๓ เมื่อใจอ่อนแอ (๒)
“ฮือ รู้ใจน้องที่สุด!” กระโดดหอมแก้มต้นเดือนเป็นการขอบคุณ แล้วรีบวิ่งขึ้นบนห้องเพื่อเตรียมเสื้อผ้าสำหรับไปเที่ยวครั้งนี้ หล่อนต้องดูดีที่สุดเพื่อดึงดูดความสนใจของฌาร์ม เขาจะได้รู้ว่าตนไม่ใช่สาวน้อยถักเปียวัยใส
แต่เป็นสาวเต็มตัวพร้อมสำหรับการออกเรือน!
ถึงวันนัดเขาก็ออกจากคอนโดมิเนียมแต่เช้าเพื่อขับรถมายังบ้านต้นตระการตามที่บอกเวลาเอาไว้ ทว่าเมื่อมาถึงกลับเจอเพียงแค่ปริณดา ไร้เงาของคนชวนจนต้องขมวดคิ้วมุ่น อุตส่าห์มีเวลาว่างหวังจะไปเที่ยวผ่อนคลายกับเพื่อนสนิท
แต่คนต้นเรื่องกลับหายตัว...เหลือเพียงน้องสาวของอีกฝ่ายที่สวมชุดพร้อมไปทะเล
ต้องยอมรับว่าหล่อนดึงดูดสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง รูปร่างของหญิงสาวไม่ได้สูงชะรูดเหมือนนางแบบ กลับมีน้ำมีนวลชวนพิศ ยิ่งสวมเดรสสายเดี่ยวลายลูกไม้กับทรงผมเปียข้างก็ให้ความรู้สึกสบายตายามจดจ้อง
“ต้นล่ะ” ถามถึงคนต้นคิด พยายามมองเข้าไปในตัวบ้านแต่เห็นเพียงแค่กระเป๋าใบเดียว ไม่ต้องทายก็รู้ว่าเป็นของหญิงสาว
“พี่ต้นติดงานด่วนเลยต้องไปทำงานค่ะ สงสัยทริปนี้จะมีแค่เราสองคนแล้วล่ะ”
“งั้นผมไม่ไป” รีบหันหลังเตรียมกลับเพนส์เฮ้าส์ ชายหญิงไปเที่ยวด้วยกันสองคนคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่ปริณดาก็รีบคว้าแขนล้ำเอาไว้ เบิกตากว้างอย่างตกใจกับปฏิกิริยาของฌาร์มที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากไปกับตน
“ไม่ได้นะคะ พี่ต้นจองทุกอย่างไว้หมดแล้ว ถ้าเราไม่ไปก็เสียเงินฟรีน่ะสิ ไปด้วยกันเถอะค่ะ รับรองว่าปลายจะไม่ล่วงเกินพี่ฌาร์มเด็ดขาด...ป่ะ ขึ้นรถเลยเดี๋ยวปลายเป็นคนขับเอง” รีบอ้อนทันทีแล้วลากร่างหนาไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ
เหตุผลของเธอไม่น่าคล้อยตาม แต่แปลกที่เขาดันยอมซะอย่างนั้น...
เธอรีบวิ่งกลับไปเอากระเป๋าของตนใส่เบาะหลัง เดินอ้อมมาตำแหน่งคนขับเพื่อไม่ให้ร่างหนาสามารถปฏิเสธได้
“แน่ใจนะว่าจะขับ” พอนั่งหน้าพวงมาลัยก็ทำความคุ้นเคยครู่หนึ่ง เจ้าของรถเห็นดังนั้นเริ่มไม่ไว้ใจหล่อน
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตนจึงยอมไปเที่ยวกับปริณดาทั้งที่สามารถบอกปัดและขับรถกลับบ้านได้ทันที ถึงเหตุผลของเธอจะมีน้ำหนักแต่ก็ไม่น่าจะทำให้ตกลงใจได้
หรือเพราะเริ่มสนใจคนตรงหน้า...
ไม่หรอก ไม่มีทาง...
“ร้อยเปอร์เซ็นต์!” ตอบด้วยความมั่นใจแล้วเริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้านของตน
การขับรถของหญิงสาวชวนเวียนหัวเป็นอย่างมาก เธอไม่ชินเส้นทางจึงต้องใช้ตัวช่วยเป็นจีพีเอส แต่ก็จ้องจนเกือบเสยท้ายรถคันข้างหน้า ลงท้ายฌาร์มก็ต้องมาเป็นสารถีเหมือนเดิม พร้อมใบหน้าเรียบเฉยติดบึ้งตึง
ทว่าหล่อนไม่สะท้านสักนิด หญิงสาวมีความสุขจนเปิดประจกเพื่อรับลมเย็น ยามที่ไม่ค่อยมีรถขับผ่านก็ยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งเขาเตือนว่าอันตรายแต่มีหรือที่คนดื้อจะยอมฟัง
“ฮู้ว...” ส่งเสียงแสดงถึงความสุข
ฌาร์มทำเพียงเหลือบตามองแล้วยกยิ้มมุมปาก นึกถึงตอนที่ตนกลับมาไทยแล้วเลือกจะเที่ยวทะเลคนเดียว เขาก็ทำเหมือนเธอคือยื่นมือออกนอกรถเพื่อสัมผัสลมที่ปะทะฝ่ามือ แม้รู้ว่ามันไม่ถูกต้องก็ตาม
“ลมเย็นดีจังเลยพี่ฌาร์ม หาดก็สวยทะเลก็ใส มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นเยอะเลยค่ะ เราเข้าโรงแรมแล้วมาเล่นกันนะ” มองหาดทรายสีขาวสะอาดตา เนื่องจากมีเวลาจำกัดจึงเลือกจะเที่ยวในสถานที่เดินทางสะดวก ไม่ต้องต่อเรือให้ยุ่งยาก
หล่อนหันมาชวนหนุ่มหน้าหล่อที่ขับรถตามเส้นทางจีพีเอสเพื่อไปยังที่พัก ค่อยมองออกนอกกระจกซึมซับบรรยากาศที่ไม่ได้เห็นมานาน
“เอาสิ”
ไม่น่าเชื่อว่าคราวนี้ฌาร์มจะตามใจทุกอย่าง พวกเขาแวะเข้าห้องพักเพื่อเก็บของ จากนั้นจึงพากันมาเดินริมหาด หญิงสาวอยู่ในชุดทะมัดทะแมงกว่าขามา เลือกสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีเข้ม ผมเกล้าเป็นมวยพร้อมสำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง
“ขอขี่เจ็ทสกีได้ไหม” จ้องตาเป็นประกายแล้วรีบหันมาขอผู้ร่วมทริป
จากที่คิดว่าจะได้มากับเพื่อนแล้วนั่งดื่มเบียร์ปรึกษาปัญหาชีวิตในห้องก็เปลี่ยนเป็นพาปริณดาเดินเล่นริมหาด อีกทั้งเธอยังชวนเขาทำกิจกรรมร่วมกันอีก แต่ชายหนุ่มไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่
“ขี่เป็นเหรอ”
“สบายมาก!” บอกอย่างมั่นใจแล้วเดินไปคุยราคากับเจ้าของร้าน
เมื่อตกลงกันได้ก็สวมเสื้อชูชีพ เริ่มวาดลวดลายบนทะเลสีครามยามบ่ายที่แดดร้อนระอุ แต่เธอกลับไม่กลัวสักนิดว่ามันจะทำให้ผิวบอบบางไหม้ มีเพียงร่างสูงที่ยืนอยู่ริมหาดเพื่อมองดูปริณดาเล่นสนุกอยู่บนผืนน้ำ
ปากหยักเผยอค้าง ไม่คิดว่าหล่อนจะขี่เจ็ทสกีเก่งขนาดนี้ เข้าโค้งได้อย่างสบายทั้งยังเพิ่มความเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มกว้างแสดงให้เห็นถึงความสุข นานเท่าไหร่ไม่ทราบที่เขามองตามเธอตาไม่กระพริบ
หล่อนมีเรื่องให้น่าประหลาดใจเยอะเหลือเกิน...
“คุณไปหัดมาจากไหน” ร่างบางเล่นสนุกจนพึงพอใจ ถึงได้กลับเข้าฝั่งด้วยรอยยิ้มที่ไม่จางหาย เขารีบเข้าไปถามด้วยความสงสัย พลางถอดหมวกของตนสวมบนศีรษะมน สร้างความประทับใจให้แก่ปริณดาเป็นอย่างมาก
“ตอนเรียนอยู่นิวซีแลนด์เพื่อนหัดให้ค่ะ ว่างจากเรียนก็เลยไปเล่นตลอด เหมือนได้ปลดปล่อยความเครียดไปกับความเร็ว...ไปเล่นตรงนั้นด้วยดีกว่า” เคยบอกว่าการไปเรียนต่างประเทศเหมือนเปิดโลกที่คับแคบให้กว้างขึ้น
หล่อนได้เรียนรู้หลายสิ่งจนพัฒนาทักษะการใช้ชีวิต ต้องขอบคุณฌาร์มที่แต่งงาน เธอจึงได้ก้าวออกจากเซฟโซนของตน โบยบินออกนอกประเทศ ไม่อย่างนั้นตลอดระยะเวลาการเรียนมหาวิทยาลัยคงน่าเบื่อ
ดวงตากลมจดจ้องกิจกรรมที่น่าสนใจอันอื่น พบว่ามีการเล่นบานาน่าโบ๊ทเป็นหมู่ จึงรีบจับจูงร่างสูงแล้วเข้าไปถามราคา ตกลงปลงใจเล่นทันทีโดยไม่ถามความสมัครใจของคนมาด้วย
ท่านรองประธานที่คร่ำเคร่งกับการทำงานมาหลายปีถึงกับหลุดแสดงความกลัว เขาโวยวายยามถูกทิ้งลงน้ำ แต่ริมฝีปากก็แต้มรอยยิ้มเมื่อหญิงสาวหัวเราะเสียงดัง เธอมีความสุขจนเผื่อแผ่มาถึงคนรอบข้าง
“เฮ้อ เหนื่อย เหนื่อยมากเลยพี่ฌาร์ม” เล่นสนุกมาหลายชั่วโมงจนแดดที่ร้อนจ้าเริ่มหรี่แสง ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยให้ความรู้สึกอบอุ่น เพิ่งรู้ว่าตนอยู่ริมหาดเกือบสี่ชั่วโมง มือเท้าเปื่อยจากการเล่นน้ำ อีกทั้งท้องยังร้องประท้วงด้วยความหิว หันมองคนที่เดินข้างกันพลางเอ่ยอ้อน
“กลับห้องพักเถอะ คุณจะได้พักผ่อน”
“ค่ะ” พวกเขาจึงได้พากันกลับห้องพักในเวลาอันรวดเร็ว
กลับถึงห้องเธอคิดว่าจะแช่น้ำให้สบายอุรา แต่พอเปิดก๊อกน้ำกลับพบว่าน้ำไม่ไหล รีบเดินไปหมุนฝักบัวก็ใช้ไม่ได้จนต้องโทรไปถามทางโรงแรม ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้กับตนเอง อุตส่าห์อยากอาบน้ำให้สบายตัว กลับต้องมาเจอเรื่องสุดวิสัย
“ทำไมเปิดไม่ได้ล่ะ” ถึงกับพรูลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย รอทางโรงแรมมาจัดการทุกอย่าง
แต่แล้วเธอก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้น หญิงสาวรีบคว้าเสื้อผ้าของตนแล้วเดินไปเคาะประตูข้างห้องอย่างรวดเร็ว ใช้โอกาสนี้เพื่อจะได้อยู่กับฌาร์มสองต่อสอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มีอะไรหรือเปล่า” เขาเปิดประตูแล้วมองหญิงสาวที่สวมชุดคลุมของโรงแรมด้วยแววตาฉงน
“ห้องน้ำของปลายใช้ไม่ได้ ทางโรงแรมกำลังซ่อมให้ค่ะ...เลยว่าจะขอใช้ห้องน้ำห้องพี่ฌาร์มได้ไหม” กระพริบตาปริบระหว่างรอชายหนุ่มตกลง ซึ่งคิดไว้แล้วว่าเขาต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
“ได้สิ”
แล้วก็เป็นจริงดั่งคาดเอาไว้ ร่างสูงยอมหลีกทางเพื่อให้ปริณดาเข้ามาในห้อง สร้างความดีใจแก่เธอเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้
“ขอบคุณค่ะ” รีบเข้าไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้เจ้าของห้องตัวจริงออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่นอกระเบียง ขณะที่หญิงสาวใจเต้นตึกตักหวังว่าการมาอยู่ห้องเขาครั้งนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปไกล
ปริณดาเลือกแต่งตัวในห้องน้ำ เธอสวมเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นที่ถูกชายเสื้อกลืนกินจนแทบไม่เห็น ผมเปียกถูกไดร์จนแห้งตรงแล้วค่อยก้าวออกจากห้องน้ำ ภูมิใจกับหน้าสดของตัวเองเป็นอย่างมากเพราะดูแลและบำรุงเป็นอย่างดี แม้ไม่แต่งหน้าก็ยังมั่นใจในความสวย
ร่างสูงสวมชุดคลุมของทางโรงแรมนั่งรอเธออยู่โซฟา มือกดโทรศัพท์ไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาคมฉายแววเจ็บปวดยามอ่านข่าวที่สร้างความชอกช้ำให้ตน เหลียวมองไปทางชุดเปียกของตนที่ถูกตากนอกระเบียง แล้วค่อยหันมองคนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำก็รู้สึกกระอักกระอวน
ตั้งแต่เลิกกับภรรยาแทบไม่ได้อยู่ห้องกับผู้หญิงแบบสองต่อสอง โดยเฉพาะคนตรงหน้าคือน้องสาวของเพื่อนสนิท เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร
“สั่งไวน์กับอาหารมากินดีไหมคะ ขี้เกียจลงไปข้างล่างแล้ว” หล่อนชวนเมื่อบรรยากาศข้างนอกเป็นใจ แสงสีทองของท้องฟ้าให้บรรยากาศโรแมนติกจนอดใจไม่ไหวต้องดื่มไวน์สักแก้ว
ร่างสูงพยักหน้าตามใจเธอแล้วค่อยเข้าห้องน้ำเพื่อชำระกาย เขาเล่นน้ำกับเธอจนรู้สึกเหนียวตัว นั่งรอนานพอสมควรไม่คิดว่าหญิงสาวจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการอยู่ในห้องน้ำ แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะแฟนเก่าเขาก็อาบน้ำนานเหมือนกัน
ปริณดาโทรสั่งรูมเซอร์วิสแล้วนั่งรอเขาอย่างกระวนกระวาย ห้องกว้างที่พี่ชายจองเอาไว้ก็ค่อนข้างเป็นใจให้ทำกิจกรรมร่วมกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์ผีผลักจะทำอย่างไร
บอกเลยว่าเธอสู้ไม่ถอย!!
“พี่ฌาร์มจะเอาอะไรอีกหรือเปล่า” บริกรมาส่งอาหารถึงหน้าห้อง เธอจึงนำจานอาหารและไวน์มาวางไว้ที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา คิดจะนั่งกินอยู่บนพื้นเพื่อให้ความรู้สึกสบายและเป็นกันเอง
เลือกสั่งสเต็กเนื้อสองจานและสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า เพิ่มด้วยซุบเห็ดของโปรด ไม่ลืมไวน์แดงที่แค่เห็นก็เริ่มอยากลิ้มลองรสละมุน พอดีกับที่เจ้าของห้องออกจากห้องน้ำด้วยชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ดูก็รู้ว่าเป็นชุดนอน เขาคงไม่อยากออกไปไหน
สำหรับฌาร์มการมาเที่ยวคืออยากพักผ่อนอยู่ห้องอย่างเดียว เขาไม่ใช่สายกิจกรรมที่ต้องออกไปโลดโผนข้างนอก แต่วันนี้หญิงสาวก็สามารถทะลายกำแพงหนาของรองประธานหนุ่ม ชวนเขาไปเล่นกิจกรรมทางน้ำถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
“ขอไวน์เพิ่มเป็นสองขวด” แม้หล่อนจะแปลกใจแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของร่างสูง
“จัดไปค่ะ” โทรไปสั่งรูมเซอร์วิสแล้วมานั่งลงประจำที่
อาหารตรงหน้าเรียกความอยากให้คนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยง พวกเขาเริ่มลงมือรับประทานด้วยความหิว ไม่สนใจจะพูดคุยกัน เพราะหญิงสาวเองก็ยังไม่อยากชวนคุยตอนนี้ ความหอมของอาหารเรียกน้ำลายเหลือเกิน
“ดื่มค่ะ” เธอรินไวน์ใส่แก้วยื่นให้คนที่นั่งข้างกัน แล้วดื่มจนหมดภายในอึกเดียว
ฌาร์มไม่แปลกใจเมื่อเคยเห็นว่าหญิงสาวดื่มเบียร์หมดหนึ่งเหยือกภายในหนึ่งนาที ความสามารถที่ตนไม่มีทางเลียนแบบได้
หญิงสาวเลือกสั่งอาหารเพิ่มเมื่อรู้สึกไม่อิ่ม สนุกกับการกินจนคนตัวสูงทำได้เพียงนั่งเหม่อ เขาก้มลงกดโทรศัพท์เพื่ออ่านข่าวบันเทิงที่มีแต่คนร่วมแสดงความยินดีกับข่าวของคนดัง
ดาราหนุ่มบ้านรวยประกาศแต่งงานกับแฟนสาวนอกวงการที่คบกันหากันกว่าห้าปี
ผู้หญิงคนนั้นคือญาดา...ภรรยาเก่าของเขาเอง
ระยะเวลาที่สองคนนั้นประกาศคบกัน คาบเกี่ยวกับตอนที่หล่อนเลิกกับเขาจึงโดนโยงว่าฝ่ายดาราชายเป็นมือที่สาม แต่ข่าวก็ถูกพูดถึงไม่นานก่อนจะเริ่มซา สองคนขยันโชว์ความหวานจนเป็นที่ยอมรับ
กระทั่งถึงวันที่หล่อนกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์อีกรอบ ส่วนเขาทำได้เพียงตามข่าวด้วยหัวใจที่เจ็บปวด การไม่คบใครไม่ใช่เพราะไม่อยากรัก
แต่เขายังไม่ลืมรักเก่าต่างหาก...
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ พี่เล่าให้ปลายฟังได้นะ ยินดีเป็นที่ปรึกษาฟรีไม่คิดค่าบริการ เฉพาะวันนี้เท่านั้นนะ” ดวงหน้าคมที่เคร่งขรึม แววตาบ่งบอกถึงความเครียดปนเจ็บปวดก็ยิ่งทำให้ปริณดาสงสัยใคร่รู้ ใช้ความกล้าเพื่อถามแม้จะดูเป็นการละลาบละล้วงไปสักหน่อย
แต่หล่อนอยากทราบถึงสาเหตุทำให้คนที่ยิ้มทั้งวันกลับหม่นหมอง
“ภรรยาเก่าผมกำลังจะแต่งงานใหม่” ลมหายใจคนฟังชะงัก คำว่าภรรยาเก่าเสียดแทงหัวใจคนที่แอบรักข้างเดียว หล่อนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มจนหมด ถามย้ำอีกรอบถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร
ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักนักหนา...
ญาดา พรหมพิสุทธิ์
“พี่ญาดาเหรอคะ”
“ใช่...เขาเชิญผมไปงานด้วย” พยักหน้าแล้วดื่มไวน์จนหมดแก้ว
เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเริ่มเมา เผลอแสดงด้านอ่อนแอให้คนข้างกายได้เห็นจากความเจ็บปวดที่ได้รับรู้ข่าว อีกทั้งหล่อนยังส่งข้อความมาเชื้อเชิญแฟนเก่าอย่างตนอีกต่างหาก
นั่นแสดงว่าญาดาไม่มีความรู้สึกใดหลงเหลือให้เขาแล้ว นอกจากเพื่อนที่เคยเป็นอดีตสามี...
“เขาคือรักแรกของผม เราคบกันตอนเรียนไฮสคูล...แต่เขาต้องกลับไทยเลยห่างหายไปหลายปี พอมาเจอกันอีกครั้งความรู้สึกมันยังไม่จาง ผมตัดสินใจขอเขาแต่งงาน ข้ามขั้นโดยไม่สนว่าตอนนั้นเขายังรักผมอยู่หรือเปล่า รู้แค่ผมรักเขา”
เพ้อถึงเรื่องราวในอดีต ฌาร์มถูกส่งไปเรียนต่างประเทศหลังจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เขาพบญาดาที่นั่นแล้วสานสัมพันธ์เป็นแฟนกันสองปี ก่อนหญิงสาวจะกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทยจึงได้เลิกรา ไม่คิดว่าพอเขาเรียนจบปริญญาตรีแล้วกลับบ้านเกิดจะได้พบหล่อนอีกครั้ง
ความรักยังคงอัดแน่นเต็มหัวใจ เขาไม่รีรอจะขอเป็นแฟนและแต่งงานในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเธอมีใครอีกคนอยู่ในหัวใจ
“เขาตอบรับคำแต่งงาน ผมมีความสุขมาก...แต่เพิ่งรู้ว่าเขาไม่ได้รักผม ที่แต่งเพราะประชดคนรัก” ปริณดานั่งฟังด้วยความขมขื่น เธอดื่มไวน์แล้วปล่อยให้คนที่กำลังเศร้าได้ระบายความในใจ ส่วนตนเป็นผู้ฟังที่ดี
“ผมพยายามไม่รับรู้ ไม่สนใจ คิดว่าเขายังรักผม สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด แต่งได้แค่สามเดือนก็ต้องหย่า” หัวเราะอย่างสมเพชตนเอง อยากยื้อเวลาอยู่กับหล่อนให้นานที่สุดถึงรู้ดีว่าหญิงสาวไม่ได้รักตน ทว่าสุดท้ายก็ต้องปล่อยญาดาให้คนที่เธอรัก
แบกรับความเจ็บปวดตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา กลายเป็นคนไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ กลัวว่าการคบกันจะเป็นเพียงเพื่อให้ลืมรักเก่า เขาไม่ต้องการเอาใครมาแทนที่ญาดา
“ผมเห็นแก่ตัวไหม” หันมาถามหญิงสาวด้วยแววตาเหม่อลอย
คนที่เจ็บไม่ต่างกันคือปริณดาต้องมานั่งเป็นที่ปรึกษาให้เขา รับรู้ว่าชายหนุ่มยังไม่ลืมภรรยาเก่า แล้วตนก็ไม่อาจแทรกกลางเข้าไปในความสัมพันธ์นี้ได้
“มนุษย์ทุกคนบนโลกต่างเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้นค่ะ ปลายเองก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน” เธอพึมพำเสียงเบา เลือกจะหันกายมาจดจ้องดวงหน้าคม ตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองถึงรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาก็ตาม
แต่เธอไม่อยากเก็บความรักไว้คนเดียว
“เพราะปลายรักพี่...ถึงใช้เรื่องดูตัวเป็นข้ออ้างให้พี่มาเป็นแฟนปลอมๆ ต่อหน้าพ่อกับม้า ปลายก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน” ยอมบอกหมดเปลือกถึงแผนการของตัวเอง คิดว่าอย่างไรฌาร์มก็คงโกรธ
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มทำคือการขยับกายมาเผชิญหน้ากับหล่อน พวกเขาเลือกนั่งบนพื้นเพื่อจะได้รับประทานอาหารสะดวก โดยไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เปิดใจครั้งแรก
“คุณรักผมมากเหรอ” ผิดคาดที่เขาถามกลับเสียงอ่อน
“ค่ะ ปลายรักพี่ฌาร์ม” เธอบอกด้วยแววตาที่หนักแน่น ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีก็ยังมีเพียงฌาร์มในหัวใจผู้เดียว ถึงไม่ได้เจอกันแต่เขาก็มักเข้ามาทักทายในความฝันเสมอ แล้วอย่างนี้ตนจะลืมผู้เป็นรักแรกลงได้อย่างไร
ดวงหน้าหวานที่อยู่ต่อหน้าดึงดูดเขามากกว่าเดิมเมื่อเผยความในใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไวน์ที่ดื่มไปหนึ่งขวดหรือเปล่า สติสัมปชัญญะของเขาจึงเริ่มหาย ค่อยยกมือข้างเดียวไปประคองใบหน้าหวานเอาไว้ จนคนที่ถูกแตะถึงกับสะดุ้ง
“ผมจูบคุณได้ไหม” คำถามที่ไม่ทันตั้งตัวสร้างความตกใจแก่หล่อนเป็นอย่างมาก
“เมาหรือเปล่า” ถามเพื่อเช็คให้แน่ใจ แต่เขาก็โต้กลับทันควันอย่างมีชั้นเชิง
“เมาแล้วจูบไม่ได้เหรอ” หล่อนยกยิ้มมุมปาก ไม่ว่าตอนนี้เขาจะต้องการเธอด้วยเหตุผลใด แต่ปริณดาก็ยอมหมดทุกอย่างเพียงแค่ได้อยู่ใกล้เขา
แม้จะเป็นเพียงคนคั่นเวลาก็ยอม
“ได้สิ แค่เป็นพี่ฌาร์ม...ปลายยอมหมดนั่นแหละ” สิ้นคำอนุญาตเขาก็ประทับจูบลงบนปากอวบอิ่มทันทีอย่างชำนาญ เล่นเอาคนตัวบางไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมเร็วขนาดนี้จนแทบหงายลงนอนกับพื้น ยังดีที่โอบเอวสอบไว้ได้ทัน
ไม่เพียงแค่แตะปากอย่างที่เคยนึก เขาเลือกขบเม้มแล้วดูดกลืนอย่างเชี่ยวชาญจนได้กลิ่นละมุนของไวน์ที่ดื่ม ค่อยเอียงหน้าเพื่อปรับองศาให้อีกฝ่ายจูบได้ถนัด มือหนาค่อยยกมาประคองใบหน้าหวานทั้งสองข้าง
ไม่รู้ว่าห่างหายจากการจูบไปนานหรือเปล่าถึงรู้สึกว่ากลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที ยิ่งเธอเปิดปากให้เขาเข้ามาสำรวจทั่วโพรงปากแล้วเกี่ยวกระหวัดลิ้นเพื่อหยอกล้อ ดุนดันอยู่อย่างนั้นหลายวินาทีกระทั่งรับรู้ว่าคนตัวบางเริ่มต้องการอากาศจึงผละออกให้เธอสูดเอาอากาศเข้าปอด
“มากกว่านี้ได้ไหม” ไม่น่าเชื่อว่าคำขอนั้นจะเป็นเขาที่เอ่ย หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างแต่ก็ตอบรับในทันที
“เริ่มเลยค่ะ” มือหนาผลักร่างแบบบางนอนลงบนพื้นแล้วเริ่มจุมพิตหล่อนอีกครั้ง ความต้องการเข้าครอบงำจนเขาไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำตรงหน้าจะส่งผลใดตามมา