๔ เปิดตัวรัก (๑)
๔
เปิดตัวรัก
ร่างแบบบางถูกผลักให้เอนราบกับพื้นโดยมีฌาร์มคร่อมทับอยู่ด้านบน รสชาติไวน์ติดอยู่ที่ปลายลิ้นเมื่อผละออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม ลิ้นหนาลากตามกรอบหน้าหวานลงมายังลำคอระหง เปลี่ยนเป็นจุมพิตแผ่วเบา ขณะที่มือค่อยสอดเข้าไปในเสื้อตัวโคร่ง ปลดตะขอชั้นในออกด้วยระยะเวลาไม่ถึงห้าวินาทีอย่างชำนาญ
สัญชาตญาณนักล่าถูกปลุกอีกครั้งหลังจากหลับใหลมาหลายปี เขาคิดถึงกลิ่นหอมกรุ่นและผิวขาวเนียน ถึงคนตรงหน้าจะไม่ใช่เจ้าของหัวใจ แต่เมื่อความต้องการขับเคลื่อน...จะเป็นใครก็ไม่สำคัญ แค่มีความต้องการเดียวกันก็พอ
ขาเรียวชันขึ้นพลางจิกปลายนิ้วด้วยความเสียวกระสัน เธอไม่เคยให้ใครใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน เหตุการณ์ตรงหน้าสร้างความตื่นเต้นกับคนที่อยากรู้อยากลอง ยิ่งเขาเป็นคนเริ่มเธอก็รู้สึกว่าต้องคว้าโอกาสเอาไว้
ถึงไม่ได้เป็นแฟน อย่างน้อยฌาร์มก็เป็นคนแรก...
“อื้อ พี่ฌาร์ม” มือหนาจับปลายเสื้อของหล่อน ถอดออกโดยที่ปริณดาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งยังยกสะโพกเพื่อให้เขาถอดกางเกงของตนได้ถนัดอีกต่างหาก ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนตอนนี้หล่อนมีเพียงกางเกงชั้นในชิ้นเดียวปกปิดกาย
ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตากระหาย ยอมรับว่าไวน์มีส่วนทำให้สติสัมปชัญญะของเขาไม่เต็มร้อยจนขาดการยับยั้งชั่งใจ รู้เพียงว่าต้องการคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก เพื่อทดแทนความโหยหาที่มีต่อหญิงอีกคน
“ผมดูดได้ไหม” สองเต้าตรงหน้าดึงดูดใจจนไม่อาจทนไหว แต่ยังไม่ทันได้ลองชิม ทำเพียงเคล้นคลึงจนเกิดเสียงครางในลำคอจากเจ้าของร่าง ปลายนิ้วเขี่ยยอดจนชูชัน มองด้วยสายตาชื่นชมทำเอาปริณดาเริ่มเขิน เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องเปลือยกายให้เขาเชยชม
แต่มันก็เกิดขึ้นจริงแล้ว เธอทำเพียงเม้มปากแน่น ส่วนกลางลำตัวแสดงถึงความเป็นชายค่อยขยายใหญ่ดุนดันหน้าท้องแบนราบ เมื่อชายหนุ่มนั่งคร่อมอยู่บนกายแบบบาง ซึ่งไม่ได้ลงน้ำหนักมากจนหล่อนรู้สึกหนัก
ขณะที่เขาแต่งกายครบชุด เธอกลับถูกลอกคราบจนเหลือเพียงตัวเปล่า ยังดีที่มีกางเกงชั้นในปกปิดกายสาวเอาไว้ พร้อมใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอายจากคำถามของคนบนร่างซึ่งจ้องตนตาไม่กระพริบ
ทำไมเขาถึงมีเสน่ห์ได้ขนาดนี้ หัวใจของหล่อนเต้นไม่หยุดยามได้สบตา ทั้งยังความร้อนรุ่มที่อยากให้มือสากไล้ตามร่างกาย ยินยอมพร้อมใจตกเป็นของฌาร์มโดยไม่มีข้อแม้ ยอมเปิดเปลือยหมดทุกอย่างแล้ว
“ปลายยอมขนาดนี้ พี่ยังต้องถามอีกเหรอ” สิ้นประโยคที่เหมือนการอนุญาต ริมฝีปากหยักก้มลงชิมความหวานของดอกบัวคู่งาม ใช้ลิ้นดุนดันยอดถันจนชูชันท้าทายสายตา เผลอเม้มทั้งยังใช้ฟันขบจนเจ้าของร่างครางประท้วงในลำคอ
“อื้อ” สีหน้าหวานเหยเก คนที่รู้ตัวว่าเผลอทำให้คู่นอนเจ็บรีบเงยหน้ามองหล่อน พลางเอ่ยด้วยเสียงเรียบ
“เจ็บเหรอ” ปริณดาส่ายศีรษะทันที เธอเลือกจะเลื่อนมือขึ้นมาจับท้ายทอยเขา พร้อมกับกดศีรษะมนให้แนบชิดทรวงอกของตนเองอีกครั้ง
“ชอบ กัดอีกสิคะ” แปลกใจกับคำตอบของร่างบาง แต่ก็เลือกจะทำตามความต้องการของเธอ ทั้งยังชอบกับความนุ่มนิ่มของปลายถันสีอ่อน ใช้ลิ้นเลียจนเปียกชุ่มสลับกับเม้มด้วยปากหยักเพื่อไม่ให้คนใต้ร่างเจ็บ
เธอครวญครางส่งเสียงแห่งความสุข กดหัวของเขาอย่างลืมตัวจนชายหนุ่มมัวเมากับทรวงอกนุ่มสองข้างสลับกันไปมา เผลอฝากรอยเอาไว้เพิ่มสีสันให้ผิวที่ขาวนวล ค่อยเลื่อนใบหน้าลงไปที่ท้องแบนราบ มัวเมากับแอ่งสะดือทรงสวย
เลื่อนลงมายังกายสาวที่ถูกปกปิดเอาไว้ เขาใช้มือเกี่ยวชั้นในตัวจิ๋วให้เลื่อนมายังขาเรียว โดยหล่อนให้ความร่วมมือเต็มที่ อยากรู้อยากเห็นไปซะหมดว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป เธอไม่เคยร่วมรักกับชายคนใดมากก่อน
ลึกในใจก็แอบหวังว่าคนแรกจะเป็นฌาร์ม...
แต่ไม่คิดว่าความฝันจะเป็นจริงได้ ชายหนุ่มอาจจะทำเพราะเมาหรือกำลังต้องการใครสักคนก็ตาม เธอก็ยินยอมจะเป็นคนนั้นให้เขา
ลิ้นหนาแตะลงที่กลีบดอกไม้สีหวาน ปริณดาถึงกับสะดุ้งไม่คิดว่าชายหนุ่มจะยอมทำขนาดนี้ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็วพลางดันศีรษะหนาให้ออกห่างตนเอง คิดจะหุบขาแต่โดนมือหนาดันเอาไว้
“พี่ฌาร์ม แบบนี้มันจะดีเหรอ” ดวงตากลมเต็มไปด้วยแววหวาดหวั่น ถึงตนจะอาบน้ำทำความสะอาดจนหมดจด แต่ก็ยังคิดว่าเป็นส่วนที่ขับของเสียซึ่งอยู่ในรูปแบบของเหลวออกจากร่างกาย เขากล้าใช้ปากเพื่อช่วยให้หล่อนมีความสุขได้อย่างไร
ถึงมันจะดีมากแค่ไหนยามถูกแตะต้อง แต่ก็นึกอับอายจนต้องท้วงติงคนที่พร้อมจะซุกใบหน้าเพื่อปรนนิบัติ
“ครั้งแรกของเธอไม่ใช่หรือไง ฉันอยากให้ประทับใจ” คำตอบของเขาสร้างความฉงนแก่หล่อนเป็นอย่างมาก พยายามไม่แสดงออกให้เขาทราบว่าตนยังบริสุทธิ์ แต่เหมือนฌาร์มจะรู้ดีทุกอย่าง
“พี่รู้...”
“ฉันไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าครั้งแรกของผู้หญิงเป็นแบบไหน เธอตัวสั่น จูบติดขัด มือไม้เงอะงะ แล้วจะบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกได้ยังไง” ร่ายถึงอาการของหล่อนจนหมดแล้วค่อยยกยิ้มมุมปากที่สามารถกระชากใจคนมองได้ในทันที
เธอยอมเขาหมดทุกอย่างแล้ว...
“พี่ฌาร์ม...” เอ่ยชื่อร่างสูงเมื่อลิ้นหนาแตะลงยังกลีบสีหวาน หล่อนครางไม่เป็นศัพท์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เหมือนมีพลุหลากสีแตกอยู่ตรงหน้า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะถูกปรนนิบัติดีขนาดนี้จากคนที่คุยกันแทบนับคำได้
“อื้อ อ่า อ่า” ส่งเสียงในลำคอ แหงนใบหน้าขึ้นแล้วเผลอยกบั้นท้ายเพื่อให้แนบชิดมากกว่าเดิม เขาตัดสินใจผละออกแล้วจับความแข็งขืนที่ขยายใหญ่เข้าสู่กลีบดอกไม้ที่มีน้ำสีขุ่นไหลแฉะเพื่อสร้างทางที่เรียบลื่นไม่สะดุด
เพียงแค่เขาเข้ามาก็ทำให้หล่อนครางเสียงดัง ช่องทางคับแคบไม่เคยมีสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาได้ ฌาร์มจึงต้องระวังเป็นพิเศษ ค่อยเลื่อนเข้าอย่างเชื่องช้าพยายามทำทุกอย่างให้ละมุนมากที่สุด อยากสร้างความทรงจำที่ดีให้กับเซ็กส์ครั้งแรกของหล่อน
“อ่ะ” ใบหน้าหวานเหยเกยามที่เขาขยับกาย ผวาจับแขนหนาทันทีพร้อมจิกเล็บเข้าที่ผิวหนังของคนตัวสูงอย่างไม่รู้ตัว
“เจ็บไหม” รีบถามด้วยความเป็นห่วง หยุดชะงักเอาไว้เกรงว่าหญิงสาวจะไม่ไหว แต่เธอก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก บอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความต้องการอันแรงกล้า มาถึงขั้นนี้แล้วหล่อนจะไม่ยอมให้เขาหยุดกลางคันเด็ดขาด
“ไหว ไหวค่ะ ไม่เป็นไร” เมื่อร่างบางเอ่ยปากอย่างนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องหยุดเพราะอารมณ์ตอนนี้ไม่สามารถลงได้แล้ว
มือสากเลื่อนไปตามเอวคอด กำแน่นจนเป็นรอยนิ้วค่อยเลื่อนมายังทรวงอกเต่งตึงที่ยอดชูชัน เขาเคล้นคลึงสองเต้าอย่างมันมือ เล่นเอาปริณดาถึงกับครางกระเส่า บิดเร้ากายทั้งยังตอดรัดแก่นกายชายไม่หยุด
“ฉันเคลื่อนตัวเลยนะ” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เธอจึงรีบพยักหน้าทันทีไม่ปล่อยให้เขารอนาน เพราะตนก็แทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว
“ค่ะ” สิ้นประโยคที่เป็นดั่งคำอนุญาต เอวสอบก็เริ่มเคลื่อนกายอย่างเนิบช้าเพื่อสังเกตคนใต้ร่าง พอเห็นว่าหล่อนเริ่มปรับตัวได้จึงเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิมจนศีรษะมนสั่นคลอน ยิ่งเห็นเธอครางเสียงดังก็เพิ่มความเมามันให้แก่คนตัวสูง เสียงกระทบของร่างกายดังสนั่นห้องพัก พวกเขาไม่สนใจว่าห้องเก็บเสียงหรือเปล่า
วินาทีนั้นเพียงความต้องการที่เอ่อล้น จนลืมกระทั่งสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน พวกเขาต่างลุ่มหลงมัวเมากับอารมณ์และความต้องการที่ยากจะหยุดยั้ง โดยเฉพาะปริณดา...
เธอไม่อาจกักเก็บความสุขเอาไว้ได้ มุมปากอวบอิ่มยกยิ้มมีความสุขก่อนเสียงครางจะขาดหาย พร้อมน้ำรักที่เปรอะเปื้อนช่องทางสาว และร่างหนาซึ่งหายใจรวยรินทรุดลงที่ข้างกายหล่อนยามถอดถอนความเป็นชายออก
ไม่นึกว่าวันนี้จะมาถึง...
ดวงตากลมทำเพียงเหม่อจ้องเพดานสีขาว หอบหายใจถี่แล้วค่อยยกยิ้มมีความสุข เธอเหลือบมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกัน จากนั้นจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่เคยจินตนาการเอาไว้แต่ยังไม่ได้ทำกับใครสักที
“คราวนี้...ปลายขอเป็นฝ่ายอยู่บนบ้างนะ” แต่ดูเหมือนว่าร่างหนาจะยังไม่ยอม จึงลุกนั่งโดยมีร่างบางอยู่บนตัก
“ไปล้างตัวก่อน ค่อยว่ากัน” อุ้มหล่อนเข้าห้องน้ำทันทีเพื่อชำระร่างกาย โดยที่เสียงครางเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย
พวกเขาต่างหลงมัวเมากับความสุขที่ถูกจุดติดด้วยไวน์รสชาติละมุน โดยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นหรือตัดสินใจไปต่อกับความสัมพันธ์อย่างไร
อาจปล่อยเรื่องเมื่อคืนให้เป็นความผิดพลาด แล้วคงสถานะพี่น้องไว้เหมือนเดิม...
ผลจากการดื่มไวน์เมื่อคืนทำให้ร่างสูงตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนล้า ทั้งยังผสมกับกิจกรรมที่ทำเกือบถึงรุ่งสางอีก เขาจึงนอนหลับไม่รู้เรื่องตลอดทั้งคืนโดยมีหญิงสาวนอนหนุนแขนจนรู้สึกปวดที่ต้นแขน ดวงตากลมลืมมองเพดานพลางลุกนั่ง สะบัดศีรษะไล่อาการง่วงงุน
เหลือบมองที่ว่างข้างเตียง พอเอื้อมมือไปแตะก็พบว่าเย็นชืด...
ปริณดาลุกไปนานแล้วเหรอ
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางมองรอบห้อง ก่อนที่เสียงประตูห้องของเขาจะเปิดออกพร้อมกับร่างแบบบางที่เดินยิ้มเข้ามา หล่อนหยุดชะงักเมื่อสบตากับคนบนเตียง ค่อยเผยรอยยิ้มหวานเช่นเคยโดยวางเสื้อผ้าที่พับเป็นระเบียบไว้บนโซฟา
“พี่ฌาร์มตื่นแล้วเหรอ...เสื้อผ้าของพี่พับอยู่ตรงนั้นนะ เมื่อคืนพี่หลับปลายก็เลยให้ทางโรงแรมจัดการซักรีดให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเกรงใจค่ะ” เธอยังคงเจื้อยแจ้วเหมือนเดิม ทำราวกับเมื่อคืนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เป็นเขาซะเองที่นึกละอาย เพราะตนเอ่ยปากเชิญชวนคนไม่ประสาให้กระโดดลงไปในหลุมของไฟเสน่หา หากจะให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่ได้ เธอไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่เป็นน้องสาวสุดที่รักของเพื่อนสนิท
ฌาร์มนั่งนิ่งเพื่อทบทวนถึงเรื่องที่เกิดว่าควรทำอย่างไร ถ้าปล่อยผ่านก็นึกถึงหน้าของต้นเดือน ให้รับผิดชอบก็รู้สึกไม่ยุติธรรมกับตัวเอง
เขาควรเลือกเส้นทางไหน...
“ขอบคุณ” พูดเสียงเบาโดยที่ปริณดาทำเพียงพยักหน้า กำลังจะเดินออกจากห้องนอนของเขาเพื่อให้เวลาส่วนตัวแก่อีกฝ่าย
ใจของหญิงสาวปวดหนึบเมื่อเรื่องคืนแสนหวานของเราไม่ถูกพูดถึง เธอมีความสุขมากแค่ไหนตอนลืมตาแล้วมีร่างสูงเคียงข้าง เฝ้ามองใบหน้าคมยามหลับใหลนับชั่วโมงถึงลุกมาอาบน้ำผลัดเสื้อผ้าให้สวยพริ้ง
พยายามไม่คาดหวังว่าความสัมพันธ์ของเราจะพัฒนา คิดว่าฌาร์มทำทุกอย่างด้วยความเมาและเสียใจจากเรื่องแฟนเก่า แต่ลึกแล้วก็อดคาดหวังไม่ได้ แอบรักเขามานาน พอมีโอกาสเลื่อนสถานะก็ช่างเลือนรางเหลือเกิน
“เรื่องเมื่อคืน...” จังหวะที่หันหลังกลับก็ถูกรั้งไว้ด้วยคำพูดเสียงเบาแต่เพราะห้องเงียบจึงได้ยินชัดเจน หล่อนรีบหันกลับมามองพลางเอ่ยเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล ถึงจะเสียใจแค่ไหนก็ตาม
“พี่จะบอกว่าให้ลืมใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องคิดมากนะ ปลายไม่เอามาเป็นข้ออ้างรั้งพี่ไว้หรอก ถึงปลายจะรักพี่แต่ก็มีศักดิ์ศรี...” พยายามร่ายยาวโดยไม่เว้นช่องว่างให้คนบนเตียงได้พูด แววตากลมคลอด้วยน้ำสีใส ปลายจมูกแดงก่ำจนฌาร์มไม่อาจปล่อยให้หล่อนคิดไปเองได้
ทั้งยังไม่อยากทำร้ายหญิงสาวที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นตนเองไม่อาจยับยั้งชั่งใจ แพ้ความอ่อนแอจนดึงหญิงอีกคนเข้ามาในบ่วงราคะ เป็นเรื่องเลยเถิดเกินกว่าจะปล่อยผ่าน
“เป็นแฟนกับผมนะ” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหนอาบแก้มทั้งที่พยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอคิดว่าอย่างไรก็คงโดนสั่งให้ลืมเรื่องทุกอย่าง หรือเป็นคำขอโทษของเขา
ไม่คิดมาก่อนว่าฌาร์มจะขอเป็นแฟน!
ดวงตากลมเบิกกว้าง ยกมือเช็ดน้ำตาแล้วก้าวเข้ามาหาร่างสูงที่นั่งบนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมกายไว้ ร่างหนาเปลือยเปล่าไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้นจึงไม่อาจลุกยืนได้
“คะ! แฟน หมายถึงคนรัก มีความสัมพันธ์กัน เราสองคน ปลายกับพี่น่ะเหรอคะ พี่ฌาร์มพูดจริงหรือเปล่า ไม่หลอกปลายแน่นะ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ หล่อนคิดว่าตนเองหูฝาด
มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงหรอก...
ขอเป็นแฟนอย่างนั้นเหรอ ทำไมล่ะ...
“ผมพูดจริง” ตอบเสียงหนักแน่น
เหตุการณ์เมื่อคืนถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่ในเมื่อมันได้เกิดขึ้นแล้วจึงไม่อาจปล่อยผ่าน โดยไม่แสดงความรับผิดชอบต่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ หล่อนเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท ถ้าต้นเดือนทราบเรื่องนี้ เขาจะมองหน้าเพื่อนได้อย่างไร
ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้รัก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ เรียนรู้นิสัยใจคอ...อาจจะรักหล่อนก็ได้
เขาไม่มีแฟนมาห้าปีแล้ว มารดาก็ร่ำๆ อยากให้คบใครสักคนกังวลว่าลูกชายจะกลายเป็นคนกลัวความรักจากความผิดหวังในอดีต