บทที่ 13 โชคดี
“คุณยังไม่เดินทางกลับพร้อมคุณโจใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ ฉันอยากเที่ยวที่นี่สักสองสามวัน”
“ถ้าอย่างนั้น คุณพักที่บ้านผมนะครับ ไม่ต้องออกไปเช่าโรงแรม อยู่ที่นี่ต่อนะครับ” เขายิ้มกับหล่อนแล้วมองกระเป๋าเดินทางในมือหล่อนที่เพิ่งลากออกจากห้องพัก เขาหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่มาช่วยยกกระเป๋าเดินทางของแขกขึ้นรถ เข้ามาหาแล้วสั่งเป็นภาษาถิ่น ครู่หนึ่งคนรับใช้หน่วยก้านดีก็นำกระเป๋าของแคทลีนกลับเข้าห้องเดิม โจอิสันมองหน้าหญิงสาวแล้วหันมามองมูนรูฟ
“ฝากดูแลนางแบบของผมด้วยนะครับ”
“ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี บางทีผมอาจไปส่งคุณแคทถึงลอนดอน”
“โอ้.จริงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ห่วงแล้วละ ยายแคท ทำตัวดี ๆ นะจ๊ะ ปากของหล่อน อย่าให้ร้ายนักเดี๋ยวคุณมูนรูฟเกลียดหน้าแกจะยุ่ง”
ประโยคท้ายเขายื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูแคทลีน หล่อนยิ้มแล้วยักคิ้วเป็นเชิงรับรู้ โจอิสันกอดหล่อน แนบแก้มกับหล่อนก่อนจะเดินไปขึ้นรถ มูนรูฟยืนส่งแขกที่รถแค่นั้น ส่วนฟูลาซเป็นตัวแทนของพ่อ ไปส่งแขกถึงสนามบิน
ไม่ต้องบอกว่านางแบบที่กลับก่อนจะอิจฉาริษยาแคทลีนมากเพียงใดเมื่อรู้จากปากโจอิสันว่าหญิงสาวขอพักผ่อนที่ฮัตบาซิสต่อครบอาทิตย์จึงจะกลับไปทำงานต่อโดยมูนรูฟจะเป็นไกด์นำเที่ยว
ฟูลาซนิ่งฟังโจอิสันพูดแล้วถอนใจยาว มูนรูฟต้องหาโอกาสใกล้ชิดกับแคทลีนมากขึ้นและหากน้องชายของเขาพอใจนางแบบสาวถึงกับตามไปส่ง อะไรจะเกิดขึ้น การหมั้นที่จะจัดขึ้นอีกสองเดือนข้างหน้าจะทำอย่างไร พ่อของเขารู้เรื่องนี้จะว่าอย่างไร
“คุณฟูลาซนั่งเงียบเชียว คิดอะไรอยู่หรือครับ” โจอิสันนั่งเบาะเดียวกับฟูลาซ
“เปล่าครับ คุณโจทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณแคทล่ะครับ”
“มีงานรออยู่น่ะสิครับ ไม่อย่างนั้นผมยังไม่กลับหรอก จะให้คุณฟูลาซพาเที่ยว คุณยินดีมั้ยครับ” เขาทำตาซึ้งใส่ลูกชายคนโตของโมอาร์
“ยินดีครับแต่ผมไม่ค่อยว่าง อีกไม่กี่วันคู่หมั้นผมจะบินกลับจากอังกฤษต้องคอยดูแลเธอน่ะครับ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก เสียดายที่คุณโจรีบกลับ ไม่อย่างนั้นผมจะแนะนำให้รู้จักกับเธอ”
ฟูลาซจำเป็นต้องโกหกโจอิสันเพราะเขามองตาผู้จัดการหนุ่มก็รู้ว่าคิดอย่างไรกับเขา โจอิสันไม่ใช่ชายเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาเป็นคนประเภทสองหัวใจเป็นหญิงเต็มร้อยน่าจะเป็นคำพูดที่ถูกต้องสำหรับโจอิสัน
ผู้จัดการส่วนตัวนางแบบถึงกับชะงักรอยยิ้มและหุบลงในที่สุด ฟูลาซยิ้มขำ ๆ กับกิริยาค้อนเคืองของโจอิสัน เขาหันมามองแล้วเอ่ยเสียงเบา
“คุณโจเป็นอะไรไปหรือครับ ไม่เห็นคุยต่อ”
“ผมคิดว่าคุณฟูลาซคงไม่อยากคุยกับผม ใช่มั้ยครับ” เขายังน้อยใจ
“ทำไมคิดอย่างนั้นละครับ คุณโจคุยสนุก ใคร ๆ ก็อยากคุยด้วยทั้งนั้น ผมก็ชอบนะครับ”
“แต่ไม่ชอบตัวผมใช่มั้ยครับ” โจอิสันพูดตรง ๆ แล้วเมินมองออกไปนอกรถ ฟูลาซถอนใจยาวแล้วยิ้ม นั่นเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในขณะนี้
แคทลีนตื่นตากับสุเหร่าที่สวยที่สุดในเมืองนี้ ความอลังการของตัวอาคารมองจากด้านนอกว่าสวยแล้ว พอเข้ามาด้านในกลับเพิ่มความสวยมากยิ่งขึ้น พื้นพรมปูเต็มห้องโถงทำพิธีซึ่งเป็นพรมทอจากโรงงานของมูนรูฟและการออกแบบเป็นช่างฝีมือจากต่างประเทศ ภาพวาดบนฝาผนังเป็นภาพศิลปะเล่าเรื่องของเมืองฮัตบาซิสที่หญิงสาวไม่เข้าใจแต่ความอ่อนช้อยของรูป ทำให้ไม่อยากถอนสายตาจากภาพเหล่านั้น
ความงดงามใช่เพียงแค่ภาพบนผนังแต่เสาทุกต้นเป็นหินอ่อนแต่งด้วยทองคำแกะลวดลายพันจากพื้นถึงยอด เพดานโถง โคมไฟ ล้วนแล้วแต่สั่งตรงจากต่างประเทศ มูนรูฟบอกกับเขาว่า
“ป๋าผมสร้างสุเหร่าให้ชาวบ้านเข้ามาทำพิธีทางศาสนา ท่านอยากทำเพื่อส่วนรวมน่ะครับ”
“คุณมาทำพิธีมั้ยคะ”
“ผมนับถือคริสตามคุณแม่ครับ คุณแม่ผมเป็นชาวอังกฤษ ตอนนี้เดินทางไปที่ธิเบศทำงานเพื่อสังคม คุณแม่ไปทำงานเป็นปีกว่าจะกลับ ป๋าต้องบินไปหา เสร็จจากธิเบศจะไปอินเดียต่อ”
“คุณเคยไปกับคุณแม่มั้ยคะ”
“เคยครับแต่ผมไปแค่วันสองวันก็ต้องกลับ เราไปเที่ยวต่อกันดีกว่าครับ”
เขาจับมือหล่อนจูงออกจากสุเหร่าซึ่งหล่อนยอมให้เขาจับแต่โดยดี ความรู้สึกชอบเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะเขารู้ใจหล่อน พาเที่ยวในสถานที่แปลก ๆ หล่อนอยากเห็น อยากดูของสำคัญของเมืองนี้ โชคดีที่คนนำทางเป็นถึงลูกชายมหาเศรษฐีและอาจจะเป็นโชคดีของหล่อนด้วยหรือเปล่า ที่เขาชอบหล่อน