๖ ถึงคราวบอกลา (๑)
๖
ถึงคราวบอกลา
ว่าที่ลูกเขยของบ้านต้นตระการขับรถมาจอดด้านหน้า พร้อมเดินอ้อมมาเปิดประตูให้คนรัก ค่อยควงกันเข้ามาในบ้านโดยมีต้นเดือนเอ่ยล้อไม่หยุด ปริณดาทำเพียงส่งค้อนให้พี่ชายแต่ก็ยิ้มเขินด้วยความชอบใจ
ปล่อยสองหนุ่มให้นั่งคุยกัน ก่อนที่คุณปรีชาจะเข้ามาร่วมวงสนทนา ส่วนสองแม่ลูกเข้าครัวเพื่อทำอาหาร แต่ดูเหมือนร่างบางจะไปป่วนมากกว่า แทบไม่ได้หยิบจับสิ่งใดเลยด้วยซ้ำ นอกจากหยิบชิมเข้าปากแล้วชมว่าแม่ครัวทำอาหารอร่อย
วงสนทนาของนักธุรกิจต่างพูดถึงเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน แล้วค่อยเปลี่ยนเรื่องเมื่อโดนต้นเดือนทักว่าคุยแต่เรื่องเครียด หันมาพูดเรื่องการทำอาหาร เพราะมีพ่อครัวหัวป่าก์อย่างฌาร์มอยู่ทั้งคน ได้ฝีมือการทำอาหารมาจากบิดาที่ล่วงลับ และแม่ครัวซึ่งสอนเขามาตั้งแต่เด็กจนทำอาหารอร่อย
เคยคิดอยากเปิดร้านอาหาร แต่ลำพังทำงานบริษัทก็ยุ่งจนหัวหมุน ไม่อาจปลีกตัวไปทำอย่างอื่นได้
“อาหารมาแล้วค่ะคุณผู้ชายทั้งหลาย” ถึงเวลาก็พากันไปรอที่ห้องรับประทานอาหาร คุณผู้หญิงของบ้านและปริณดาเดินนำแม่ครัวที่ถือจานเตรียมจัดอาหารขึ้นโต๊ะค่อยพากันออกจากห้องครัว
โต๊ะที่เคยโล่งก็มีอาหารหลากหลายเมนูวางเรียงราย ลูกชายคนโตถึงกับกวาดตามอง ไม่คิดว่ามารดาจะผูกใจว่าที่ลูกเขยด้วยการเลี้ยงดินเนอร์
“น่ากินทั้งนั้นเลยม้า ใครเป็นคนทำเหรอ” ไม่ได้เข้าไปดูในครัวจึงรีบถาม ร่างแบบบางเดินไปนั่งข้างแฟนหนุ่ม ปล่อยพี่ชายให้นั่งข้างคุณรุ่งรดา ทั้งที่ปกติตรงนั้นเป็นที่ของตัวเอง
“ปลายเอง!” นั่งลงข้างฌาร์มแล้วยกมือบอกอย่างภาคภูมิใจ แม้หล่อนจะไม่ได้เป็นคนปรุง แต่ก็ช่วยถือตะหลิวผัดอยู่หน้าเตา แล้วจะไม่ให้บอกว่าตัวเองทำได้อย่างไร
ถือว่าเธอทำนั่นแหละ...
“เอ่อ ต้องโทรจองรถโรงพยาบาลมาจอดรอหน้าบ้านหรือเปล่าเนี่ย แน่ใจนะว่ากินได้” ใบหน้าคมเหยเกแล้วมองอาหารตรงหน้า เริ่มคิดว่าควรกินดีหรือเปล่า
ทว่าต้นเดือนรู้ดี...คนอย่างปริณดาน่ะหรือจะทำอาหารได้
แค่ทอดไข่เจียวบางครั้งก็ไหม้ บางครั้งไม่สุก พอครั้งต่อมาอมน้ำมันอีก เขาจึงเลิกหวังกับการทำอาหารของน้องสาว ขอแค่ไม่ท้องเสียก็บุญแล้ว
“พี่ต้นอ่ะ พี่ฌาร์มดูสิ พี่ต้นว่าปลาย” รีบกอดแขนร่างสูงพลางออดอ้อนทันที โน้มศีรษะไปซุกที่แขนล้ำพลางส่งสายตายียวนให้พี่ชาย
“โอ๋ๆๆ” รองประธานรูปหล่อถึงกับต้องยกมือลูบศีรษะมน แล้วกล่อมให้หล่อนใจเย็นลง เข้าข้างคนรักของตัวเองจนบุคคลที่สามถึงกับส่ายศีรษะ ยกเว้นคุณรุ่งรดายิ้มแก้มปริมีความสุขเพราะเห็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นไปในทางที่ดี
ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอาจจะเข้าพิธีวิวาห์ก็ได้...
แค่คิดก็ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ได้ฌาร์มมาเป็นลูกเขยสมใจ
“พอมีแฟนล่ะอ้อนใหญ่เลยนะ น่าหมั่นไส้”
“ทำไม อิจฉาล่ะสิ อย่างนี้แหละคนไม่มีแฟน หม่าม้าทำไมไม่หาแฟนให้พี่ต้นบ้างคะ จะได้เลิกอิจฉาตาร้อนคนอื่นสักที” คราวนี้คนเป็นพี่ถึงกับเสียววาบที่สันหลัง รีบถลึงตาใส่น้องสาวเมื่อปริณดาพูดถึงเรื่องต้องห้าม
ใครอยากมีแฟนกันล่ะ!
“เอาไหมต้น ม้ารู้จักลูกสาวของเพื่อนอยู่สองสามคน...” คุณรุ่งรดาได้ทีก็รีบถาม รอให้ลูกชายคนแรกพาสะใภ้เข้าบ้านแต่ก็ไม่มีวี่แวว พอคิดจะช่วยหาโดยการนัดดูตัวก็สร้างวีรกรรมเอาไว้มากมายจนไม่มีใครอยากทำความรู้จักลูกชายของตน
“ไม่เอาอ่ะม้า อยู่คนเดียวสบายใจ...เรามากินข้าวดีกว่า ผมหิวจนท้องร้องโครกครากแล้วเนี่ย” รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว แล้วลงมือรับประทานอาหารสร้างรอยยิ้มให้คนในครอบครัว คุณปรีชาไม่พูดอะไรตามใจภรรยาทุกอย่าง
ปริณดาได้โอกาสรีบตักกุ้งตัวใหญ่วางไว้บนจานของคนรัก เธออุตสาห์แกะเปลือกกุ้งจนรู้สึกว่ากลิ่นคาวยังติดจมูก จะไม่ให้เขาพลาดของอร่อยเด็ดขาด
ก่อนจะเอื้อมไปตักปลาหมึกผัดไข่เค็มวางไว้บนจานร่างสูง ให้เขาพิเศษกว่าใครเพื่อน บริการอย่างดีด้วยรอยยิ้มแต้มมุมปาก บ่งบอกถึงความสุขยามได้อยู่ด้วยกัน
โดยเฉพาะการที่ชายหนุ่มเข้ากับครอบครัวของเธอได้ดี...
“พี่ฌาร์มกินกุ้งเยอะๆ แถมหมูให้ด้วยนะ เอาปลาหมึกไหมคะ” ตอนนี้จานของเขาเต็มไปด้วยหลากหลายเมนูวางปะปนกัน จึงต้องเอ่ยปากห้ามก่อนที่ตนจะกินไม่หมด
“พี่ว่ามันจะเต็มจานพี่แล้วนะ ไม่ต้องตักมาอีกหรอก กินของเราไปเถอะ...พี่ตักเองได้” บอกด้วยน้ำเสียงโทนสุภาพ เธอจึงผละมือออกแล้วพยักหน้า ยอมตามใจร่างสูงทุกอย่างโดยไม่เอ่ยขัดแต่อย่างใด จนต้นเดือนถึงกับมองด้วยความทึ่ง
เพื่อนเขามีพลังอะไรถึงทำให้ลูกลิงจอมทโมนเชื่อฟังได้ขนาดนี้
“ค่ะ” ปากอวบอิ่มติดยิ้มตลอดเวลาเพียงแค่มองเสี้ยวหน้าหล่อของแฟนหนุ่ม เธอมีความสุขมากยามคิดถึงสถานะของเรา
คนรัก...หวังว่าจะคงความสัมพันธ์กันไปอีกนาน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ คุณปรีชารีบคว้าตัวฌาร์มไปเล่นหมากรุกด้วยกัน ปล่อยลูกชายโอดครวญที่ถูกแย่งเพื่อนสนิท ส่วนร่างบางเลือกจะนำขยะไปทิ้งหน้าบ้าน แม้ไม่ใช่หน้าที่ของตนแต่กินข้าวอิ่มก็อยากเดินออกกำลังกายสักหน่อย อีกอย่างถังขยะก็ไม่ไกลจากหน้าบ้าน
จังหวะที่กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงเข้ม จนต้องเหลียวมองด้านหลัง พบชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อตี๋สวมแว่นตาพร้อมกับใส่ชุดไปรเวทที่แสนธรรมดา แต่เมื่ออยู่บนไม้แขวนเสื้อที่ดีก็ทำให้ดูพิเศษขึ้นทันที
“ขอโทษนะครับ” เขาเดินเข้ามาใกล้พลางโปรยรอยยิ้มมาแต่ไกล เธอจึงหันกลับมาสนใจพร้อมค้อมศีรษะเป็นการทักทาย
“ค่ะ” อยู่หมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่คุ้นหน้าอีกฝ่าย พยายามนึกว่าเจอตอนเด็กหรือเปล่าก็มั่นใจว่าไม่เคยเจอ
ไม่รู้จักด้วยซ้ำ...
“ผมชื่อกองปราบเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ เลยมาแนะนำตัว ส่วนนี่ผลไม้จากสวนที่บ้านของผมเองครับ” พอเขาแนะนำตัวหล่อนจึงพยักหน้ารับทราบ รู้ว่าคุณป้าที่เคยอยู่ข้างบ้านตนประกาศขายเพราะท่านตัดสินใจไปอยู่ต่างประเทศกับลูก
มีคนมาซื้อต่อเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งยังหน้าตาดีอีกด้วย...
เธอก้มมองชะลอมผลไม้แล้วเผลอยิ้ม ไม่เห็นชะลอมมานาน จนเผลอจินตนาการว่ากองปราบเป็นพจมานที่เข้ามาอยู่บ้านทรายทอง
“ขอบคุณนะคะ ฉันชื่อปลายค่ะ เจอหน้าทักทายได้ตลอดเลยนะ” รับชะลอมมาถือไว้พร้อมกับแนะนำตัว
ไม่สังเกตแววตาคมที่เปล่งประกายเมื่อเจอใบหน้าหวานของสาวข้างบ้าน มองเธอตาไม่กระพริบแล้วตอบรับเสียงเบา ยกมือเกาท้ายทอยเขินอาย ทั้งที่เจอผู้หญิงสวยมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอรอยยิ้มของใครติดตรึงใจเท่าหล่อนสักคน...
“ครับ”
ปริณดาเดินเข้าบ้านโดยมีสายตาของคนข้างบ้านมองตามจนลับหลัง รอยยิ้มแต้มมุมปากแล้วฮัมเพลงมีความสุข การย้ายบ้านครั้งนี้ถึงจะเสียเงินหลายสิบล้านแต่ก็ถือว่าคุ้ม
หญิงสาวเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับชะลอมผลไม้ คุณรุ่งรดากำลังปอกแอ็ปเปิ้ลและสาลี่วางใส่จานตามคำเรียกร้องของลูกชาย พอเงยหน้าเจอคนที่ออกไปทิ้งขยะแต่กลับถือชะลอมกลับเข้าบ้าน เพ่งมองของข้างในเป็นผลไม้สีเหลือง คาดว่าคงเป็นมะม่วงสุก
“หือ เอาผลไม้มาจากไหนเยอะแยะ” หล่อนยื่นให้แม่ครัวแล้วเดินมายืนใกล้มารดา
“คนข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมาใหม่เอามาให้ค่ะ เป็นการผูกมิตร” เธอหยิบผลไม้เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย จนโดนคุณรุ่งรดามองด้วยสายตาดุ จึงยิ้มแหยะพลางเช็ดมือกับกางเกงของตัวเอง แล้วรีบเดินไปล้างมือทันที
“มารยาทดีนะ รู้จักเอาของมาสวัสดีเพื่อนบ้านด้วย” ชื่นชมทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ
“พ่อเล่นหมากรุกกับพี่ฌาร์มเสร็จหรือยังคะ”
“เสร็จแล้ว บอกว่าเล่นหลายตาก็แพ้เลยหนีไปนอน” ถึงกับหลุดยิ้มขำสามีของตน ถามหาฌาร์มบ่อยครั้งเพราะอยากประลองฝีมือด้วย หลังจากเล่นกับคนสวนและคนรถแล้วชนะตลอดจนเริ่มเบื่อ พอเจอคนเก่งเข้าหน่อยถึงกับหาข้ออ้างหยุดเล่น
ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมเพชสามีตัวเองดี
“พี่ต้นกับพี่ฌาร์มล่ะคะ” รีบถามถึงพี่ชายกับแฟนหนุ่ม มองนาฬิกาเห็นว่าสามทุ่มแล้ว น่าจะถึงเวลากลับของร่างสูง หล่อนจะได้หาข้ออ้างขอไปนอนที่คอนโดของฌาร์ม
“เห็นว่าจะไปคุยกันที่ริมสระ ม้าฝากเอาผลไม้ไปให้พี่เขาหน่อยสิ”
“ค่ะ” รีบหยิบจานแล้วเดินไปทางสระน้ำทันที คิดจะร่วมวงสนทนากับสองหนุ่ม แต่จังหวะที่กำลังจะเดินเข้าไปก็ได้ยินประโยคที่แสนเจ็บปวดออกจากปากของพี่ชาย
พวกเขานั่งหันหลังให้เธอจึงไม่เห็นว่ามีบุคคลที่สามเดินเข้ามาใกล้ หล่อนก็ไม่อาจมองเห็นสีหน้าของคนรักได้เช่นกัน อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไรจนเผลอกำขอบจานเอาไว้ เร้นกายอยู่หลังกำแพง เงี่ยหูฟังถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของตนมาตลอด
เพียงแค่ไม่อยากยอมรับความจริง จึงเลือกปิดหูปิดตาตัวเอง อย่างไรฌาร์มก็ขอหล่อนเป็นแฟน คำว่ารักอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอก
“งั้นนายก็ไม่ได้ชอบน้องสาวของฉัน” เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาคุยอะไรกัน แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือแม้กระทั่งพี่ชายยังมองออก
ปริณดาเผลอกลั้นหายใจระหว่างรอฟังคำตอบ กัดปากแน่นจนได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้ง หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นเช่นเดียวกัน เสียงทุกอย่างเงียบลง พร้อมกับเสียงของฌาร์มค่อยดังขึ้นแล้วกลายเป็นดังก้องข้างหูเธอ
“ที่ฉันขอคบกับปลายเพราะต้องการรับผิดชอบ แววตาตอนที่เขามองฉันมันทำให้รู้สึกผิด อีกอย่างปลายก็เป็นน้องสาวของนาย ฉันคงไม่กล้าฟันแล้วทิ้งหรอก” ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้
เขาไม่ได้ขอเป็นแฟนเพราะรักเธอ แต่ทำเพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำคืนนั้นต่างหาก...
ปริณดายิ้มสมเพชตัวเอง ค่อยพรูลมหายใจเสียงเบาแล้วปล่อยริมฝีปากที่มีเลือดซึม ไม่รู้สึกเจ็บสักนิดเหมือนมันจะชาไปแล้ว
“แต่รู้ใช่ไหมว่าการที่นายทำแบบนี้มันยิ่งแย่กว่าเดิม นายไม่ได้รักแต่น้องสาวฉันรักนาย ฝืนคบกันต่อไปถ้าถึงวันเลิกคนที่เจ็บสุดคือยัยปลาย”
“สิ่งที่ฉันแนะนำได้คือรักน้องสาวของฉันซะ” คนแอบฟังถึงกับยิ้มขำ เธอรู้ดีว่าต้นเดือนหวังดีกับตัวเอง ถึงขนาดบังคับจิตใจคนที่ไม่ได้รัก ให้รักน้องสาว
เริ่มแสบที่ดวงตาแต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์ สูดลมหายใจเข้าปอดค่อยผ่อนออก พอจะก้าวขาเข้าไปกลับไม่กล้า
“หึหึ แนะนำหรือบังคับ”
“บังคับ”
“ฉันจะพยายาม” สุดท้ายน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจนได้ หญิงสาวเลือกจะปาดน้ำตาแล้วรีบหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน
เธอรู้มาตลอดว่าความสัมพันธ์ของเรามันเหมือนคลื่นสงบที่รอวันพายุมาเยือน ถึงตัวจะอยู่ใกล้แต่คล้ายจะห่างออกไปทุกที หลายครั้งคิดจะปล่อยฌาร์ม...
ทว่าหล่อนไม่อาจทำได้
เพราะรักเขาหมดหัวใจ จึงยอมอยู่ทั้งที่รู้เต็มอกว่าไม่ถูกรัก และเขายังมีภรรยาเก่าซุกซ่อนอยู่ในหัวใจตลอดเวลา
เป็นแบบนี้เธอควรไปต่อหรือพอ...
“อ้าว ไม่เอาผลไม้ไปให้พี่เขาแล้วเหรอ” คุณรุ่งรดาเดินสวนกับบุตรสาวจึงรีบท้วง หล่อนยิ้มทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ หยิบผลไม้ขึ้นมากัดเพื่อหาข้ออ้างให้ตัวเองไม่ต้องไปริมสระ กลัวจะได้ยินประโยคที่ทิ่มแทงหัวใจ
“ปลายอยากกินเองมากกว่า...เดี๋ยวปลายขอไปดูซีรี่ส์ก่อนนะคะ ดูค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนกำลังถึงฉากเศร้า อยากลุ้นต่อว่าจะเป็นยังไง” บอกเหตุผลที่พอจะคิดได้ ไม่รอมารดาถามมากกว่านี้รีบเดินขึ้นชั้นสองทันที ไม่อยากอยู่ส่งฌาร์มกลับคอนโดฯ ทั้งที่ตอนแรกคิดจะไปนอนกับแฟนหนุ่ม
ขึ้นมาบนห้องก็วางจานผลไม้ไว้ที่โต๊ะ โถมกายลงบนเตียงกว้างแล้วซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม ร้องไห้เสียงดังปานจะขาดใจ เธอเจ็บที่ได้ยินกับหูถึงความรู้สึกของเขา ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่คบกันมา ชายหนุ่มคงไม่มีความสุขเลยสินะ
ทุกสิ่งล้วนถูกบีบบังคับจากสภาพแวดล้อม พอลองไตร่ตรองดูอีกครั้งก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรักเธอไม่ได้
ทำไมล่ะ...เธอไม่ดีตรงไหน