๘ เจ็บจนชา (๒)
เพิ่งเคยเห็นเพื่อนสนิทในโหมดนี้...น่าขำจริงๆ
หึงแต่ทำอะไรไม่ได้
“ต้น” คุณรุ่งรดาเรียกชื่อลูกชายเป็นการเตือน ทว่าต้นเดือนกลับยิ้มกริ่มไม่สะท้าน เลือกจะตักผัดเต้าหู้ใส่จานข้าวของเพื่อนสนิทตัวเอง
“อ่ะๆ เดี๋ยวฉันตักให้นายลองชิมฝีมือของน้องฉันหน่อยแล้วกัน ไม่รู้ว่าอร่อยจริงหรือเปล่า”
ปริณดาก้มหน้ากินข้าว เผลอกัดปากลุ้นกับคำตอบ หัวใจเต้นแรงแล้วเงี่ยหูฟังว่าเขาจะชอบรสชาติอาหารที่หล่อนทำหรือไม่ กำช้อนส้อมแน่นแทบไม่ได้เคี้ยวข้าวที่เพิ่งตักเข้าปาก
เขาไม่เคยชมว่าเธอทำอาหารอร่อยสักครั้ง...คราวนี้ก็คงไม่ต่างหรอก
“อร่อย”
แต่คำตอบกลับผิดคาด ฌาร์มเอ่ยชมหล่อนเป็นครั้งแรกจนต้องเงยหน้าสบดวงตาคม เล่นเอาใจดวงน้อยถึงกับกระตุก แล้วค่อยก้มลงตักอาหารเข้าปาก ซ่อนรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้
น่าแปลกที่แม้จะเลิกกันไปแล้ว บรรยากาศระหว่างพวกเขากลับดีขึ้นเพียงแค่ได้ยินคำชมเดียวจากปากของฌาร์ม...
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ คนที่ถูกคุณปรีชารั้งตัวไว้ยังคงเป็นฌาร์มเสมอ เขาจำต้องไปอย่างเสียไม่ได้ เพื่อเป็นคู่ต่อสู้ในกระดานเกมสำคัญ แม้สายตาจะมองออกไปข้างนอกตลอดเวลาที่ปริณดานั่งคุยกับกองปราบ
ไม่ค่อยมีสมาธิจนเริ่มแพ้ประมุขของบ้านต้นตระการสองครั้งติด คุณปรีชาหัวเราะมีความสุข คิดว่าตนฝึกปรือฝีมือจนสามารถเอาชนะได้
“ส่งพี่ตรงนี้ก็พอครับ ปลายเข้าบ้านเถอะ...เดี๋ยวพี่ชายปลายจะว่าพี่อีก” เวลาล่วงเลยจนหนุ่มข้างบ้านจำต้องขอตัวกลับ โดยมีลูกสาวคนเล็กของบ้านต้นตระการมาส่งถึงหน้ารั้ว เธอโบกมือลาเขาเหมือนทุกครั้ง
“พี่ต้นแค่หยอกเท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้ว่าพี่ปราบจริงจังหรอก” แก้ตัวให้พี่ชายของตน รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีใจเกลียดชังกองปราบ เพียงแค่เห็นว่าหนุ่มนักบินน่าแกล้งก็เท่านั้น
เขามีความเกรงใจต่อพี่ชายของปริณดา อยากให้อีกฝ่ายถือหางตนบ้าง เพราะดูท่าแล้วต้นเดือนจะเชียร์เพื่อนสนิทให้รักกับน้องสาวมากกว่า
พอจะมองออกถึงความรู้สึกของฌาร์มที่มีต่อหญิงสาวที่ตนหมายปอง หล่อนเองก็คล้ายว่าจะชอบท่านรองประธานรูปหล่อเช่นเดียวกัน
เขาจึงต้องรีบรวบรัดให้มั่นใจว่าตนจะสมหวัง...
“พี่มีของจะให้ปลาย” ถึงจะบอกให้เธอเข้าบ้าน แต่ก็เลือกมาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว พร้อมกับแอบหยิบกล่องขนาดเล็กออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“อะไรคะ”
“พี่บินไปเกาหลีแล้วเจอสร้อยข้อมืออันนี้เลยคิดถึงปลาย ซื้อมาฝากเป็นของขวัญ...ที่เรารู้จักกันสามเดือน” สร้อยข้อมือถูกยื่นมาตรงหน้าหล่อน ดวงตากลมมองด้วยความว่างเปล่า ไม่ได้ยินดีแต่ก็ไม่ได้เฉยเมยกับมันจนเกินไป
ค่อนข้างเกรงใจเขาที่ต้องเสียเงินซื้อของแพงให้หล่อน ดูจากตัวจี้รูปผีเสื้อที่ปักเพชรรอบตัว คงไม่ใช่ของราคาถูก แต่การจะปฏิเสธก็เสียน้ำใจคนให้ จำต้องพยักหน้ายอมรับ
“ขอบคุณค่ะ สวยมากเลย” เธอยิ้มตามมารยาท แต่สร้างความประทับใจให้กองปราบเป็นอย่างมากจนต้องเอื้อมไปคว้ามือหล่อนมาจับ พร้อมทั้งเอ่ยอาสาด้วยความเต็มใจ
“พี่ใส่ให้นะ”
“เอ่อ ไม่...ก็ได้ค่ะ” ดวงตาคมจ้องหล่อนไม่กระพริบ สุดท้ายจึงต้องยอมให้เขาสวมสร้อยที่ข้อมือ เหมือนเป็นการตีตราจองที่หล่อนไม่ใคร่จะเต็มใจเท่าไหร่...
“ขอบคุณ...” เงยหน้ามองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่กลายเป็นว่าหน้าผากมนถูกประทับรอยจูบโดยไม่ทันให้ตั้งตัว เล่นเอาปริณดานิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ไม่คิดว่าร่างสูงจะกล้าทำแบบนี้กับตัวเอง
“ฝันดีครับ” เขาผละออกแล้วโบกมือลาด้วยยิ้มกว้าง เดินออกจากบ้านต้นตระการอย่างมีความสุข คิดว่าเส้นทางรักสมหวังคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ไม่รู้เลยว่าสร้างความลำบากใจให้ร่างบางมากแค่ไหน
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองการกระทำของพวกเขามาตลอด ทั้งยังกำมือแน่นเมื่อเห็นฉากพลอดรักแสนหวาน จนไม่อาจทนหลบอยู่ในมุมมืดได้
“พี่ฌาร์ม...จะกลับแล้วเหรอคะ” พอหันกลับมาแล้วเจอร่างสูงยืนหน้าเคร่งขรึมเป็นยักษ์ปักหลั่นก็สะดุ้ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลย
“เปล่า” ตอบปฏิเสธเสียงแข็ง ค่อยก้าวเท้าเข้าใกล้ร่างแบบบาง ทว่าหล่อนเลือกจะถอยหลังเว้นระยะห่างเอาไว้
สองสายตาสบกันนิ่ง...
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เผชิญหน้าตามลำพังโดยไม่มีบุคคลที่สาม เธออยากบอกว่าคิดถึงเขา แต่อีกใจก็อยากตัดรักครั้งนี้ให้ขาด เพราะเจ็บปวดมากจนไม่อยากกลับไปเจ็บอีกรอบ
ทั้งรักทั้งเกลียด...ในเวลาเดียวกัน
“ทำไมปลายถึงบล็อกเบอร์ บล็อกไลน์พี่” ถามตรงประเด็น เธอเองก็ตอบตามความจริงแต่ไม่ทั้งหมด
หญิงสาวอยากแสดงให้เขาเห็นว่าตนไม่ได้มีเยื่อใยกับชายหนุ่ม อยากเข้มแข็งต่อหน้าฌาร์มให้ได้สักครั้ง ถึงมันจะยากแค่ไหนก็ตาม
หล่อนรักเขาและแสดงออกอย่างเปิดเผยมาตลอด พอถึงคราวนี้คงต้องโบกมือลาอย่างจริงจังบ้างแล้วล่ะ...
“ไม่มีอะไรต้องติดต่อกันแล้วนี่คะ ปลายก็เลยไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับพี่อีก...ปลายเข้าบ้านก่อน อื้อ”
ยิ้มตามมารยาทให้คนตรงหน้า คิดจะเดินหนีเข้าบ้านแต่ทว่าใบหน้าหวานกลับถูกประคองให้เงยขึ้น แล้วปิดปากอวบอิ่มอย่างรวดเร็ว
การกระทำอุกอาจที่คนตัวสูงไม่ได้ไตร่ตรองมาก่อน เพียงแค่เห็นแววตาว่างเปล่า กับประโยคตัดรอดก็หงุดหงิดจนต้องทวงสิ่งที่ควรเป็นของตัวเอง
ปากหยักประกบเข้ากับริมฝีปากชมพูระเรื่อ ไม่อาจหักห้ามใจของตัวเองเอาไว้ได้ ความโหยหาผลักดันให้เขาหักหาญน้ำใจผู้หญิงคนหนึ่งที่ภักดีกับตนมาตลอด แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะหันหลังไปชอบคนอื่นกลับทนไม่ได้
ขบเม้มปากอวบอิ่มราวกับต้องการเตือนถึงความเสน่หาที่เคยมีต่อกัน เธอยอมเปิดปากให้เขาเข้าไปสำรวจความหวาน เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อด้วยความหยามใจ
ค่อยผละออกเมื่อรับรู้ว่าร่างบางกำลังไขว่คว้าอากาศ
“พี่ทำแบบนี้ทำไม...” เธอถามเขาเสียงเบา ดวงตากลมมีน้ำสีใสคลอเบ้า ไม่เข้าใจความคิดของฌาร์มว่าต้องการอะไรกันแน่
เขาจูบหล่อนทำไม...
“พี่ขอโทษ” คิดว่าจะได้รับคำตอบ แต่สิ่งที่ร่างสูงเลือกเอ่ยคือคำขอโทษ แล้วถอยห่างหล่อนเหมือนทำเรื่องผิดพลาด
“ฝากบอกต้นด้วยว่าพี่กลับแล้ว” ฌาร์มเดินไปยังรถยนต์ของตน ไม่มีคำอธิบายในการกระทำให้หล่อนเข้าใจ
แล้วแบบนี้จะให้คิดอย่างไร...นอกจากเขาเห็นตนเป็นของตาย
อยากได้เมื่อไหร่ก็มา
“ฮือ” ทรุดกายลงแล้วปล่อยโฮอย่างไม่อาย นึกเสียใจที่หลงรักผู้ชายคนนี้ แต่การจะตัดใจมันก็ไม่ง่ายเลยสักนิด
เมื่อเธอตกบ่วงฤทัยของเขาไปเต็มๆ