้หล่อนฟัง หล่อนช่วยย้ายก้นมานั่งบนเตียงแล้วจัดเสื้อผ้าเร็ว ๆ เราไม่มีเวลามากนักนะยะ เครื่องบินเขาไม่รอนางแบบขาวีนอย่างหล่อนหรอกนะยะ”
“ใครวีน พูดดี ๆ นะเจ๊ ฉันไล่เจ๊ออกจากผู้จัดการส่วนตัวได้วันนี้และเดี๋ยวนี้เลยนะจะบอกให้”
“ถ้าหล่อนไล่ฉันออก ใครจะพาหล่อนไปเมืองฮัตบาซิสยะ หุบปากเบี้ยว ๆ ของหล่อนแล้วมาจัดของลงกระเป๋าเดี๋ยวนี้”
โจอิสันใช้หลังมือเท้าที่เอวข้างหนึ่ง อีกข้างชี้ไปที่แคทลีน คำพูดตอบโต้เผ็ดร้อนของเขากับนางแบบในความดูแล เกิดขึ้นเป็นประจำแต่กับแคทลีนคนเดียวเท่านั้น
“ถ้าปากฉันเบี้ยว เจ๊ก็ตาพิการแหละ”
“ถ้าหล่อนจะหยุดเถียงฉันสักคำเนี่ย งานหล่อนจะหดหายไปมั้ยยะ ฉันละเบื่อหล่อนจริง ๆ”
สุดท้ายโจอิสันก็จีบปากพึมพำคนเดียว แคทลีนยิ้มแล้วเข้ามาช่วยจัดกระเป๋า ครู่ใหญ่ทุกอย่างก็พร้อมสำหรับเดินทาง
แคทลีนเชื่อมั่นในการรับงานของผู้จัดการส่วนตัวของหล่อน ไม่เพียงหล่อนคนเดียวที่อยู่ในสังกัดของโจอิสัน แพรททิน่า แอรีน เฟรชเซีย และจัสมิน ทุกคนยอมรับความเป็นผู้ชายเพียงแค่กายแต่ใจเป็นหญิงของโจอิสัน ไม่มีงานไหนทำให้พวกหล่อนผิดหวังถึงแม้ว่าบางงาน ผู้จัดการบอกนางแบบกระชั้นชิดเตรียมตัวแทบไม่ทันก็ตาม
โจอิสันบอกรายละเอียดเกี่ยวกับมหาเศรษฐีโมอาร์ บัสอิล โมฮัมเหม็ด คร่าว ๆ ว่า นอกจากจะเป็นเจ้าของเหมืองน้ำมันแล้วยังมีโรงงานทอผ้าขนแกะด้วย โมอาร์มีลูกชาย 2 คน ลูกชายคนโตแต่งงานแล้ว ส่วนคนเล็กยังโสต แคทลีนนั่งฟังเงียบ ๆ
“ทำงานเสร็จแล้วไม่มีการขอเข้าไปคุยในห้องนอนนะเจ๊”
“เรื่องนี้หล่อนก็เสี่ยงดวงเอาเองละกัน ข่าวกรองของฉันยืนยันมาว่า นายโมอาร์ไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้ รักเดียวใจเดียวกับเมียของเขาเท่านั้น”
“ฉันเชื่อข่าวของเจ๊ แต่ถ้ามีแอบ ๆ เจอดีแน่”
“ย่ะ ยังไงก็ไว้หน้าฉันบ้างละกัน”
“เรื่องนี้ฉันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นแหละ อ้อ.นี่กลัวเศรษฐีจนไม่ห่วงความปลอดภัยของฉันงั้นสิ งานนี้เอาค่าตัวไปแค่ครึ่งเดียวก็แล้วกัน”
“อ๊าย ไม่ได้นะยะ งานนี้ต้องได้เกินครึ่ง ไม่เหมือนทุกงานย่ะ”
โจอิสันลากกระเป๋าเดินทางใบโตของนางแบบสาวออกจากห้องโดยไม่ใส่ใจว่าเจ้าของห้องจะเดินตามออกมาหรือไม่ แคทลีนทำปากขมุบขมิบตามหลังผู้จัดการจอมงกแล้วเดินตามออกไป
ประเทศฮัตบาซิสเป็นเมืองเล็ก ๆ ก็จริงแต่ความร่ำรวยของประเทศทำให้เมืองเล็กเป็นที่จับตามองของประเทศใหญ่ ๆ ในแถบอาหรับและโมอาร์ บัสอิล โมฮัมเหม็ด กลายเป็นนักธุรกิจเนื้อหอมที่ใคร ๆ ก็อยากทำธุรกิจด้วย โมอาร์ เลือกทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นอันดับแรก อนาคตข้างหน้าเขาหวังให้ ฟูลาซ ลูกชายคนโต ดูแลบริษัทน้ำมันแทนโดยให้ มูนรูฟ เป็นผู้ช่วยและให้มูนรูฟบริหารโรงงานทอผ้าขนแกะทั้งหมด แต่โรงงานทอผ้าเพิ่งเปิดใหม่ไม่ถึงปี โมอาร์จึงคิดโปรโมทสินค้าด้วยการจัดงานเปิดตัวเสื้อผ้ายี่ห้อบัสอิลกับสื่อทั่วประเทศและเชิญนางแบบชื่อดังจากหลายประเทศมาสวมชุดที่ตัดและทอจากโรงงานของเขา