บทย่อ
เพียงเพราะเธอไปร่วมงานเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลานคร เมืองโบราณหนึ่งพันปีที่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน กลับทำให้แพรพิมาต้องข้ามเวลาหวนคืนอดีตที่น่าเศร้า เคราะห์ร้ายยังต้องติดในห้วงแห่งความคำนึงของใครบางคน!
บทที่ ๑ เมืองเก่า
หญิงสาวร่างระหงกระวีกระวาดเข้าไปให้ทันพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลานคร ที่เป็นเมืองเก่าแก่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อสามปีก่อน เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัดกระบวนการต่าง ๆ จึงล่าช้าไปหมด แต่ยังดีที่มีหน่วยงานเอกชนได้เข้ามาช่วยเหลือเพื่อยกระดับให้เมืองนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศ
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวมากมายจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงตัวเธอด้วย ‘แพรพิมา’ เป็นบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับงานนี้ทั้งสิ้น เพียงแต่เพื่อนของเธอคะยั้นคะยอให้มาร่วมงานนี้ให้จงได้ ไม่อย่างนั้นจะตัดขาดความเป็นเพื่อนกับเธอ!
แพรพิมาไม่เพียงไม่เข้าใจแต่ก็ยอมตามใจเพื่อนสนิท แต่การมาของเธอออกจะทุลักทุเลไปบ้าง หญิงสาวสวมเสื้อยืดกางเกงยีนพร้อมด้วยรองเท้าผ้าใบเก่า ๆ เป็นสไตล์การแต่งตัวที่เธอมองว่ามันคลาสสิคที่สุดแล้ว ทว่าสายตาจิกกัดที่เพื่อนรักส่งมาให้เมื่อเจอกัน ตรงมุมหนึ่งภายในงานดูไม่ค่อยพอใจ จึงรีบก้าวพรวดพราดมายืนประจันหน้ากัน ใบหน้าหวานสูดลมหายใจเข้าออกคล้ายมีอาการเหนื่อยล้า เธออ้าแขนกว้างเข้าไปกอดเอวอย่างประจบประแจง
“คิดถึงจังเลย ไม่เจอกันตั้งสองวัน”
“แกนี่ โคตรโอเวอร์เลย ไหนดูสิ สภาพเหมือนคนไม่ได้นอนเลยยัยพลอยเอ๊ย” ใต้ตาดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวันบ่งบอกดีว่าคงทำงานหนัก คนตรงหน้าเชยใบหน้าเรียวของแพรพิมาที่กำลังทำจมูกย่นใส่คนขี้บ่น
“นอนก็บ้าแล้ว กว่าจะ...” เธอยังพูดไม่จบ รินรดาจึงพูดตัดบทเหมือนไม่อยากฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ถึงจะเป็นเรื่องเดิม ๆ แต่คนยังไม่อยากลาออกจะทำอย่างไรได้
“พอเลย ก็ฉันบอกแกแล้วนี่นาว่าให้ลาออกจากงานนี้”
“เออน่า ค่อยคุยกัน...ว่าแต่วันนี้คนค่อนข้างเยอะเนอะ แล้วงานจะเริ่มตอนไหนอ่ะ” เพื่อไม่เกิดการขัดแย้งและโต้เถียงกันเรื่องเดิม เดี๋ยวอารมณ์จะคุกรุ่นกัน แพรพิมาจึงต้องหาเรื่องเบี่ยงความสนใจจากเพื่อนสนิท
“งานเริ่มเก้านาฬิกาเก้านาที นั่นไงเริ่มแล้ว” รินรดาพยักพเยิดไปยังทางเวทีเมื่อพิธีกรผู้ดำเนินรายการเริ่มอธิบายพิธีการโดยละเอียดในการเปิดงานครั้งนี้
แพรพิมากวาดสายตาเพื่อมองบริเวณโดยรอบซึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่คล้ายโดมแก้วกระจกใส รองรับคนเข้าชมได้ประมาณห้าร้อยคนต่อวัน ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแบ่งออกเป็นโซน เช่น สถานที่จำลองศิลานคร วัตถุโบราณที่ค้นพบ ประวัติความเป็นมา หุ่นจำลองการแต่งตัวในยุคสมัยนั้น ส่วนห้องโถงนี้นอกจากจะเป็นงานเปิดพิธี ยังสามารถรองรับการจัดงานอื่นๆได้อีกด้วย
ภายนอกมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณยี่สิบไร่อยู่ทางทิศตะวันตกของทะเลสาบ อาคารมีรูปทรงครึ่งวงกลม มีทั้งหมดสองชั้น ได้รับงบประมาณสร้างมหาศาลที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากรัฐบาลและเอกชน เพื่อยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศ
นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่องก็คือพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง ‘คุณอัตถ์หรืออติวิชญ์และข่าวลือหนาหูว่าเขาเป็นว่าที่ลูกเขยผู้ว่าการจังหวัดและยังเป็นหนุ่มนักเรียนนอกอนาคตไกล ต่างตกเป็นประเด็นร้อนของทั้งจังหวัด และระดับประเทศ สำนักข่าวมากมายรู้ดีว่าเรื่องซุบซิบคู่รักคู่ใหม่ของจังหวัดไศลาที่ทั้งหล่อเหลา ส่วนฝ่ายหญิงยังเป็นลูกสาวอดีตนักการเมืองดังที่ผันตัวมาบริหารจังหวัดบ้านเกิดเมืองนอนย่อมสร้างความน่าสนใจเท่าทวีคูณ
เมืองโบราณศิลานคร เป็นสถานที่เพิ่งถูกค้นพบโดยคนในพื้นที่ เช้าวันหนึ่งช่วงฤดูร้อนชาวบ้านออกไปหาปลาตรงทะเลสาบที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด โดยสถานที่แห่งนี้ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มีมาอย่างยาวนาน
ในระหว่างที่เขากำลังจะพายเรือกลับ หัวเรือดันไปกระแทกกับตอไม้อย่างแรกทำให้เรือพลิกคว่ำในทันที ชายวัยกลางคนจมลงไปข้างล่าง สิ่งที่เห็นทำเอาตกตะลึงและตื่นกลัว ภายใต้น้ำเบื้องล่างเหมือนกับปลายยอดเจดีย์และมองลงไปลึกสุดสายตา คือซากปรักหักพังของเมืองเมืองหนึ่ง
เขารีบดีดตัวเพื่อแหวกว่ายขึ้นบนฝั่งและวิ่งกลับบ้านด้วยความตื่นกลัวสุดขีดและตะโกนลั่น
“ผีหลอกกกกกกก”
ชาวบ้านหาว่าชายคนนี้พูดเพ้อเจ้อ แต่เขายังยืนยันเสียงแข็ง ผู้ใหญ่เห็นท่าไม่ดีของลูกบ้านที่เกิดความขัดแย้งกัน จะต้องไปพิสูจน์ความจริง
ข่าวแพร่สะพัดออกไปไกลจากหมู่บ้านสู่ระดับจังหวัด จึงเกิดข่าวใหญ่มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วม
ในที่สุดก็ค้นพบเมืองใต้บาดาลแห่งนี้ขึ้นจริง ทำให้มีนักประดาน้ำ นักโบราณคดีและนักวิจัย อื่น ๆอีกมากมายเข้ามาสำรวจพื้นที่ สร้างปรากฏการณ์ค้นพบเมืองโบราณแห่งใหม่ ในจังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้
“เอาล่ะครับ ถึงเวลาสำคัญแล้ว...ขอเชิญท่านภูสิษฐ์ให้เกียรติมากล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ...” พิธีกรกล่าวต่อไปตามลำดับ แพรพิมาก็เริ่มไม่ได้ให้ความสำคัญแก่งานตรงหน้าอีกต่อไป เธอปลีกตัวออกมาเพื่อขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงพยายามหลีกหนีพิธีการที่ค่อนข้างเข้มงวดนี้ต่างหาก
ร่างบางออกมาจากห้องโถงก็เดินสำรวจพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อ่านประวัติความเป็นมาก่อนจะเดินเลียบดูสิ่งของโบราณ ทั้งเครื่องดินเผา และอีกมากมาย แต่กลับพบว่าสิ่งดึงดูดสายตาที่สุด คือกำไลคู่หนึ่ง แต่ก็ละความสนใจไปในทันดลเมื่อได้ยินเสียงการบรรยายภาพสามมิติของเมือง จากจุดเริ่มต้นและจนกระทั่งภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่เมืองจมหายสู่ก้นบึ้งใต้น้ำลึก
หญิงสาวไม่อาจละสายตาจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้แม้เพียงวินาทีเดียว
ไม่รู้ทำไม เธอถึงรู้สึกใจหายราวกับว่าทุกสิ่งที่อยู่ในนี้มันคือเรื่องราวที่แพรพิมาเคยประสบพบเจอมาก่อน ทว่าขณะที่กำลังจะหันหลังกลับทางเดิม เธอเผลอชนเข้ากับใครบางคนเต็มแรง ร่างบางเกือบจะหงายหลังแต่ดีที่มือหนารับช้อนเอวบางไว้ได้อย่างท่วงทัน
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษค่ะ”
เสียงเอ่ยคำขอโทษออกมาพร้อมกัน ก่อนจะผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว แพรพิมาก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะสบสายตาเข้ากับดวงตาคมคายของผู้ชายตรงหน้า
“…”
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ ทำไมผม...ถึงรู้สึกเหมือนเคยเจอคุณมาก่อน”
ชายหนุ่มโพล่งออกมาด้วยสีหน้าข้องใจเหมือนกำลังพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก แต่แพรพิมากลับมองเขาเป็นคนกะล่อนที่พยายามเข้าหาเธอโดยยกเหตุผลที่ดูไร้สาระมาแอบอ้าง
ทว่าคนตรงหน้ามองอย่างไรก็ดูจะไม่ใช่คนประเภทนั้น ใครที่พบเขาครั้งแรกเห็นก็ต้องพูดไปในทิศทางเดียวกันว่าหล่อเหลาเอาการ ด้วยโครงหน้าและสันกรามที่เด่นชัด จมูกโด่งเรียว สีหน้าเรียบนิ่ง และผิวกายบ่งบอกว่าชายตรงหน้าทำงานในออฟฟิศเป็นประจำ
แต่พอเขาเอ่ยออกมาความรู้สึกที่มีกลับติดลบไม่หลงเหลือแม้ความพึงพอใจในครั้งแรกที่เจอ เห็นกันอยู่หลัดๆ ว่าเพิ่งเคยพบหน้ากันแท้ ๆ แต่ยังใช้มุกจีบผู้หญิงทื่อ ๆ แบบนี้อีก
“ขอโทษนะคะ ฉันว่าคุณคงจำคนผิดแล้วค่ะ ฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อน ขอตัวนะคะ”
เธอยกยิ้มเล็กน้อย และเดินจากมาทันที แต่ในระหว่างที่รีบจ้ำอ้าวออกจากตรงนั้น เขากลับวิ่งตามมาก่อนจะยืนขวางไม่ให้เธอเดินผ่านไปได้
“เอ่อ...ผมว่าคุณเข้าใจผิดผมนะครับ”
“...?” แพรพิมลทำหน้าฉงน และยืนกอดอกรอฟังผู้ชายหน้าหล่อ ๆ คนนี้แต่การจีบผู้หญิงติดลบเป็นอย่างมาก
“ข้อแรกผมคุ้นหน้าคุณเป็นเรื่องจริง และในความทรงจำของผม มันบอกว่าเหมือนเคยเจอคุณมาก่อน ส่วนข้อสองท่าทางที่คุณแสดงออกว่าเหมือนผมจะจีบคุณนี่มันดูจะเป็นการเข้าใจผิดนะครับ”
“...”
“ผมคงเผลอทำกิริยาไม่เหมาะสมต่อคุณจนทำให้คุณคิดไปในทิศทางนั้น ส่วนนี้ผมต้องขอโทษด้วย สรุปก็คือผมไม่ได้จีบคุณ...ขอตัวนะครับ” เขาพูดยาวเหยียดก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเดินหายออกไปข้างนอกอาคาร ทำเอาหญิงสาวยืนอึ้งตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ผู้ชายอะไรหน้าตาดีซะเปล่า แต่ปากจัดชะมัดยาด” เธอพึมพำคุยคนเดียวแล้วจึงหยิบโทรศัพท์โทรออกหารินรดา เมื่อปลายสายขานรับก็ขอตัวกลับที่พักโดยไม่ทันฟังว่าเพื่อนจะพูดอะไร
หลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์ ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มราวกับอีกไม่นานฝนต้องตกลงมาห่าใหญ่ หญิงสาวรีบเดินตรงดิ่งไปยังมินิคูเปอร์คันโปรดที่จอดท่ามกลางรถคันหรู ถึงจังหวัดนี้จะเพิ่งมีชื่อเสียงเนื่องจากเมืองศิลานคร แต่ทว่าก็เริ่มมีนักธุรกิจเริ่มเข้ามาลงทุน และยังได้รับทุนสร้างมหาศาล ทั้งห้างสรรพสินค้า คอนโด รถไฟใต้ดินและสาธารณูปโภคเหมือนเมืองหลวงของประเทศก็มิปาน
จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ได้ครอบครัวรินรดาก็ไม่รู้ว่าเธอจะเดินเส้นทางไปทางไหน คงไม่ได้มาอยู่จังหวัดนี้ เธอเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่เสียตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามขวบ ญาติพี่น้องขาดสะบั้นไม่ยอมรับเลี้ยง กาญจนาที่เป็นมารดาแท้ๆของรินรดาเป็นเพื่อนของแม่เธอ เห็นว่าชีวิตช่างน่าสงสารจึงรับมาเลี้ยง จากนั้นจึงย้ายมาอยู่จังหวัดนี้จนเธออายุได้สิบแปดปี ก่อนจะเข้าไปร่ำเรียนในเมืองหลวง
มรดกที่พ่อแม่ของเธอทิ้งไว้มีเพียงบ้านสองชั้นในตัวเมืองและเงินเก็บตลอดชีวิตของพวกท่าน ถึงจะไม่ได้มากมายอะไรแต่สามารถต่อยอดทำให้เธอเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้ บุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูแพรพิมาไม่เคยลืม เมื่อครั้งจบการศึกษาจากมหาลัยชั้นนำได้ เธอหางานทำทันที แต่เศรษฐกิจแบบนี้ และผู้นำและวิสัยทัศน์ของเต่าล้านปีมาบริหารประเทศจะทำให้บ้านเมืองรุ่งเรืองได้อย่างไรกัน เมื่อหมดหนทางจึงกลับบ้าน แต่เธอโตแล้วจะให้ไปอาศัยท่านตลอดชีวิตก็คงไม่ได้ จึงได้ซื้อคอนโดติดริมทะเลสาบ
แต่ความจริงแล้วเธอตะล่อมหาห้องพักทุกแห่งจนมาหยุดเจอที่นี่เป็นที่สุดท้าย ทั้งที่จริงหอพักนี้ทั้งสวยและสะดุดตาเป็นที่แรก แต่เธอไม่เคยชื่นชอบสถานที่ที่อยู่ใกล้กับน้ำมาก่อน ตั้งแต่เด็กที่ตื่นกลัวเมื่อต้องอยู่ใกล้แม่น้ำลำธาร เธอจะร้องไห้งอแงไม่ยอมลงน้ำ เธอรู้สึกว่าแม่น้ำหรือสิ่งที่เรียกว่าของเหลวขนาดใหญ่มักมีชีวิตและมักซ่อนอะไรบางอย่างไว้เสมอ ไม่อย่างนั้นโลกใบนี้จะมีส่วนประกอบของน้ำถึงสามส่วนสี่เลยหรือ
แต่เพราะดวงสมพงศ์หรือโชคชะตาฟ้าลิขิต เธอก็ได้ครอบครองคอนโดหรูติดทะเลสาบแห่งนี้จนได้
ทะเลสาบที่มีตำนานของเมืองโบราณศิลานคร เป็นจุดศูนย์กลางของจังหวัด และรายล้อมไปด้วยภูเขาเขียวขจี เธอเคยอ่านวิสัยทัศน์ของผู้ว่าฯคนนี้ เขาจะสร้างเมืองนี้เป็นเมืองย้อนอดีต ปัจจุบันและมุ่งสู่อนาคตแต่ไม่ทอดทิ้งธรรมชาติที่สรรค์สร้างโลกใบนี้ที่มีมาแต่กำเนิด ผ่านมาสามปีสิ่งที่เขาพูดไว้ก็ไม่ผิดเพี้ยนจากสิ่งที่เขาคิดแม้เพียงประโยคเดียว เรื่องนี้ทำเอาหญิงสาวออกจะชื่นชมและประทับใจไม่น้อย
เพราะฉะนั้น แพรพิมาคิดว่าเธอตัดสินใจกลับมาปักหลักที่นี่เป็นตัวเลือกไม่เลวสักทีเดียว แต่งานประจำที่ทำอยู่ก็หนักเอาการ เธอจบการโรงแรม จึงสมัครงานเข้าโรงแรมระดับสี่ดาว แต่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีเงื่อนไขหนึ่งข้อคือ ต้องเข้างานกะกลางคืนเท่านั้นคงเพราะขาดแคลนพนักงาน ในตอนนั้นในความคิดคือ ขอให้ได้งานไม่ว่าจะต้องทำอะไรเธอไม่เกี่ยงงาน ก็เพียงพอแล้ว
ไม่ถึงสามเดือนสภาพของเธอเหมือนซอมบี้ไม่มีชีวิต ขอบตาดำปี๋ ไม่สามารถข่มตานอนในตอนกลางวันได้สนิท ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอบางครั้งเผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้สึกตัว เธอจึงอยากคิดทบทวนอีกสักครั้ง งานนี้เป็นงานแรกที่เธอจบมา ยังทำงานไม่ทันไรก็จะออกแล้ว เดี๋ยวก็มีคนหาว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เธอเข้าใจดีว่ามารดาและรินรดาเป็นห่วงสุขภาพของเธอ แต่เธอก็ยังอยากให้เวลากับงานที่รักอีกสักนิด หลังจากนี้ก็คงต้องคิดให้เยอะเพื่อจะหางานใหม่ที่เหมาะสม
“ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกสักทีนะ”
แพรพิมาขับออกมาไม่นานนัก ฝนก็ลงเม็ดหนักและเทลงมาฉาดใหญ่ ทำเธอรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ทว่ายังมีความโชคดีที่คอนโดไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์มากนัก ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงที่หมาย เธอหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดประจำ ก่อนจะกุลีกุจอสแกนบัตรเข้าไปภายใน ทว่าเมื่อเดินผ่านห้องนิติบุคคล กลับมีเสียงเรียกตามหลังจากห้องดังกล่าวเข้าเสียก่อน
“คุณพลอยคะ มีพัสดุมาส่งค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” พัสดุเป็นกล่องขนาดใหญ่และยาว เธอรับจากมือบาง ก่อนจะยิ้มกว้างขอบคุณนิติบุคคลและยื่นมือกดลิฟต์ด้วยท่าทางเงอะงะ จนกระทั่งมีบุคคลที่เดินเข้ามาด้านหลังกดให้แทน เธอกำลังจะเอ่ยขอบคุณแต่ก็ต้องหยุดชะงักลง
“...”
“...”
มีเพียงความเงียบงันเมื่อได้เจอะเจอกันอีกครั้ง ผู้ชายคนเมื่อกี้ที่เธอเดินชนโดยไม่ได้ตั้งใจ บัดนี้มายืนเคียงข้างกัน แล้วยังพักอาศัยอยู่ที่เดียวกับเธอ แพรพิมาเหลือบมองพร้อมใบหน้าที่บึ้งตึง เจอกันครั้งแรกเขาทำให้เธออารมณ์เสีย ครั้งที่สองกลับย่ำแย่กว่าเดิมอีก ทว่าเมื่อเขาเห็นสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนแบบนั้นของเธอ ชายหนุ่มกลับยิ้มกรุ้มกริ่มราวกับพึงพอใจ
เมื่อลิฟต์เปิดออก รอให้คนในลิฟต์ออกมาจนหมด ทั้งสองก็เดินเข้าไปพร้อมกัน ภายในใจของแพรพิมาภาวนาให้มีคนอื่นเข้ามาด้วยกัน จะได้ลดอาการอึดอัดของเธอและผู้ชายคนนี้
“บังเอิญจริงๆเลยนะครับ เจอคุณอีกแล้ว แล้วอยู่ชั้นไหนเหรอครับ”
“ถามทำไมคะ ไม่บอกค่ะ”
“…” เขาทำหน้างงงวยและส่ายหน้าระอาราวกับนิสัยชอบยอกย้อน ช่างเป็นคนที่น่าตีจริงๆ เหมือนเด็กไม่มีผิด
เดิมทีอติวิชญ์มาพักที่นี่ชั่วคราว แต่ก็ซื้อเก็บไว้เพื่ออยากมาพักผ่อนในอนาคต เขาไม่คิดว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่วันนี้มีความรู้สึกแปลกประหลาด คนที่เพิ่งเคยพบหน้าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยมากขนาดนี้ แล้วยังมาเจอกันที่คอนโดแห่งนี้เป็นหนที่สอง เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง ชายหนุ่มครุ่นคิด
“งั้นก็แล้วแต่คุณละกันครับ” ชายหนุ่มกล่าวจบจึงกดปุ่มที่ชั้นสิบไปยังห้องพักของตน หญิงสาวหน้าแตกดังเพล้ง ดีที่เธอก็อยู่ชั้นสิบเหมือนกันกับเขาไม่งั้นคงเก็บเศษหน้าไม่ทัน เมื่อลิฟต์ปิดลง ทั้งสองต่างตกอยู่ในความเงียบงัน เธออยากจะออกจากสถานการณ์อึดอัดตรงหน้าหนึ่งวินาทีเหมือนหนึ่งชั่วโมง จนในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลงตรงชั้นที่ทั้งสองอาศัยอยู่ แพรพิมาถอนหายใจยาวและรีบแทรกตัวออกทันที ทำเอาชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงพยายามไม่สนใจกับพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้
ห้องของเธออยู่ฝั่งทางด้านขวามือสุดและระเบียงหันหน้าไปทางทะเลสาบ ร่างบางมาถึงหน้าห้องพักจึงวางกล่องพัสดุไว้บนพื้น แล้วสแกนรหัสเข้าห้อง แต่ก่อนจะเดินเข้าไป หางตาของเธอเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้นหยุดยืนห้องข้างๆ ทางฝั่งซ้ายมือ เขาคงเห็นว่าแพรพิมาแอบมองมาจึงเลิกคิ้วและยักไหล่ให้กัน พร้อมเดินเข้าห้องอย่างลอยหน้าลอยตากวนอารมณ์ของเธอเป็นที่สุด
“วันนี้มันเป็นวันอะไรกันเนี่ย...” เมื่อเข้ามาในห้อง หญิงสาวจึงวางกล่องลงบนโต๊ะหน้าโซฟาและเอนตัวลงนอนราบกับโซฟาและทึ้งศีรษะจนผมยุ่งไม่เป็นทรง
“เฮ้อ! ช่างเถอะ แล้วฉันสั่งอะไรไปนะ ลืมเสียสนิทเลยเรา...”
ปากบ่นไปมือก็ค่อยๆ แกะซีนพลาสติกออกจนเห็นสิ่งของอยู่ข้างใน เป็นรูปรับปริญญาที่เธอต้องได้รับ แต่นี่ผ่านมาหลายเดือนกว่าจะได้ของจนลืมสนิท ร่างบางมัวแต่จดจ้องรูปภาพจึงไม่ได้ทันระวังเสียงฟ้าร้องครืนๆเหมือนกับจะถล่มลงมายังเบื้องล่าง
เปรี้ยง!
ไม่ทันไรสายฟ้าก็ฟาดลงมายังเสาไฟหน้าคอนโดหรู จู่ๆ ไฟฟ้าก็ดับพรึบ ทำเอาเธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ หญิงสาวไม่ได้ให้สนใจกับรูปภาพอีกต่อไป เธอมองออกไปด้านนอกของระเบียงห้อง ท้องฟ้าค่อยๆดำมืด อยู่ดีเสียงฟ้าที่ดังกึกก้อง สายฝนที่เทลงมากระหน่ำก็หยุดลงราวกับปิดสวิตช์
“ไม่จริงน่า เป็นไปไม่ได้” แพรพิมาลุกขึ้นแล้วเดินออกนอกริมระเบียงแล้วเพ่งสายตาไปยังทะเลสาบ ภาพตรงหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เธอเห็นเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่เธอเห็นทำเอาขนลุกเกรียวไปทั้งตัว แม่น้ำในทะเลสาบเริ่มเหือดแห้งลงจนเห็นซากปรักหักพังของเมืองศิลานคร ทว่าโครงสร้างที่คิดว่าผุพังกลับค่อย ๆ ประกอบต่อกันจนเป็นเมืองที่งดงามและสมบูรณ์ หญิงสาวขยี้ตาอีกครั้งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด ไม่มีถนน ไม่มีผู้คน เหลือเพียงเธอคนเดียว
แพรพิมาไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง เธอรีบวิ่งลงมาห้องพักด้วยบันไดหนีไฟเมื่อมาถึงชั้นล่างสุดก็หยุดพัก เพราะอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม เธอเดินออกไปข้างนอกอาคารและมองไปยังทะเลสาบ ก่อนจะวิ่งไปดูใกล้ๆ
แต่ทว่าคอนโดที่เธอพักอาศัยหายวับไปกับตา หลงเหลือเพียงต้นไม้ เธอวิ่งปราดไปยังทะเลสาบ พื้นดินถูกยกขึ้นสูง รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและมีแม่น้ำไหลผ่านลงมาจากภูเขาลูกใหญ่ อุดมสมบูรณ์ราวกับไม่ใช่ความจริง
“ที่นี่คือที่ไหนกัน!?”
หญิงสาวหันมองไปทางไหนก็ไม่ได้คำตอบ เธอกุมศีรษะที่เริ่มปวดหนึบ ภาพความทรงจำใหม่ก็พุ่งจู่โจมเข้ามามากมายไม่หยุดหย่อนราวกับสายน้ำที่ทะลักเข้ามาไม่ขาดสาย
เธอกลัว กลัวกับความทรงจำนี้เหลือเกิน
“ไม่นะ!”
แพรพิมาหายใจไม่ออก ทั้งยังมีอาการปวดศีรษะรุนแรง ก่อนจะเป็นลมหมดสติลง