บท
ตั้งค่า

๒ ความสัมพันธ์ก้าวกระโดด (๑)

ความสัมพันธ์ก้าวกระโดด

คนที่ถูกดึงเข้ามาในวังวนน่าปวดหัวถึงกับกัดฟันกรอด ฌาร์มมีนัดกับเพื่อนสนิทอย่างต้นเดือน เขามาก่อนเวลานัดเพราะอยู่ใกล้ร้าน โดยไม่รู้เลยว่าจะต้องปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนอื่น

ดวงตาคมเหลือบมองชายตรงหน้า ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ดูจากการที่มารับประทานอาหารกับปริณดาสองคน...อาจจะกำลังดูตัวหรือเปล่า

ยิ่งคิดก็ยังรู้สึกว่าตนเองพลาดที่มาก่อนเวลา อยากเดินกลับออกไปจากร้านจะได้ไม่ต้องพบเจอเรื่องปวดหัวอย่างตอนนี้

“ฮะ...แฟน” เปรมถึงกับอุทานด้วยความตกใจ จำได้ว่าคุณรุ่งรดาบอกลูกสาวโสด แล้วเหตุใดจึงมีแฟนยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ล่ะ

มันต้องมีอะไรผิดพลาด...

คนที่ตนหมายตากำลังจะลอยหลุดมือไปอย่างนั้นหรือ แค่คิดก็นึกเสียดายในหน้าตาสะสวยของปริณดา ไม่น่ามีเจ้าของเลย

“ค่ะ พี่ฌาร์มเป็นแฟนของปลายเอง พอดีปลายอยากปิดเป็นความลับแต่พอหม่าม้าให้มากินข้าวกับพี่เปรม เลยไม่อยากให้พี่เข้าใจผิดว่าเป็นการดูตัวค่ะ” เล่าได้เป็นฉากราวกับเตรียมเอาไว้ สร้างความหงุดหงิดให้รองประธานที่ต้องเข้ามาวุ่นวายในความสัมพันธ์ของคนอื่น

เขาอุตส่าห์ครองตัวเป็นโสดไม่ยุ่งเกี่ยวกับความรัก เพราะมันจะทำให้เป็นทุกข์ได้หลายปี แต่เธอดันฉุดกระชากเขาลงมาในบ่วงที่มีแต่ความวุ่นวาย

“เล่นบ้าอะไรของคุณ” กระซิบถามเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน ไม่อยากหักหน้าหญิงสาวให้อับอาย อย่างไรก็เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท

“ช่วยปลายหน่อยนะพี่ฌาร์ม” หล่อนเงยหน้ามองเขาแล้วอ้อนวอนเสียงเบา ไม่ลืมกระพริบตาปริบหวังให้ร่างสูงใจอ่อน

และดูเหมือนจะได้ผลซะด้วย...

ฌาร์มทอดถอนใจอย่างเบื่อหน่าย รู้ว่าตนจะต้องใจอ่อนยอมทำตามคำขอของหล่อนแน่นอน

เขาไม่ชอบการมาดูตัวที่ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ เหมือนถูกบังคับให้รักทั้งที่ไม่ได้รัก ส่วนมากก็มองเพียงแค่เปลือกนอกว่าเหมาะสมทางฐานะ

“งั้นนั่งด้วยกันไหมครับ” เปรมมองคนทั้งสองที่ยืนกระซิบกระซาบก็อยากรู้ด้วย จึงเชื้อเชิญฌาร์มให้ร่วมโต๊ะตามมารยาท

“ไม่เป็น...” เขาคิดจะปฏิเสธทั้งยังอยากออกจากสถานการณ์ที่ชวนอึดอัด กลับโดนปริณดาตัดบทแล้วยังกอดแขนหนาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ราวกับกลัวเขาหนีหาย...

“นั่งค่ะ เชิญนั่งเลย นั่งใกล้ปลายดีกว่านะเราจะได้คุยเรื่องของเราด้วย...พี่ฌาร์มงอนน่ะค่ะ เขารู้ว่าปลายจะมากินข้าวกับผู้ชายเลยหึง” ลากร่างสูงมานั่งข้างตน ฉีกยิ้มกว้างให้คนที่ทำหน้าเรียบเฉยติดบึ้งตึง ถ้าไม่ติดว่าหล่อนเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท คงลุกเดินหนีไม่ไว้หน้าแล้ว

ดวงตาคมยังคงมองหาคนที่นัดตนมาร้านอาหาร แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา...เขาโดนหลอกหรือเปล่า

“อ้อ” เปรมพยักหน้าแบบขอไปที ไม่ค่อยอยากมองคนที่นั่งตรงหน้าซึ่งหล่อเหลาเรียกสายตาหลายคู่ให้เหลียวมอง

อาหารทยอยออกครัววางเต็มโต๊ะ ร่างบางเพิ่งรู้ว่าตนสั่งไปเยอะขนาดนี้ก็ตอนโต๊ะที่เคยว่างเปล่ากลับมีจานอาหารวางเต็มแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง

“พี่จำได้ว่ามีนัด ถ้าอย่างนั้นเชิญน้องปลายกับแฟนกินข้าวตามสบายเลยนะ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ไว้เจอกันใหม่นะครับคุณฌาร์ม” บรรยากาศอึดอัดเกินกว่าจะทนร่วมโต๊ะกับคู่รักได้ อาจารย์มหาวิทยาลัยจึงเลือกจะเลี่ยงโดยหาข้ออ้างที่พอนึกได้

ปริณดากลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ พยักหน้าพลางโบกมือลาคู่นัดของตนเองโดยที่มือยังคล้องแขนหนาเอาไว้ไม่ปล่อยเช่นเดียวกัน เธอสวมบทบาทแฟนสาวไม่หลุด ต่างจากร่างสูงที่พรูลมหายใจด้วยความเบื่อหน่าย

“ครับ”

เปรมเดินออกจากร้านอาหารโดยค้อมศีรษะเป็นการบอกลาคนทั้งสอง เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนที่จะถูกปลดมืออย่างรวดเร็ว พอหันมาสบตาฌาร์มจึงรีบเม้มปากแน่นไม่กล้ายิ้ม ดวงตาคมแสดงถึงความดุดัน

“เล่นอะไรของคุณ” ถามเสียงเครียด ไม่คิดว่าตนต้องมาเล่นละครเป็นคนรักให้หญิงสาวเพื่อตบตาคนอื่น

“หม่าม้าให้มาดูตัวแต่ปลายไม่อยากมีแฟนนี่คะ ขอยืมตัวพี่แค่แป๊บเดียวไม่ได้เหรอ” รีบใช้ลูกอ้อนเพื่อเข้าช่วยไม่ให้เขาโมโหตนไปมากกว่านี้ ถึงจะรู้ว่ามันอาจไม่ได้ผลเพราะดวงตาเป็นประกายยังคงโชนแสง

ดูท่าว่าจะไม่หายโกรธหล่อนง่ายแน่ หญิงสาวเริ่มคิดหนักว่าจะเอาอย่างไร เธอยังอยากรั้งเขาให้อยู่ด้วยกัน แต่ฌาร์มกลับลุกยืนแล้วบอกลาเสียงเรียบ

ถ้าไม่ติดว่าหล่อนเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท คงถูกดุชุดใหญ่

“เฮ้อ ผมไปล่ะ”

“เดี๋ยวสิ! พี่ฌาร์มจะไปไหน นัดใครไว้หรือเปล่า อาหารเต็มโต๊ะเลยอยู่ช่วยกินก่อนไม่ได้เหรอคะ ปลายคงกินคนเดียวไม่หมดหรอก” คว้ามือหนาเอาไว้แล้วรั้งไม่ยอมปล่อยให้ชายหนุ่มหนีห่าง ใช้ข้ออ้างเรื่องอาหารซึ่งดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลเท่าไหร่

แต่เธอคิดไม่ออกนี่น่าว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ฌาร์มอยู่กับตนเอง

“ผมนัดต้นไว้ที่นี่” หากไม่ใช่เพราะนัดกับต้นเดือน เขาก็คงไม่ได้เข้ามาในร้านจนเกิดเหตุการณ์ชวนปวดหัวขึ้นหรอก

“นัดกับพี่ต้นเหรอ...” หล่อนนิ่งเพื่อทบทวนถึงสิ่งที่พี่ชายโทรมาบอก แต่ตอนฟังเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะช่วยอย่างไร

ไม่คิดเลยว่าจะส่งเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยทันเวลาพอดี ทั้งยังทำให้ตนมีโอกาสมัดมือชกพัฒนาสถานะของเรา

‘เดี๋ยวพี่หาคนไปช่วยเองไม่ต้องเป็นห่วงหรอก’

“พี่ต้น...น่าจะติดธุระที่อื่นนะคะ พี่ฌาร์มลองโทรหาอีกทีหรือยัง เห็นตอนเช้าก่อนออกมาบอกว่ามีงานเยอะเลย” เธอรีบออกตัวแทนพี่ชายของตนเอง ทั้งยังดึงให้ร่างสูงนั่งลงที่เดิม จนสุดท้ายเขาก็ยอมนั่งแต่ยังคงนึกถึงเพื่อนสนิท

“อย่างนั้นเหรอ”

“ผมขอตัว..” ปลดมือบางออกหวังจะรีบกลับ แต่เธอยังดึงดันให้เขานั่งพร้อมหว่านล้อมด้วยอาหารที่วางเต็มโต๊ะ

“มาขอตัวอะไรกันล่ะคะ นั่งกินข้าวด้วยกันก่อนสิ อาหารเยอะขนาดนี้พี่ฌาร์มห่อกลับบ้านด้วยนะ ไม่รู้เขาจะสั่งมาทำไมเยอะแยะ อยากอวดรวยนักหรือไงก็ไม่รู้...มาเริ่มกินลาซานญากันเถอะค่ะ เห็นบอกว่าร้านนี้อร่อย ไม่รู้จะสมคำล่ำลือหรือเปล่า” บ่นเปรมทั้งที่ตนเป็นคนสั่ง ค่าอาหารแต่ละอย่างไม่ใช่ถูก

ปริณดาไม่รอช้ารีบตักลาซานญาวางใส่จานของร่างสูง ฌาร์มพรูลมหายใจหนักแล้วนั่งนิ่ง พอจะทราบถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อตน จึงพยายามเว้นระยะห่างเอาไว้ตลอด ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะพลาดท่าซะได้

“ลองกินริชอตโตด้วย...อ่ะ อันนี้ก็น่ากินนะ พิซซ่าหน้านี้อร่อยมาก พี่ฌาร์มต้องลองค่ะ” หยิบพิซซ่ายื่นไปตรงหน้าเขา มืออีกข้างก็กอดแขนแกร่งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับกลัวว่าเขาจะหนี

ชายหนุ่มจึงปลดมือเธอออก เหลียวมองคนที่นั่งข้างกันด้วยแววตาเย็นชา หยิบพิซซ่ามาถือไว้แล้วกัดอย่างเสียไม่ได้

“ผมมีมือ...ผมกินเองได้ครับ”

“โอ๊ะ ลืมไป...แต่ปลายอยากบริการค่ะ เดี๋ยวตักให้นะ” ถึงจะโดนตอกจนหน้าชา แต่เธอก็ยังทำใจดีสู้เสือตักอาหารให้เขาไม่ขาด ทั้งยังชวนคุยเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนาน ถึงส่วนมากจะพูดคนเดียวก็ตาม

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อาหารเต็มจานพร่องลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหลือเพียงจานเปล่า กับร่างแบบบางที่นั่งพิงพนักพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ดวงตาเหม่อลอยหันมามองชายหนุ่มที่นั่งข้างกัน

“อิ่มมากเลยพี่ฌาร์ม เดินจะไม่ไหวแล้วเนี่ย” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะลุกจึงรีบคว้าแขนหนาไว้ทันที ถึงจะไม่ได้อิ่มจนเดินไม่ไหวแต่ก็หาข้ออ้างเพื่อจะได้เดินออกจากร้านพร้อมฌาร์ม เธอไม่ยอมปล่อยเขาหนีไปโดยง่ายหรอก

อ้อยเข้าปากช้างทั้งที ต้องหาข้ออ้างอยู่กับอีกฝ่ายให้นานหน่อย...

“ใครบอกให้คุณกินเยอะล่ะ กินแค่พอดีก็ได้ไม่เห็นต้องฝืนกินจนหมดเลย”

“มันเสียดายนี่น่า มีแต่ของอร่อยทั้งนั้น” ทำหน้ายู่แล้วรีบเดินตามร่างสูง แต่ยังไม่วายถามเขาเมื่อเห็นฌาร์มเร่งเดินเร็วเหมือนมีธุระต้องรีบไป

“พี่ฌาร์มจะไปไหน”

“กลับ” เพียงคำเดียวก็ทำให้คนเจ้าเล่ห์แอบยกยิ้มมุมปาก เห็นว่าเขาไม่ได้หวงเนื้อหวงตัวเหมือนตอนแรก ทั้งที่เธอจับแขนแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้สะบัดทิ้งหรือปรายตามองด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจจะชินกับการถูกสัมผัส

ไม่สิ...น่าจะรำคาญจนคร้านจะปัดป้องมากกว่า เพราะถึงปลดมือหล่อนออกก็ยังถูกคว้าไปกอดอยู่ดี

ปริณดามีความพยายามสูงเพื่อเข้าใกล้เพื่อนสนิทของพี่ชาย เธอบรรลุนิติภาวะทั้งยังเรียนจบมีหน้าที่การงานดี ไม่มีเหตุผลข้อใดเลยที่ไม่คู่ควรกับรองประธานบริษัทแลนด์ฟู๊ด

“ขอติดรถกลับด้วยนะ ตอนขามาใช้แท็กซี่แต่ตอนนี้ไม่อยากเสียเงิน รบกวนไปส่งปลายที่บ้านได้ไหมคะ นะ...” ถึงกับโกหกทั้งที่รถยนต์ของตนก็จอดอยู่หน้าร้าน หญิงสาวยังคงทำหน้าซื่อตาใสเพื่อให้เขาเห็นใจตน

“ขึ้นรถสิ” ร่างสูงนิ่งไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยเสียงเรียบแล้วเดินไปยังรถยนต์ของตน

“ขอบคุณค่ะ!” ปากอวบอิ่มยกยิ้มกว้าง นี่คือครั้งแรกที่ได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของฌาร์ม ถึงกับสูดลมหายใจก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับ สำรวจไปทุกส่วนของรถคันหรู อยากเอื้อมมือไปจับคอนโซลหน้ารถแต่ยั้งใจเอาไว้

ห้ามแสดงอาการตื่นเต้นเกินเหตุ พยายามเหลือบมองสารถีหน้าหล่อจนตาเหล่ ไม่นึกว่าวันนี้จะเกิดขึ้นจริง ต้องขอบคุณพี่ชายที่อุตส่าห์ช่วยออกอุบายจนเกิดเหตุการณ์ตกกระไดพลอยโจน

ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่มีวันได้ขึ้นมานั่งเคียงข้างเขาอย่างตอนนี้หรอก

“พี่ฌาร์มๆๆ เขามีร้านแอลเปิดใหม่ด้วย โปรโมชั่นพิเศษดื่มเบียร์ฟรีไก่ด้วย จอดก่อนๆๆ” จังหวะที่รถกำลังจอดติดไฟแดง หล่อนเหลือบไปเห็นร้านข้างทางที่เพิ่งเปิดใหม่ เหมือนร้านอาหารเกาหลีที่ชูโรงด้วยแอลกอฮอล์และไก่

แต่สิ่งน่าสนใจคือโปรโมชั่นเรียกลูกค้าในวันแรกที่เปิดร้านต่างหาก ดวงตากลมแวววาวพลางเขย่าแขนชายหนุ่ม สั่งเสียงดังอย่างลืมตัวเพราะมัวแต่มองตามร้านด้วยความตื่นเต้น

ปริณาดาชอบความท้าทาย เพียงแค่เห็นคนมุงพร้อมประโยคเชิญชวนก็ทำให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างอยากเข้าไปร่วมวง

ถึงจะไม่อยากทำตามความต้องการของหล่อน แต่ชายหนุ่มก็เลือกจอดรถยนต์ริมฟุตบาธที่มีสีดำขาวคาดทับ เธอแทบอดใจรอไม่ไหวเมื่อพาหนะสีทะมึนถูกดับก็รีบเปิดประตูลงมาข้างล่างทันที เสียงเชียร์ดังไม่ขาดสายจนพยายามเขย่งปลายเท้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“มานี่เร็วค่ะ” เหลียวหลังกลับมามองคนที่เดินมาด้วยกัน พบว่าฌาร์มยืนพิงประตูรถคอยหล่อน ไม่ได้เดินตามด้วยซ้ำ

จนต้องกลับไปดึงแขนให้เขาเดินตามตนมาที่หน้าร้าน ชายหนุ่มไม่ชอบไปในสถานที่คนเยอะ แต่หล่อนกำลังพาเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าคมจึงเรียบตึงมากกว่าเดิม ยืนอยู่รอบนอกวงแล้วดูโต๊ะยาวซึ่งเป็นที่จัดกิจกรรมของทางร้าน

“ถ้าดื่มเบียร์หมดเหยือกภายในหนึ่งนาที ได้ไก่ทอดเกาหลีสูตรพิเศษของทางร้านฟรีสิบชิ้น!” สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร คนที่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษคือหญิงสาวผู้ยืนข้างเขา หล่อนรีบปล่อยมือจากแขนหนาแล้วหันมากำชับคนที่ยืนทำหน้านิ่ง

เธอไม่ได้สนใจของรางวัลเท่าเบียร์หนึ่งเหยือกที่จะได้ดื่ม การไปเรียนต่างประเทศครั้งนี้เปิดโลกให้เธอเป็นอย่างมาก จากเคยอยู่ในกรอบที่พ่อแม่วางไว้ก็ได้ลองได้ทำแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะการดื่มแอลกอฮอล์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel