๙ ตามรักกลับมา (๑)
๙
ตามรักกลับมา
วันว่างของปริณดาที่นานทีจะมีสักครั้ง หล่อนเลือกอยู่บ้านแทนการออกไปข้างนอก อยากทบทวนเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แม้จะไม่เข้าใจว่าเมื่อวันก่อนเขามาจูบตนทำไม
ไม่มีคำตอบจากปากของฌาร์ม และหล่อนยังเลือกจะบล็อกเบอร์และไลน์เขาเช่นเดิม พยายามกล่อมตัวเองให้นอนหลับแต่ตาก็ยังเบิกค้างอยู่อย่างนั้นจนน่าหงุดหงิด
รู้ตัวว่าไม่อาจลบเลือนเขาได้ แต่ก็พยายามจะลืม...
ซึ่งผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามคือจำขึ้นใจ ไม่ว่าจะผ่านร้านที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกัน เรื่องที่เคยพูดให้เขาฟัง ความอ่อนโยนยามถูกมือหนาลูบศีรษะ
จดจำมาถึงทุกวันนี้
“วันนี้ว่างเหรอถึงอยู่ติดบ้าน ปกติเห็นเข้าบริษัททำงานสร้างผลงานตลอด” ลงมาข้างล่างที่แสนเงียบ นึกว่าทุกคนออกไปข้างนอกแต่กลับพบพี่ชายนอนดูละครอยู่ห้องนั่งเล่น หล่อนจึงนั่งลงข้างอีกฝ่ายแล้วหยิบหมอนมากอดไว้แน่น
ทอดถอนใจอย่างคนคิดหนัก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต
ถึงอยากเข้าข้างตัวเองแต่ก็กลัวว่าจะเสียใจ เขาอาจจะแค่หวงก้างเท่านั้น...
“เหนื่อย อยากอยู่เฉยๆ” ต้นเดือนตอบเสียงเนือย แล้วเหลือบมองน้องสาวที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตากลมถึงจะมองโทรทัศน์แต่ก็เหม่อลอย เล่นเอาผู้เป็นพี่ที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นต้องขยับเข้าไปใกล้ร่างบาง เลือกจะเกริ่นแล้วตรงเข้าประเด็น
“ถามหน่อยสิ...ยังรักไอ้ฌาร์มอยู่หรือเปล่า” เพียงแค่ได้ยินชื่อเจ้าของหัวใจ ทำให้หล่อนสะดุ้ง หันขวับมามองต้นเดือนอย่างรวดเร็ว
พี่ชายของเธอรู้อะไรมาหรือเปล่า สีหน้าจากเศร้าโศกก็เปลี่ยนในฉับพลัน บางทีฌาร์มอาจจะบอกอะไรเพื่อนสนิทก็ได้
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็เห็นเราไปไหนมาไหนกับหนุ่มข้างบ้านตลอด พี่คิดว่าคงตัดใจจากเพื่อนพี่ได้แล้ว แต่วันก่อนที่มากินข้าวด้วยกัน...ตามันฟ้องว่ายังรัก” คนฟังถึงกับแสยะยิ้มสมเพชตัวเองที่คิดว่าเขาจะถามถึงตนบ้าง ความจริงคงไม่สนใจเรื่องของเธอด้วยซ้ำ
“ตัดใจมันง่ายเมื่อไหร่ล่ะ แต่แค่ไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิม” รู้ดีว่าโกหกไปก็ไม่มีความหมาย ถึงปากจะบอกว่าไม่รัก แต่คนอย่างต้นเดือนคงไม่เชื่อหรอก สายตาของหล่อนบอกหมดทุกอย่าง บางทีก็หงุดหงิดตัวเองที่เก็บอารมณ์ไม่เก่ง
อยากด้านชากับฌาร์มให้มากกว่านี้หน่อย...
“เจ็บ...หมายความว่ายังไง ฌาร์มทำร้ายร่างกายปลายเหรอ” คราวนี้รีบเข้ามาจับสองมือ สำรวจไปทั่วร่างกายจนหล่อนต้องส่ายศีรษะ
ถ้าเขาตีมันคงเจ็บแต่ไม่บาดลึกตรงสู่ขั้วหัวใจขนาดนี้ สิ่งที่ชายหนุ่มทำกลับตรงกันข้ามต่างหาก
“เปล่าหรอก เขาแค่ไม่ได้รัก”
นั่นคือเหตุผลที่ย้อนกลับไปคิดก็ยิ่งเจ็บ ฌาร์มต้องฝืนทนอยู่กับหล่อนสองเดือนโดยที่ไม่มีความสุข เขาช่างมีใจอุทิศเหลือเกิน...
แค่อยากรับผิดชอบจนต้องขอเป็นแฟน ทนอยู่ในสถานะคนรักทั้งที่ไม่ได้รัก แค่คิดก็เผลอหัวเราะในลำคอเหมือนต้องการจะเย้ยหยันตัวเองที่หลงคิดว่าจะทำให้ชายหนุ่มรักได้
ความจริงไม่ใช่สักนิด...
“ปลายได้ยินที่พี่ต้นคุยกับพี่ฌาร์มวันนั้น ปลายรู้ว่าพี่เขาคบกับปลายเพราะต้องการรับผิดชอบ...ตอนแรกปลายคิดว่าเดี๋ยวเขาคงรักปลาย พยายามทำดีหน่อย เอาใจให้มาก”
ยอมบอกถึงเหตุผลจริงที่ทำให้หล่อนร้องไห้ คือการที่รู้ความจริงจากปากแฟนว่าที่ผ่านมาไม่ได้รัก ทั้งยังพยายามบังคับความรู้สึกให้รักอีกต่างหาก
วันที่ตาสว่างคือวันที่เห็นเขาต้องนอนอยู่ในรถหลายชั่วโมง เพราะไม่อยากเข้ามาในห้องที่มีเธอ...
ใครจะทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ความรักไม่เท่ากันได้ เธอไม่เห็นแก่ตัวรั้งเขาเอาไว้หรอก
“ปลายเพิ่งได้สติตอนที่เห็นว่าเขาถึงคอนโดแล้ว...แต่ไม่ยอมเข้าห้องเพราะไม่อยากเข้ามาเจอปลาย เขาถึงกับโกหกว่าคุยงานไม่เสร็จ เป็นแบบนี้จะให้ฝืนคบทำไม มันเป็นความสุขที่ฉาบฉวยปลายไม่ต้องการ”
รีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เพียงแค่คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นก็เจ็บปวดอีกครั้งจนดวงตาร้อนผ่าว เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แม้จะผ่านไปหลายเดือนก็ตาม ต้นเดือนเห็นอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าพูดอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายระบายความอัดอั้นในใจออกมาจนหมด
“วันนั้นที่พวกพี่คุยกัน อยู่ริมสระเหรอ” พอนึกย้อนไปก็นึกถึงวันที่ตนถามฌาร์มอย่างตรงไปตรงมา อีกฝ่ายก็มิปิดบังเช่นเดียวกัน
ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแผลใหญ่ในใจของน้องสาวไปซะได้...
“อือ”
“พี่บังคับให้พี่ฌาร์มรักปลายด้วย” หัวเราะทั้งที่ยังคงร้องไห้ เธอบอกตัวเองไม่ให้ร้องแต่ก็ห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้
มันยังคงไหลอาบแก้มไม่หยุด จนพี่ชายต้องหยิบทิชชู่ขึ้นซับน้ำตาด้วยความสงสาร เมื่อไหร่ปริณดาจะมีความสุขสักที เขารู้ดีว่าทำอย่างไรจึงจะเห็นรอยยิ้มของหล่อนอีกครั้ง เพียงแค่ต้องขอแรงจากใครบางคนซึ่งเต็มใจทำเป็นอย่างมาก
แต่ไม่รู้ปากอมหินเอาไว้หรืออย่างไรถึงหนักแบบนี้
“พี่พูดเล่น ไม่ได้จริงจังเลยเพราะพี่รู้ว่าฌาร์มเริ่มรักปลายแล้ว และตอนนี้เพื่อนพี่มันรักปลาย” ลูบศีรษะมนแล้วยอมบอกความจริงให้คนคิดมากทราบ
ไม่อยากให้ปริณดาต้องเข้าใจผิดแล้วเอาแต่คิดในแง่ลบกับตัวเอง ความรู้สึกของคนทั้งสองตรงกัน เพียงแค่ไม่ได้หันหน้ามาพูดคุย ต่างคิดไปคนละทาง
โดยเฉพาะฌาร์มที่ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรสักอย่าง ถ้าไม่ติดที่ปริณดารักเพื่อนเขาจนหมดหัวใจ คงได้บอกให้เลิก ไม่ต้องมาให้เห็นหน้ากันอีกต่อไปแล้ว
“ไม่จริงอ่ะ” เช็ดน้ำตาพลางส่ายหน้าไม่เชื่อ ต้นเดือนกำลังพยายามกล่อมไม่ให้เธอร้องไห้จึงกุเรื่องโกหกมาพูด
“จริง พี่เป็นเพื่อนกับฌาร์มมาหลายปีทำไมจะมองไม่ออก ถึงตอนแรกมันคบเพราะอยากรับผิดชอบ แต่ตอนนี้มันรักปลายจริงๆ”
คราวนี้หล่อนถึงกับนิ่งค้าง เพียงแค่คิดว่าได้รับความรักที่แท้จริงจากชายในดวงใจ ไม่ใช่เพียงแค่ฝันลมๆ แล้งๆ เหมือนอย่างเคย ก็ทำให้นั่งแทบไม่ติด น้ำตาเหือดแห้งไปในทันทีแล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย ย้ำถามกับพี่ชายของตัวเอง
ภาวนาในใจให้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง
“พี่ฌาร์มบอกเหรอว่ารัก” สิ่งที่จะยืนยันได้คือมันออกมาจากปากเจ้าตัว แต่พอได้รับคำตอบกลับพ่นลมหายใจแล้วเอนกายพิงพนักทันที ไม่น่าเผลอดีใจไปก่อนเลย
“มันไม่ได้บอก พี่รู้ด้วยตัวของพี่เอง” ตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก
ช่วงนี้ฌาร์มยุ่งกับงาน จึงไม่ค่อยมีเวลามานั่งจับเข่าคุยกันเหมือนอย่างเคย แต่ก็คิดจะถามอย่างจริงจังเพื่อจะได้บอกให้น้องสาวเดินหน้าสักทีถ้าเพื่อนไม่ยอมเปิดใจ ปล่อยให้อยู่แบบนี้มีแต่เจ็บทั้งสองฝ่าย ซึ่งเขาไม่อยากเห็นน้ำตาของน้องสาวอีกแล้ว
คบกับกองปราบก็ดีเหมือนกัน ดูเหมือนชายคนนั้นจะจริงใจ เสียอย่างเดียวคือปริณดาไม่ได้รัก...
“งั้นก็ช่างเถอะ”
“ไปถามมันให้แน่ใจดีไหม คุยกันอีกครั้งให้รู้เรื่องว่าสรุปรู้สึกยังไงกันแน่” รีบเสนอความคิดเห็น เขาเบื่อกับการต้องเป็นคนกลางระหว่างคนคู่นี้เต็มที
“ไม่เอาหรอก” เชิดใบหน้าแล้วยกมือกอดอก ผินหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว แต่ก็เริ่มคล้อยตามเมื่อพี่ชายของตนพยายามหว่านล้อม
“ไปเถอะน่า เชื่อพี่อีกสักครั้ง เพื่อนพี่มันเจ็บจากรักครั้งก่อนจนกลัวการเริ่มต้นใหม่ พอกำลังจะเปิดใจก็ถูกบอกเลิกอีก คราวนี้มันเองก็คงอยากรักแต่กลัวทำให้ปลายไม่มีความสุข” เข้าข้างเพื่อนสนิทตัวเองเต็มที่ พยายามจ้องดวงตากลมที่เริ่มหวั่นไหว เอนเอียงไปกับคำพูดเหล่านั้น
“จริงเหรอ”
“ไปคุยกับฌาร์มให้รู้เรื่อง เชื่อพี่” ตบบ่าน้องสาว เรียกความเชื่อมั่นให้กับคนที่ไม่เคยมั่นใจในรักอีกครั้ง ปริณดาเม้มปากแน่นแล้วนิ่งไปอย่างชั่งใจ
มันไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอ...
แค่ไปฟังความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ ถ้าไม่รักก็ถือว่าจบตัดขาดแบบจริงจัง ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกับอีก แต่ถ้าความรู้สึกของเขาที่มีให้เธอคือความรัก...
เราก็จะได้เดินหน้าไปด้วยกัน ปิดฉากรักข้างเดียวที่ไม่สมหวังของหล่อนสักที!
“ขอบคุณนะพี่ต้น” รีบขึ้นไปบนบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ปล่อยให้พี่ชายผู้ครองโสดเฝ้าบ้านคนเดียวเพราะบุพการีทั้งสองพากันออกไปเที่ยวกับเพื่อนตั้งแต่เช้า
ทุกคนมีความรักหมด ยกเว้นเขาที่ไม่อยากหาห่วงมาคล้องคอ จึงขออยู่เป็นโสดต่อไปดีกว่า...
การขับรถออกจากบ้านครั้งนี้เปี่ยมไปด้วยความหวัง เชื่อว่าพี่ชายของตนต้องไม่โกหกอย่างแน่นอน มือบางกำพวงมาลัยแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไป ไม่ได้มาคอนโดมิเนียมของเขานานแล้ว
ทั้งที่ปกติต้องมาส่งข้าวเช้าและรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน พอเลิกราก็ไม่อยากผ่านเส้นทางนี้ให้ช้ำใจ พยายามไม่ไปในที่เคยมีความทรงจำ มุมานะทำงานอย่างเดียว โดยมีกองปราบคอยอยู่ข้างกายแต่ก็ไม่อาจแทนที่คนในใจของหล่อนได้
จอดรถอยู่ช่องด้านหน้าสำหรับแขก ค่อยเดินเข้ามาหาประชาสัมพันธ์ที่ยืนต้อนรับด้วยรอยยิ้มละไม คุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดีจึงตรงเข้าประเด็น
“มาหาคุณฌาร์มค่ะ”
“คุณปลาย ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” คนฟังชะงักไปครู่หนึ่ง เลือกจะตอบเลี่ยงไม่ยอมบอกความจริงว่าเลิกรากับฌาร์มได้สามเดือนแล้ว เพราะลึกในใจเธอก็หวังว่าจะได้กลับมาคบเขาอีกครั้ง
“มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ” คนทักจึงไม่อาจถามอะไรได้อีก นอกจากเช็คข้อมูลแล้วผายมือไปยังห้องรับแขกส่วนกลางของคอนโดมิเนียม ที่ให้ลูกบ้านสามารถเข้าใช้บริการได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพียงแค่ต้องจองก่อนเข้าใช้หนึ่งวัน
แต่กรณีของฌาร์มพิเศษตรงที่แขกไม่ได้นัดมาก่อน อีกทั้งห้องว่างจึงไม่ต้องจองล่วงหน้าก็สามารถให้เข้าใช้ได้เลย
“คุณฌาร์มอยู่ห้องรับแขกค่ะ” หล่อนผินหน้าไปมอง แต่ไม่เห็นคนข้างใน
“พี่ฌาร์มมีแขกเหรอคะ”
“ค่ะ”
“ปลายนั่งรอข้างนอกก็ได้ค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม การมาโดยไม่บอกก่อนกลับเจอเรื่องเซอร์ไพรส์ซะเอง
เดินไปนั่งรอที่โซฟาเดี่ยวตรงล็อบบี้ หยิบโทรศัพท์คิดจะกดปลดบล็อก แต่กลับชะงักซะก่อน...
หล่อนเลือกเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋าตามเดิม คิดว่าให้ความสัมพันธ์ชัดเจนกว่านี้ค่อยปลดก็ไม่สาย ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้คิดเหมือนกัน กลายเป็นเธอที่หวังลมๆ แล้งๆ ฝ่ายเดียวจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาบล็อกอีกรอบ
เวลาผ่านไปหลายนาที เธอเฝ้ารอด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ พอเห็นประตูเปิดจึงรีบลุกยืน ริมฝีปากยิ้มกว้างคิดจะเดินเข้าไปหาเขา
ทว่าพอเห็นใบหน้าของแขกที่อยู่กับฌาร์มก็ค่อยนั่งลงที่เดิม พึมพำเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา
“คุณญาดา...”
ก่อนก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองกอดกัน ลมหายใจสะดุดพร้อมดวงตากลมที่ร้อนผ่าว หญิงสาวไม่อาจทนมองได้จึงรีบลุกออกไปอย่างรวดเร็ว
ความหวังสุดท้ายพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี...