๓ เมื่อใจอ่อนแอ (๑)
๓
เมื่อใจอ่อนแอ
ไม่ต้องพึ่งลูกชายคนโต คุณรุ่งรดาโทรสายตรงถึงฌาร์มเพื่อชวนมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านต้นตระการ จากที่เอ็นดูชายหนุ่มเป็นทุนเดิม เมื่อรู้ว่าตอนนี้คบกับบุตรสาวของตนก็ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดรอต้อนรับชายหนุ่มด้วยตัวเอง
พาหนะคันหรูจอดเทียบหน้าบ้าน ดวงตาคมเหลือบมองแฟนในนามที่ยิ้มกว้างพลางโบกมือให้เขาอยู่ข้างมารดาหล่อน
เพิ่งทราบจากต้นเดือนถึงเหตุผลที่ถูกชวนมากินข้าวที่บ้านหลังนี้ ไม่นึกว่าเหตุการณ์ตกกระไดพลอยโจนครั้งนั้น จะสร้างปัญหาตามมาอีก
เพียงแค่มองแววตาของคุณรุ่งรดาก็ทราบว่าท่านต้องการอะไร อยากขึ้นรถแล้วขับกลับคอนโดมิเนียม แต่ด้วยมารยาทไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ร่างสูงจึงเลือกยกมือไหว้คนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม ถึงจะมาบ้านต้นตระการบ่อยก็ไม่เคยเกร็งเท่าครั้งนี้
“เอ่อ สวัสดีครับคุณป้า” ปริณดารีบเดินมายืนข้างกายหนา ทำตัวเป็นแฟนสาวอย่างแนบเนียน
เธอไม่คิดว่ากลับถึงไทยเพียงแค่สัปดาห์เดียวจะสามารถทำให้เขาเป็นแฟนตนได้ ถึงมันจะเป็นเพียงเรื่องหลอก แต่อีกไม่นานต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน
เอาหัวเป็นประกันเลย!
เพราะตนจะทำทุกทางให้ฌาร์มหลงรักหัวปักหัวปำ!
“เข้าไปข้างในด้วยกันนะ ป้าเตรียมของหวานไว้เต็มเลย” รองประธานบริษัทอาหารแช่แข็งจำต้องเดินตามท่านเมื่อถูกเชื้อเชิญ ไม่วายเหลือบมองร่างแบบบางที่ตามติดไม่ห่าง อยากใช้โอกาสนั้นพูดกับหล่อนถึงเรื่องที่เกิด แต่คุณรุ่งรดาก็หันมามองซะก่อน จึงทำเพียงยิ้มแหยะไม่ได้พูดอะไร
ถึงห้องรับแขกที่บนเพดานแขวนแชนเดอร์เลียคริสตัลราคาหลักล้านที่สั่งทำพิเศษตามความชอบของคุณผู้หญิง สองพี่น้องไม่ค่อยมาใช้ห้องนี้เท่าไหร่เพราะให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนอยู่ในพระราชวังมากเกินไป มักจะขลุกอยู่ห้องนั่งเล่นอีกฝั่งที่อยู่เยื้องกัน
“ป้าเพิ่งรู้ว่าฌาร์มคบกับน้องปลาย” เพียงนั่งลงบนโซฟาก็ถูกถามไม่ให้ตั้งตัว เล่นเอาชายหนุ่มที่ยกน้ำดื่มดับกระหายถึงกับสำลัก
ไม่คิดว่าท่านจะตรงไปตรงมาแบบนี้ รู้แล้วว่าปริณดาได้นิสัยมาจากใคร...
“แค่กๆ”
“กระดาษทิชชู่ค่ะพี่ฌาร์ม เช็ดปากหน่อยนะคะ ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะหม่าม้ารู้เรื่องของเราแล้ว ท่านรู้แล้วนะคะว่าเราเป็นแฟนกัน” ร่างบางนั่งลงเคียงข้างเขา รีบหยิบกระดาษทิชชู่ให้แฟนในนามพลางอธิบายให้ชายหนุ่มฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พูดลื่นไหลต่างจากฌาร์มที่ทำหน้าเคร่ง ยิ้มจืดเจื่อนส่งไปให้คุณรุ่งรดา
คุณผู้หญิงของบ้านต้นตระการยิ้มกริ่มมีความสุข เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านทยอยยกขนมมาเสิร์ฟ เขาจึงใช้จังหวะนี้โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูเธอ คุยกันสองคนเสียงเบา
“คุณกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่”
“ช่วยปลายหน่อยนะคะ พลีส ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้แค่พยักหน้าเออออไปกับปลายก็พอ เดี๋ยวจะลดราคาถ่ายงานให้เป็นพิเศษเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลย” คิดไม่ออกว่าทำอย่างไรเขาถึงจะยอมช่วย จึงเอาเรื่องงานมาเป็นรางวัลล่อตาล่อใจ
ดูเหมือนว่าแววตาคมจะเปลี่ยนเล็กน้อย เธอภาวนาให้เขาตอบตกลงกับคำถามของมารดา อย่างน้อยก็ยืดระยะเวลาออกไปได้อีกสักพัก
ถึงจะเป็นแค่แฟนในนาม...แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ
“ครับ เรากำลังคบกัน” คุณรุ่งรดาผละจากขนมที่จัดวางเรียบร้อย เงยหน้ามองเพื่อนสนิทของลูกชายรอคอยคำตอบ เมื่ออีกฝ่ายตอบอย่างฉะฉานจึงยิ้มกว้าง
ปริณดาก็ไม่ต่างกันนัก เธอเผลอกำกางเกงตัวเองแน่นยามที่เขาเอ่ยปากบอกถึงสถานะของพวกเราให้บุพการีของตนทราบ
ไม่น่าเชื่อว่าฌาร์มเลือกโกหกคำโตเพราะข้อเสนอเรื่องงานที่น่าดึงดูด
เขากลายเป็นคนงกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือบางทีอาจจะมีใจให้เธอหรือเปล่าจึงยอมตกลงง่ายดาย เพียงแค่คิดดวงตากลมก็เปล่งประกายสดใส
“ป้าดีใจจริงๆ ที่ฌาร์มคบกับน้องปลาย แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย”
“พี่ฌาร์มดูแลปลายดีมากเลยนะหม่าม้า เราทำงานด้วยกันก็คอยส่งข้าวส่งน้ำ พาปลายไปเดินเล่น ซื้อของมาให้เยอะแยะเลยค่ะ” ร่ายยาวถึงสิ่งที่เขาไม่เคยทำเลยสักอย่าง ความทรงจำที่มีร่วมกันก็แสนน้อยนิด
แต่ที่ติดตาตรึงใจเขาไม่อาจลืมคือการที่หล่อนสามารถดื่มเบียร์หมดหนึ่งเหยือกในระยะเวลาเพียงหนึ่งนาที เป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งจริงๆ
หน้าตาอาจละอ่อน แต่คอทองแดงใช้ได้เลย ถ้าให้แข่งกันเขาก็คงแพ้เธอราบคาบ
“แหะๆ” ทำได้เพียงหัวเราะเสียงแหยะ ไม่กล้าอธิบายอะไรอีกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปริณดาเพียงผู้เดียว
เขาเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าตนจะตอบตกลง ยอมเล่นละครโกหกคำโต...
คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร พวกตนไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ไม่มีความรู้สึกผูกพัน ฉะนั้นจะบอกผู้ใหญ่ว่าเลิกกันตอนไหนก็ได้ ทั้งยังไม่ต้องคอยเอาใจใส่มากนัก ทำต่อหน้าบุพการีของหล่อนก็พอแล้ว ถือว่าช่วยเหลือเด็กตาดำๆ คนหนึ่งที่ถูกจับคู่
ตนก็ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย
“ขอบคุณที่เอ็นดูน้องนะลูก” เริ่มรู้สึกผิดเมื่อท่านให้ความเอ็นดูเขามากขนาดนี้ แต่กลับตอบแทนน้ำใจคุณรุ่งรดาด้วยการโกหก เหลือบมองคนข้างกายที่ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบจนเกรงว่าเหงือกหล่อนจะแห้ง แล้วค่อยผินหน้ากลับมาสบตาท่านอีกรอบ
“ครับ” รับคำเสียงหนักแน่น
ถึงเขาจะไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษต่อปริณดา แต่ก็เห็นหล่อนเป็นน้องสาวอีกคนหนึ่ง
ช่วงค่ำร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน โดยไร้เงาของต้นเดือนเพราะต้องอยู่ทำงานที่บริษัท ร่างสูงนั่งเงียบแล้วกินข้าวเพียงอย่างเดียว ต่างจากลูกสาวคนเล็กของบ้านต้นตระการผู้กุมบทสนทนาทั้งหมดเอาไว้เพียงคนเดียว
เมื่อท้องอิ่มก็ถูกชวนไปเล่นหมากรุกอยู่สวนข้างบ้าน คุณปรีชาถูกใจกับฝีไม้ลายมือของเพื่อนลูกชาย ทั้งยังควบตำแหน่งว่าที่ลูกเขยเป็นอย่างมาก เอ่ยชมร่างสูงไม่ขาดปากจนฌาร์มทำตัวไม่ถูก
ชมอีกนิดเขาคงลอยแล้วล่ะ...
“คราวหน้ามาเล่นหมากรุกกับพ่ออีกนะ เล่นทีไรไม่เคยชนะเราได้เลย สงสัยพ่อต้องไปฝึกฝีมืออีกสักหน่อยแล้ว” ชายหนุ่มพยายามจะยอมแพ้ให้คุณปรีชาหลายรอบแต่ท่านก็รู้ทันเสมอ ยังดักเอาไว้ว่าห้ามอ่อนข้อให้เด็ดขาด
ลงท้ายที่ชายรุ่นลูกชนะทุกครั้ง จนท่านประธานต้องไปหัดเล่นเพื่อมาเอาชนะเพื่อนของลูกชายให้ได้
เคยชวนต้นเดือนเล่นหมากรุกด้วยกันหลายครั้ง แต่เวลาไม่เคยตรงกันถึงจะอยู่บ้านหลังเดียวกัน ท่านจึงไม่มีเพื่อนเล่นจนต้องชวนคนขับรถหรือคนสวนมาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่สนุกเพราะตนชนะตลอด
“ครับ”
เหมือนว่าสมาชิกของบ้านต้นตระการจะชอบฌาร์มทุกคน ไม่มีใครคัดค้านกับการคบหาครั้งนี้ ปริณดาก็ยิ้มกริ่มมีความสุข คิดจะยื้อสถานะแฟนจอมปลอมเอาไว้ให้นานที่สุด
“ปลายเดินไปส่งพี่ฌาร์มก่อนนะคะ” คว้าแขนหนามากอดเอาไว้ บอกกับบุพารีแล้วพาร่างสูงเดินออกมาข้างนอก เธอยิ้มยังคงกอดแขนเขาไม่ปล่อยจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยเตือนถึงรู้สึกตัว ค่อยผละออกด้วยความเสียดาย
“ปล่อยเถอะ ไม่ได้อยู่ในสายตาพ่อแม่คุณแล้ว”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยปลายวันนี้” ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณทั้งที่คิดว่าเขาจะปฏิเสธ
“ความจริงไม่เห็นต้องโกหกท่านเลย”
“ไม่โกหกได้เหรอคะ เดี๋ยวถ้าม้ารู้ว่าปลายโกหกพี่เปรมก็ต้องให้เขามากินข้าวด้วยอีก ไหนจะเปลี่ยนคนดูตัวไปเรื่อยๆ ปลายไม่เอาด้วยหรอก สู้บอกว่ามีแฟนไปเลยดีกว่า” เหตุผลข้อนั้นเขาพอจะทราบดี
ต้นเดือนก็ถูกนัดดูตัวหลายครั้ง เปลี่ยนผู้หญิงไปเกือบสิบคนตามความต้องการของคุณรุ่งรดาที่อยากให้สะใภ้ของต้นตระการเป็นคนฐานะทัดเทียม
ท่านอาจจะดูเหมือนคนใจดี แต่ก็เข้มงวดกับชีวิตของลูกทั้งสองคนเป็นอย่างมาก การที่เธอจะขอร้องให้เขามาเป็นแฟนตัวปลอม ก็ดูมีเหตุผลอยู่บ้าง
“แต่ผมไม่ใช่แฟนคุณ” ย้ำถึงความจริงให้หล่อนทราบ หญิงสาวหน้าเจื่อนแล้วค่อยยิ้มอีกครั้ง
“แฟนในนาม...เราเป็นแฟนกันในนามก็พอค่ะ” ยอมตามน้ำไปก่อนถึงใจจะฝันหวานกับอนาคตของเราสองคน
หล่อนเชื่อว่าตอนนี้มันแค่เริ่มต้น หนทางความรักยังอีกยาวไกล อย่างไรก็ต้องพิชิตใจฌาร์มให้ได้ เขาจะไปไหนรอด
ยืนคุยอยู่หน้าบ้านสักพักก็มีรถยนต์สีดำแล่นเข้ามาจอดในโรงรถ ลูกชายคนโตของบ้านต้นตระการปรากฏตัว พร้อมเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทควบตำแหน่งน้องเขย เพราะเขาเองก็เชียร์น้องสาวของตนเต็มที่เหมือนกัน
“เพิ่งมาหรือกำลังจะกลับ”
“กำลังจะกลับ” ต้นเดือนพยักหน้าแล้วมองมาที่น้องสาวของตน
สิ่งที่เธออยากทำมาตลอดคือการแนะนำฌาร์มให้คนในครอบครัวรู้จักว่าเป็นแฟน แต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสนั้น จนวันนี้มาถึง...แม้จะเป็นเพียงสถานะจอมปลอมก็ตาม
“พี่ต้น! นี่พี่ฌาร์มเป็นแฟนของปลายเองค่ะ” รีบขยับเข้าไปใกล้ร่างหนาแล้วบอกกับพี่ชายที่รู้อยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ต้องแสดงละครทำเหมือนไม่รู้ ทว่าอาจจะใส่อารมณ์มากเกินไปจนท่านรองประธานถึงกับมองบน
“หา”
“ไม่เชื่อไปถามพ่อกับหม่าม้าดูเลยก็ได้”
“เฮ้ย จริงหรือเปล่า” หันไปถามเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้านิ่ง ไม่ยินดียินร้ายกับความสัมพันธ์ที่โดนมัดมือชก
“น้องสาวนายแค่เอาฉันเป็นไม้กันหมาเท่านั้นแหละ ฉันกลับก่อนนะ” ตบบ่าต้นเดือนแล้วเลือกจะเดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ทว่าโดนรั้งเอาไว้พร้อมกับคำชวนร่วมทริปกะทันหันโดยไม่ได้นัดล่วงหน้า
“เดี๋ยวๆ เสาร์นี้ว่างไหม จะชวนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ฉันเครียดจากงานเลยอยากพักผ่อนสักหน่อย สนใจหรือเปล่า” ปริณดาหูผึ่งทันที เธอขยับเข้าใกล้พี่ชายแล้วกระพริบตาปริบมองแฟนในนามของตัวเอง หวังเป็นอย่างยิ่งให้เขาตอบตกลง หล่อนจะได้ขอติดสอยห้อยตามไปด้วย
แต่เวลาของฌาร์มเป็นเงินเป็นทอง เกรงว่าเขาอาจจะไม่ว่างหากชวนกระชั้นชิด อย่างน้อยก็ต้องบอกล่วงหน้าเป็นสัปดาห์เพื่อเคลียร์งาน...
“ได้สิ” แต่คำตอบสร้างความฉงนแก่หญิงสาวเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะตกลงอย่างง่ายดาย
“โอเค ไว้เจอกัน”
เพื่อนสนิททั้งสองบอกลากัน หล่อนทำเพียงโบกมือให้ทั้งที่เขาไม่สนใจ มองรถคันหรูแล่นออกจากบ้านแล้วหายลับไป สาวน้อยช่างอ้อนรีบเข้ามากอดแขนพี่ชายทันที ยิ้มประจบเป็นอันรู้กันว่าหล่อนต้องการอะไรจากเขา
“พี่ต้นขา...เสาร์นี้ปลายก็ว่างนะ” เกริ่นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ต้นเดือนชวนตน คนเป็นพี่ทราบถึงความต้องการเป็นอย่างดี จึงเฉลยความจริงให้ปริณดาทราบ
“ที่ชวนมันก็เพราะเรานั่นแหละ เสาร์นี้พี่คงไม่ว่างเพราะมีงานด่วน ยังไงก็ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะน้องรัก”