๔ เปิดตัวรัก (๒)
ร่างบางถึงกับหายใจติดขัด เช็ดน้ำตาแล้วเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นแย้มยิ้ม รีบพยักหน้าเป็นตุ๊กตาสปริง ตอบตกลงโดยไม่ไตร่ตรองเพราะรอเวลานี้มานาน ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็วด้วยซ้ำ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงจะถูกขอเป็นแฟนโดยสถานการณ์บังคับก็ตาม
หล่อนคิดว่าจะทำให้เขารักได้...
“เป็นค่ะ เป็นแฟน! เป็นทุกอย่างเลย เย้ๆๆ” กระโดดขึ้นบนเตียงมากอดร่างหนา เธอเขย่าคนตัวสูงด้วยความสุข จนชายหนุ่มที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มถึงกับต้องออกปากเตือน ไม่คิดว่าหล่อนจะกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก ทั้งยังกอดคอเขาเอาหน้าซุกซอกคอตนจนรับรู้ถึงลมหายใจร้อนจากเธอ
“เบาหน่อย ผมยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ” รีบเตือนทันทีแต่ตอนนี้ปริณดาไม่สนใจแล้ว
“เดี๋ยวค่อยใส่ก็ได้ เสื้อผ้ามันไม่หนีหายไปไหนหรอกค่ะ ดีใจจังเลย จุ๊บๆๆๆ” แสดงออกถึงความรักด้วยการผละมาหอมแก้มสากซ้ายขวา สลับไปมาจนฌาร์มถึงกับหลุดยิ้มในความอ้อนของหล่อน
“เกือบลืมไปเลย ถ้าเราจะเป็นแฟนกัน...อย่างแรกที่ต้องเปลี่ยนคือสรรพนามที่เรียก พี่ห้ามใช้คุณผมแล้วนะ มันดูห่างเหินยังไงไม่รู้ แทนตัวเองว่าพี่เรียกปลายว่าน้อง หรือที่รักก็ได้ค่ะ” สิ่งแรกที่เปลี่ยนคือสรรพนามที่ฟังแล้วขัดหูมาตลอด แสดงถึงความห่างเหินของเราที่เขาพยายามก่อกำแพงเอาไว้สูงลิบ
เมื่อได้เป็นแฟนเธอก็สามารถเปลี่ยนสิ่งที่ไม่ชอบได้ ดวงตากลมจ้องใบหน้าหล่อพลางรอให้อีกฝ่ายตอบรับ
มือบางยังคล้องที่คอหนา นั่งบนตักเขาไม่ยอมลงสักที เธอคิดว่าจะถูกลบความทรงจำซะแล้ว นึกไม่ถึงเขาจะขอเป็นแฟนกันโต้งๆ
ดีใจจนไม่เก็บอาการ คิดจะประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าตอนนี้ตนคบกับฌาร์ม...รักแรกของตัวเอง
“งั้นเรียกปลายแล้วกัน แบบนี้โอเคหรือเปล่า”
“ค่ะ เรียกยังไงก็ได้ตามใจพี่ฌาร์มเลย จุ๊บๆๆ” พยักหน้าทันทีเมื่อได้ฟังชื่อของตัวเองออกจากปากหยัก ช่างไพเราะอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน จนต้องให้รางวัลแฟนหนุ่มด้วยการจุ๊บหลายครั้งติดกัน เล่นเอาคนตัวสูงถึงกับต้องบอกให้หยุด
“พอก่อน...หน้าพี่มีแต่น้ำลายของปลายเต็มไปหมด นี่คนหรือเจ้าสี่ขากันหือ” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาใช้ยิ่งทำให้หัวใจที่ภักดีกับฌาร์มมาตลอดอ่อนยวบ รู้สึกชอบทุกคำพูดของเขาจนดวงตาหลงละเมอ
“พี่ฌาร์มเรียกหมาว่าเจ้าสี่ขาเหรอ ทำไมน่ารักจังเลย” ครั้งนี้ก็ชื่นชมเช่นเดียวกัน แต่พอจะก้มลงจุ๊บแก้มเขาก็โดนมือหนาปิดปากอวบอิ่มซะก่อน เล่นเอาหล่อนต้องชะงักค้างกลางอากาศแล้วทำหน้าย่นที่ถูกขัดใจ
“ลุกได้แล้ว พี่จะไปอาบน้ำ สายแล้วไม่หิวหรือไง”
“หิวค่ะ เดี๋ยวปลายรอข้างนอกแล้วพี่เข้าไปอาบน้ำข้างในได้ตามสบายเลยนะ”
“ปลายก็ต้องรอข้างนอกอยู่แล้ว อยากเข้าไปข้างในกับพี่เหรอ” พอหล่อนลุกยืนข้างเตียงเขาก็ถามด้วยแววตายียวนที่ไม่เคยทำกับหล่อนเลย เล่นเอาปริณดาถึงกับเผลอพยักหน้าเมื่อคิดว่าจะได้สานต่อเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง
“อยาก...เอ่อ ไม่ค่ะ รอข้างนอกดีกว่า” แต่ก็ต้องปฏิเสธ
อย่างน้อยหล่อนควรรักษาความเป็นสาวรักนวลสงวนตัวบ้าง อย่าตามใจเขาไปหมดทุกอย่าง จำยอมเดินออกจากห้องของฌาร์มเพื่อกลับไปเก็บของในห้องตัวเองเตรียมเดินทางกลับ
เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่ชายของตนที่คิดแผนขึ้น
กลับบ้านต้นตระการคงต้องแนะนำเขากับครอบครัวใหม่ซะแล้ว จากแฟนในนามเลื่อนขั้นเป็นแฟนตัวจริงในระยะเวลาอันรวดเร็ว
หญิงสาวยิ้มแก้มปริแทบหุบไม่ได้ ต่างจากคนในห้องที่นั่งกุมขมับกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วตนต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดนั้น...
ระหว่างการเดินทางเธอเปิดเพลงและร้องตามตลอด ซื้อขนมมาป้อนคนขับรถกิตติมศักดิ์ ชวนเขาคุยเรื่อยเปื่อยโดยที่ฌาร์มก็ตอบบ้างเงียบบ้าง เขากำลังพยายามปรับตัวกับสถานะที่เปลี่ยนไปของเรา
ร่างบางยิ้มมีความสุข เธอเหลียวมองเสี้ยวหน้าคมด้านข้างตลอดเวลา เปิดเพลงรักแล้วร้องคลอไปด้วย แสดงออกชัดเจนว่ารักเขาหมดหัวใจ
“ยิ้มสดใสกลับมาเชียวนะ...ขอบคุณนายมากที่ดูแลน้องสาวของฉัน แล้วก็ขอโทษที่เบี้ยวนัด มีงานด่วนเข้ามากะทันหันฉันปลีกตัวไปไม่ได้จริงๆ” เพียงแค่ลงจากรถยนต์ก็มีคนมายืนรอพร้อมเอ่ยล้อกับปฏิกิริยาที่ผิดแปลก ไม่ลืมเอ่ยขอโทษเพื่อนสนิท แม้จะรู้ว่าฌาร์มคงไม่เชื่อ
“ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้าก็ได้” วางกระเป๋าของหญิงสาวลง พอดีกับที่แม่บ้านเดินมารับของ
ปริณดาฉายโอกาสนี้รีบคล้องแขนหนา ยิ้มกว้างเมื่อคิดว่าจะได้แนะนำคนข้างกายอีกครั้ง เธอมองหน้าต้นเดือนพร้อมกับกระแอมเพื่อให้พี่ชายสนใจ
“พี่ต้น! นี่แฟนของปลายเอง ชื่อพี่ฌาร์มค่ะ” บอกเสียงดังฟังชัด แต่พี่ชายกลับขมวดคิ้วสงสัยแล้วบอกปัดทันทีไม่ได้คิดจริงจังเพราะรู้เรื่องทุกอย่างว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นมาหลอกคุณรุ่งรดาเท่านั้น
“ต่อหน้าพี่ไม่ต้องมาเล่นละครก็ได้ หม่าม้าไม่อยู่สักหน่อย”
“ใครบอกเล่นละคร ปลายไม่ได้เล่นละครสักหน่อย ตอนนี้ปลายกับพี่ฌาร์มตกลงคบหาดูใจกันแล้วนะ” กอดแขนหนาแน่นกว่าเดิม เขาก็ยอมยืนนิ่งให้ความร่วมมือหมดทุกอย่าง ยิ้มให้เพื่อนเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่หล่อนพูดเป็นความจริง
“เฮ้ย งั้นต่อไปนายก็เป็นน้องเขยของฉันน่ะสิ ดีใจว่ะ...ไอ้น้องชาย” รีบเข้ามาตบบ่าเพื่อนพร้อมเอ่ยต้อนรับสถานะใหม่
“อือ” ฌาร์มขำแห้งแล้วทำเพียงตอบรับสั้นๆ
“มาๆ เข้าไปข้างในกันดีกว่า จะได้คุยกันสักหน่อยว่าเป็นไงมาไงถึงได้คบกัน เพราะพระจันทร์เป็นใจหรือเปล่า ไปทะเลครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่าสิ” รีบเชิญว่าที่น้องเขยเข้าไปในบ้านเพื่อพูดถึงเรื่องที่เกิด ปริณดาจึงรีบปล่อยแฟนหนุ่มให้คุยกับพี่ชาย หล่อนมีความสุขกับสถานะที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
พอเดินเข้ามาในบ้านคุณรุ่งรดาที่เพิ่งออกจากครัวก็ตรงเข้ามาถามฌาร์มทันที ดีใจที่ลูกสาวคบกับคนที่ตนหมายตาเอาไว้อยากได้มาเป็นลูกเขย
“กลับมาแล้วเหรอ...กินอะไรมาหรือยัง ม้าทำอาหารไว้เยอะเลย ฌาร์มอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ”
“ครับ” เขาไม่อาจปฏิเสธได้จึงต้องตอบรับ
ทุกคนในบ้านต้นตระการดีกับเขาเป็นอย่างมาก สิ่งที่ควรทำคือการรักปริณดาเป็นการตอบแทน แต่เขาไม่รู้ว่าจะรักเธอตอนไหน
เมื่อการคบกันเป็นเรื่องจริง หล่อนก็ไม่ปิดบังความรักที่มีต่อฌาร์ม ขับรถมาหาเขาแต่เช้าที่คอนโดมิเนียมเพื่อเอาอาหารมาส่ง ถึงปกติจะเป็นคนตื่นสาย แต่เพื่อคนรักแล้วยอมตื่นแต่เช้าผิดวิสัยของตนจนโดนพี่ชายล้อ
รอสักพักเจ้าของห้องก็เดินลงมารับ เธอโทรบอกเขาตอนที่มาถึง ยืนรอไม่ถึงห้านาทีก็เห็นดวงหน้าคมหล่อเหลาที่ถวิลหาทั้งวันคืน ยิ้มกว้างมีความสุขแล้วเดินเข้ามาหาร่างสูงทันที อยากอ้าแขนกอดแต่เพราะอยู่ในที่รโหฐานจึงต้องเก็บอาการ ทั้งที่แววตาแสดงออกถึงความรักไม่ปิดบัง
“มาหาพี่แต่เช้าอีกแล้วนะ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนมาหาเขาในช่วงเช้าของวันทำงาน
คบกันมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวมักจะแวะมาหาคนรักก่อนไปทำงานเสมอ เอาอาหารมาให้และต้องการมองหน้าเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานแต่ละวัน รู้ว่าเขางานเยอะไม่ค่อยได้ตอบข้อความ มีเวลาว่างแค่เช้า กลางวันและตอนเย็นเท่านั้น
จึงเลือกมาช่วงเช้าและเวลาเย็น...
“แวะเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ พี่ฌาร์มกินเยอะๆ นะ” ยื่นถุงผ้าไปตรงหน้าอีกฝ่าย พอเขารับมาถือจึงโบกมือลาเตรียมไปทำงาน แต่ก็ถูกรั้งไว้ซะก่อน
“จะไปไหนล่ะ...ขึ้นไปบนห้องพี่ก่อนสิ เดี๋ยวไปส่งที่ทำงาน” คำชวนธรรมดาแต่ทำให้หล่อนมีแรงจนเผลอตะโกนรับเสียงดัง
“ขอบคุณค่ะ!”
น่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องของเขา หญิงสาวพอจะทราบจากพี่ชายว่าฌาร์มพักอยู่ชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียม เป็นเพนส์เฮ้าส์สุดหรูที่จ้างสถาปนิกชื่อดังจากต่างประเทศมาออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นนำเข้าจากเมืองนอก ราคาแพงทั้งนั้นจนไม่กล้าจะคาดเดาตัวเลข
ห้องกว้างขนาดสองร้อยตารางเมตร อีกทั้งยังเป็นแบบดูเพล็กซ์ที่มีสองชั้น แบ่งโซนชัดเจนเน้นโทนสีขาวน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่เดินเข้ามาข้างใน หล่อนถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า สำรวจโดยรอบพลางอมยิ้มมีความสุข
แอบหยิกแขนตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝัน มันเกิดขึ้นจริง...
“ห้องพี่ฌาร์มเป็นระเบียบจังเลย ทำความสะอาดบ้านเองเหรอคะ” เดินมายังโซนครัวที่เป็นแบบฝรั่ง ทั้งยังมีครัวไทยอีกต่างหาก หล่อนดูจากอุปกรณ์ทำครัวคงไม่ได้มีไว้โชว์อย่างเดียว คาดว่าเจ้าของห้องก็เข้าครัวทำอาหารกินเอง
ต้นเดือนเคยบอกว่าเพื่อนสนิททำอาหารเก่ง รสมือทำเอาเพื่อนที่อยู่หอพักเดียวกันติดใจมานักต่อนักแล้ว
เธอเองก็อยากลองชิมฝีมือเขาบ้าง...มาทีไรทำได้แค่ส่งอาหารข้างล่าง
คราวนี้เป็นครั้งแรกได้ขึ้นมานั่งบนห้อง ตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกแต่ก็พยายามระงับอาการเอาไว้ เขาไม่ใช่เพื่อนพี่ชายที่อยู่ไกลเกินเอื้อม แต่เป็นแฟนหนุ่มที่สามารถเอื้อมถึงได้
“ครับ...ปลายกินข้าวเช้าหรือยัง กินด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่ทำแซนวิชเพิ่มจะได้เอาไปกินระหว่างวันด้วย” บอกอย่างใจดี กำลังพยายามปรับตัวให้เข้ากับหล่อน รู้นิสัยของปริณดาดีว่าเป็นคนสดใสร่าเริง ชอบเข้าหาและชวนคุย
ต่างจากตนซึ่งออกจะเงียบขรึม ไม่ค่อยชอบพูดมากนักทั้งยังขี้รำคาญอีกต่างหาก บางครั้งก็อยากให้เธอเงียบบ้าง แต่พอเห็นหญิงสาวมีความสุขในการพูดก็ไม่อยากขัด
“ค่ะ!”
หล่อนนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว มองทุกการกระทำของฌาร์มด้วยแววตาเป็นประกาย ยกมือเท้าคางจ้องแผ่นหลังกว้างตาไม่กระพริบ เพิ่งเคยเห็นอีกฝ่ายสวมผ้ากันเปื้อนครั้งแรก แอบยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกวิดีโอเอาไว้ ไม่ชวนเขาคุยปล่อยให้ชายหนุ่มทำอาหาร เพียงครู่เดียวแซนวิชก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ
“พี่ฌาร์มทำอาหารเก่งจัง” เก็บโทรศัพท์แล้วเอ่ยชม แต่เขาก็ส่ายศีรษะ รอยยิ้มเปื้อนมุมปาก เขินอายกับคำชมนั้นทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่จับวัตถุดิบต่างๆ มาวางบนขนมปัง
“แค่แซนวิชเอง ไม่ถือว่าเก่งหรอก”
“แต่ปลายทำอาหารไม่เป็นเลย ขนาดต้มมาม่ายังไม่อร่อย แค่เทเครื่องปรุงลงหม้อเอง...บางครั้งก็จืด บางครั้งก็เค็มเกินไป ปลายเลยเลือกให้คนอื่นทำดีกว่า เวลากินของคนอื่นอร่อยกว่าเยอะเลย” หล่อนขายตัวเองให้เขาฟัง
เรื่องการทำอาหารถือว่าติดลบ ต้องคอยอ้อนแม่ครัวให้ทำเมนูสุดโปรด เคยคิดจะเรียนทำอาหารแต่แค่เจอน้ำมันกระเด็นใส่แขนแล้วออกร้อนก็ขอโบกมือลาทันที ตนคงไม่เหมาะกับงานครัว
“กินเยอะๆ นะ” หยิบแซนวิชวางตรงหน้าเธอ ส่วนอาหารที่หญิงสาวนำมาก็เทใส่ถ้วยเพื่อกินด้วยกัน
“อร่อยที่สุดเลย ปลายไม่เคยกินแซนวิชที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อน สงสัยต้องมาฝากท้องที่นี่ทุกวันแล้ว” เธอรีบหาทางให้ตัวเองได้มาที่ห้องของเขาอีก ร่างสูงทำเพียงแค่ยิ้มแล้วพยักหน้าโดยไม่ต่อความอะไรให้ยืดยาว มองแฟนสาวที่กินอย่างเอร็ดอร่อยไม่สงวนท่าที
เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวค่อยกินอาหารของตนบ้าง ช่วงเช้าเขามีประชุมเลยต้องรีบออกจากห้องก่อนที่รถจะติด โชคดีหล่อนมาในเวลาที่เขาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมสำหรับไปทำงานแล้ว
เมื่อรับประทานอาหารเช้าจนอิ่มก็เดินออกมาส่งหล่อนหน้าห้อง ปริณดาไม่วายเอ่ยขอบคุณแล้วขยับเข้ามาใกล้เขา เขย่งปลายเท้าหวังจะจุมพิตที่ปากหยัก
“ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะคะ จุ๊บ” แต่เขาผงะแล้วเอนกายหลบทันที จนเธอหน้าเสียและฌาร์มสังเกตถึงบรรยากาศที่ดิ่งลง จนต้องยกมือขึ้นลูบศีรษะมนพลางยิ้มอ่อน หาคำแก้ตัวที่ดูเข้าท่ามากที่สุดมาเอ่ยกับหญิงสาว
“พี่ไม่ทันได้ตั้งตัวน่ะ”
“งั้นต้องจุ๊บบ่อยๆ พี่ฌาร์มจะได้ชิน” เธอรีบยิ้มกว้างทันที คิดในแง่บวกว่าอีกฝ่ายโสดมานานคงยังไม่ชินกับการถึงเนื้อถึงตัว
“ไปก่อนนะคะ” โบกมือลาอย่างรวดเร็ว เขาทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยืนส่งหล่อนอยู่หน้าห้อง มองหญิงสาวจนลับตาแล้วประตูลิฟต์ค่อยปิดลง
พรูลมหายใจเหมือนโล่งอก การพยายามรักใครสักคนมันยากแบบนี้เอง...
สถานะของปริณดาคนในบริษัทต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่าเธอคือว่าที่คุณผู้หญิง หญิงสาวมักปรากฏตัวทุกเที่ยงพร้อมกล่องอาหารของแฟนหนุ่ม ไม่ลืมซื้อของมาฝากเลขานุการหน้าห้องเพื่อเป็นสินน้ำใจเล็กน้อย
การคบหาของพวกเขากินเวลาเกือบเดือน ความสนิทสนมเพิ่มมากกว่าเดิม หล่อนมักไปหาแฟนที่เพนส์เฮ้าส์ ใช้เวลาด้วยกันยามค่ำคืน ทุกอย่างดำเนินไปโดยที่ร่างสูงตามใจทุกอย่าง สร้างความสุขให้แก่เธอเป็นอย่างมาก
สีหน้าสดใสจนเพื่อนสนิทล้อเลียนถึงความรักที่ไปได้ดี ดูเหมือนจะราบรื่นไม่มีสิ่งใดสะดุด...
“มาหาคุณฌาร์มค่ะ” แจ้งความประสงค์ต่อเลขานุการหน้าห้อง ซึ่งบอกรองประธานบริษัทที่รั้งตำแหน่งแฟนของตนไว้ก่อนแล้ว ถึงเขาจะปฏิเสธและบอกไม่ให้มาแต่เธอก็ยังรั้นจะมามองใบหน้าหล่อเพื่อคลายความคิดถึง
“อาหารเที่ยงมาส่งแล้วค่ะท่านรอง” เข้ามาด้านในก็ชูอาหารจากร้านโปรดของเขาขึ้นอวดทันที
“ไม่เห็นต้องมาเองเลย” คนที่กำลังยุ่งกับงานเอ่ยปากอีกครั้ง แต่ถึงพูดไปหล่อนก็คงไม่ทำตามหรอก เมื่อความต้องการคืออยากมาเจอหน้า
“แวะมาแป๊บเดียวค่ะ กลัวว่าพี่จะทำงานจนลืมกินข้าว”
“พี่ไม่ลืมหรอก คราวหลังไม่ต้องเอามาแล้วนะ ถ้าปลายมาแล้วคลาดกันล่ะ” พยายามหาเหตุผลเพื่อจูงใจหญิงสาว แต่คนที่กำลังเตรียมอาหารเที่ยงให้เขาอยู่โต๊ะรับรองแขกก็ไม่สนใจคำพูดของฌาร์มสักนิด
“งั้นก่อนมาที่นี่จะโทรบอกพี่ฌาร์มทุกครั้ง ให้ปลายมาเถอะนะคะ อยากมากินข้าวเที่ยงกับพี่ด้วย” พอเจอลูกอ้อนของคนตัวเล็ก เขาก็จำต้องยินยอม วางปากกาแล้วลุกมานั่งที่โซฟาตัวยาวเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
เธอยิ้มกว้างเมื่อเขายอมทำตามความต้องการของตน ฌาร์มกลายเป็นแฟนหนุ่มแสนดีที่ว่าง่าย แต่ลึกในใจหล่อนก็รู้สึกว่ามันง่ายเกินไป ทุกอย่างสงบจนน่ากลัว
อาจมีพายุโหมกระหน่ำหลังจากนี้หรือเปล่า...
ทุกเช้าหญิงสาวมักจะมาที่คอนโดมิเนียมของแฟนหนุ่ม วันไหนไม่ได้มาก็จะฝากอาหารให้ทางประชาสัมพันธ์นำขึ้นไปให้เขา เพียงแค่อีกฝ่ายได้กินข้าวเช้าที่ตนอุตส่าห์เอ่ยร้องขอให้แม่บ้านทำเพื่อฌาร์มโดยเฉพาะก็มีความสุขแล้ว
“ฝากของให้คุณฌาร์มหน่อยค่ะ”
“คุณปริณดาใช่ไหมคะ” ทว่าเธอกลับถูกถามชื่อเพื่อความแน่ใจ ดวงหน้าหวานฉายแววฉงนแต่ก็พยักหน้าตอบรับทันที
“ใช่ค่ะ”
“คุณฌาร์มบอกว่าให้ขึ้นไปได้เลยค่ะ” เพียงแค่ฟังจบประโยคก็รีบเร่งฝีเท้าตามนิติคอนโดไปทันที เธอยิ้มร่าเริงแสดงออกถึงความสุข มือกระชับถุงผ้าเอาไว้แน่น รอจนกระทั่งลิฟต์เปิดหน้าเพนส์เฮ้าส์สุดหรู พร้อมกับชายหนุ่มที่ยืนคอยท่า
รู้ว่าหญิงสาวต้องมาหาตนทุกเช้า จึงไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่
“ปลาย...” ร่างบางเข้ามาในห้อง เขาคอยท่าอยู่แล้วกำลังจะเอ่ยทักแต่ก็ถูกแฟนสาวกระโดดกอด เอาขาเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ คล้ายกับลูกลิงที่คิดถึงแม่อย่างไรอย่างนั้น เธอเลื่อนใบหน้ามากระซิบที่ข้างหูเขา
“คิดถึงจังเลย” ปลายจมูกเฉียดแก้มสาก เหมือนเป็นการยั่วยวนจนรองประธานผู้ผ่านโลกมามากถึงกับยิ้มขำ เอ็นดูคนอ่อนประสบการณ์แต่พยายามจะทำตัวเป็นสาวก๋ากั่น
“เกาะติดเป็นลูกลิงเลย ไม่คิดว่าพี่จะหนักหรือไง” ประคองบั้นท้ายงามแล้วพาเดินเข้ามาในโซนห้องนั่งเล่น หย่อนกายลงบนโซฟาโดยที่ร่างบางยังไม่ยอมลงจากตักหนา เธอวางถุงอาหารเอาไว้บนโต๊ะแล้วกลับมาจ้องหน้าเขาอีกครั้ง
“ปลายตัวเบาจะตาย หนักแค่สี่สิบเจ็ดเอง หน้าท้องก็ไม่มี ขาก็เรียวแขนก็เล็ก มีอะไรให้หนักตรงไหน” บอกสรรพคุณของตัวเอง จนฌาร์มอดใจไม่ไหวต้องเป็นคนเอ่ย
“ตรงที่นูนดันอกพี่ไง”
“ฮ่าๆๆ ตรงนี้ก็หนักจริง ช่วยไม่ได้เป็นสิ่งที่ปลายค่อนข้างภูมิใจด้วยสิ พี่ฌาร์มชอบไหม” หัวเราะดังลั่นชอบใจ จากนั้นจึงเอียงศีรษะพลางเอ่ยยั่วยวน วันนี้เธอไม่มีงานเช้าอยากอยู่กับคนรักมากกว่า
ถ้ามีเรื่องเลยเถิด...ก็ถือว่าเป็นกำไรยามเช้า
“ชอบ”
“ช่วงเช้างานยุ่งหรือเปล่าคะ” โยนหินถามทาง อยากรู้ว่าคนตัวสูงจะตอบอย่างไร
“ไม่ได้ยุ่งเท่าไหร่”
“น่ารัก” เอ่ยชมเขาเป็นประโยคสุดท้าย หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้พูดเลยสักคำเพราะมีแต่ครางอย่างเดียว...