บทที่ 2 จอมโวย
จามิลผู้จัดงานแฟชั่นโชว์ให้กับโมอาร์ บัสอิล โมฮัมเหม็ด ก็เช่นกัน เขาติดต่อหานางแบบด้วยการเปิดแมกกาซีนแฟชั่น เลือกหานางแบบดังที่สุดในหลายประเทศมาสวมชุดผ้าขนสัตว์ยี่ห้อบัสอิลของโมอาร์ โจอิสันรับงานให้แคทลีนทันที
โจอิสันปวดศีรษะเพียงชั่วโมงเดียวกับการเปลี่ยนชุดของนางแบบแต่ละคน ลุ้นกันคอโก่งเป็นบางคนว่าจะเปลี่ยนชุดทันหรือไม่แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
แคทลีนเปลื้องชุดฟินาเล่ออกจากเรือนร่างระหงราวกับรูปปั้นฝีมือเยี่ยมของศิลปินเอกของโลก หล่อนไม่สนใจกับสายตาของเพื่อนร่วมงานและผู้จัดการส่วนตัวที่แอบค้อนอิจฉาหุ่นเพรียวของหล่อน
“เรียบร้อยแล้ว ทีนี้จะบอกได้รึยังว่ารับงานที่ไหนให้ฉัน”
นางแบบสาวเปลี่ยนสวมกางเกงกับเสื้อชุดเดิมของหล่อนเรียบร้อยแล้วหันมาจ้องหน้าผู้จัดการส่วนตัวอย่างรอคำตอบ โจอิสันกรอกตาไปมาแล้วว่า
“เมืองฮัตบาซิสแถบอาหรับ เดินแบบเสื้อผ้าขนสัตว์ย่ะ เจ้าของเป็นมหาเศรษฐีคนเดียวของเมืองชื่อโมอาร์ บัสอิล โมฮัมเหม็ด พอใจรึยัง”
“เมื่อไหร่”
“คืนพรุ่งนี้ เราต้องเดินทางเย็นนี้ถึงที่โน่นตอนเช้า พักผ่อนหนึ่งวัน เข้าใจ๋”
“เดินทางเย็นนี้เนี่ยนะ พระเจ้า! เจ๊โจ หล่อนแกล้งฉันรึว่าหล่อนเป็นบ้าหา..ฉันจะเตรียมตัวทันได้ยังไง”
แคทลีนเสียงดังลั่นห้อง ทุกคนในนั้นหันมาจ้องมองหล่อนเป็นจุดเดียว โจอิสันหันซ้ายหันขวายกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากหนาของตน
“เบา ๆ หน่อยสิยะ ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ให้หล่อนพร้อมหมดแล้ว หล่อนมีหน้าที่พาร่างสมส่วนของหล่อนขึ้นเครื่องเท่านั้น ไปได้แล้ว ขืนอยู่พวกนี้ตีหัวฉันแตกแน่”
หนุ่มผิวดำร่างใหญ่ค้อนขวับแล้วคว้าข้อมือบอบบางของนางแบบสาวดึงกึ่งฉุดให้ก้าวตามออกจากห้องแต่งตัวไปโดยมีสายตาหลายคู่มองตาม
“แม่นี่จอมโวย อะไรนิดอะไรหน่อยก็โวย ไม่รู้เจ๊โจทนทำงานด้วยได้ยังไง เป็นฉันละก็บ๊ายบายไปนานแล้ว ปล่อยให้รับงานคนเดียวให้เข็ด”
“นั่นสิ แต่เจ๊โจแกหางานเก่ง นางแบบอยู่กับแกสบายไปเลย มีงานวิ่งเข้าตลอด ๆ”
ช่างแต่งหน้าทำผมซุบซิบตามหลังคนทั้งคู่ คนที่รู้จักแคทลีนไม่มีใครยอมรับนิสัยโวยวายของหล่อนได้สักคน เพื่อนร่วมเดินแฟชั่นเคยปะทะคารมกับหล่อนมาแล้วแต่โจอิสันก็คอยไกล่เกลี่ยจนอยากจะจับแคทลีนโยนออกนอกสังกัดให้หมดภาระแก้ต่างเสียทีแต่เขาก็ทำไม่ได้สักครั้ง
โจอิสันขับรถสปอร์ตสีแดงสดที่เพิ่งผ่อนหมดหมาด ๆ เข้าไปจอดหน้าอพาร์ตเม้นท์หรูของแคทลีน หญิงสาวซื้อที่พักเป็นของตัวเองหลังจากอยู่กับโจอิสันมานานหลายปี โจอิสันไม่เคยรังเกียจหล่อนในการร่วมห้องเดียวกันแต่ความเจ้าระเบียบและมากเรื่องทำให้เขารำคาญใจ จนบางครั้งเกิดการเหน็บแนมให้เจ็บช้ำใจเรื่องที่อยู่แต่พอหายโมโห เขาก็เป็นฝ่ายงอนง้อขอคืนดีกับหล่อน
ความพิเศษของแคทลีนที่ทำให้โจอิสันโกรธหล่อนไม่ได้นานและไม่เคยรู้สึกเกลียดจริงจังเพราะครอบครัวของหล่อนไม่สมบูรณ์เช่นคนอื่น ๆ พ่อกับแม่ให้เหตุผลกับแคทลีนว่า
“พ่อกับแม่ไปกันไม่ได้แล้วละลูก ความเห็นของเราต่างกันมาก แคทจะอยู่กับพ่อหรือกับแม่ ให้คำตอบพ่อเดี๋ยวนี้ได้ไหม”
แม้แต่เวลาตัดสินใจเลือกพ่อหรือแม่แคทลีนยังไม่มีเวลาได้คิดตริตรอง ไม่มีเวลาร้องไห้กับการหย่าขาดของพ่อกับแม่ ความเสียใจของเด็กสาววัย 17 ปีท่วมท้นอยู่ในอก หล่อนจำได้ว่าวันนั้นให้คำตอบกับพ่อแม่ว่า
“แคทจะอยู่คนเดียวค่ะ”
นั่นเป็นคำตอบที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสสำหรับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแต่แม่ก็ไม่ยอมให้หล่อนอยู่เพียงลำพัง ส่งหล่อนไปอยู่กับยาย แคทลีนหนีออกมาในคืนนั้นและเหมือนกับชะตาถูกลิขิตให้หล่อนมีชีวิตโลดแล่นอยู่บนเวทีนางแบบ อยู่ภายใต้แสงไฟหลากสีที่นำทางให้หล่อนกลายเป็นดาวในวงการนางแบบ
เด็กสาวหน้าตามอมแมมเดินโซซัดโซเซมาหมดแรงเป็นลมล้มทั้งยืนหน้าร้านเสื้อผ้าชื่อดังกลางใจเมือง
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวดำเปิดประตูกระจกใสแจ๋วของร้านออกมาเห็นพอดี เขาอุ้มร่างไร้สติของเด็กสาวขึ้นรถพาไปที่บ้านพักของเขา ความสงสารในตัวเด็กสาวทำให้โจอิสันไม่รีรอกับการปั้นแคทลีนเป็นนางแบบวัยกระเตาะและนับจากวันนั้นเขาเหนื่อยจนท้อเพราะความดื้อไม่ยอมทำตามคำสั่งสอน นอกเหนือจากนั้นยังคิดท่าเดินแปลก ๆ ล้อเล่นกับคนดูจนน่าใจหายใจคว่ำ