๑ พบกันอีกครั้ง (๑)
๑
พบกันอีกครั้ง
รถยนต์จอดลงหน้าบ้านหลังงาม ประตูถูกเปิดออกทันทีพร้อมกับดวงหน้าหวานซึ่งยิ้มแป้นให้คนในครอบครัวที่มายืนรอรับพร้อมหน้าพร้อมตา ระยะเวลากว่าห้าปีที่จากเมืองไทยไปทำให้คิดถึงทุกคนเป็นอย่างมาก
ช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดก็ไม่ได้กลับ หล่อนเลือกเก็บเกี่ยวความสุขตระเวนเที่ยวไปทั่วไม่ได้พัก จนเปิดช่องยูทูปแนะนำการเที่ยวต่างแดน มีผู้คนเข้ามาติดตามหลักแสนโดยไม่คาดคิด เพราะตอนแรกเพียงจะทำเพื่อเป็นการบันทึกความทรงจำของตัวเองเท่านั้น
คุณปรีชา ต้นตระการยืนยิ้มพลางอ้าแขนกว้างเพื่อโอบลำตัวบางของบุตรสาวเพียงคนเดียว ยามว่างก็มักไปเยี่ยมเสมอแต่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่
“คิดถึงจังเลยค่า!! ขอกอดหน่อยสิ” โผเข้ากอดบิดาทันที
ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเล็กจึงติดนิสัยขี้อ้อน ไม่ว่าจะกับบิดาหรือมารดา กระทั่งพี่ชายก็ตามใจหล่อนทุกอย่าง จนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนเอาแต่ใจ
บ้านต้นตระการเงียบเหงามาตลอดระยะเวลาห้าปี ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองโดยเฉพาะลูกชายคนโตที่ขยันสร้างผลงานเพื่อเลื่อนขั้น อยากให้ผู้บริหารยอมรับตนเอง เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแทนบิดา
อย่างไรน้องสาวก็ไม่สนใจธุรกิจของครอบครัวอยู่แล้ว...
“ตัวสูงขึ้นหรือเปล่าน่ะเรา ก่อนไปยังตัวเท่าเมี่ยง” ผละออกแล้วมองลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ลูบศีรษะมนอย่างเอ็นดู เผลอนึกไปถึงตอนที่ปริณดายังคงเป็นเด็กแล้วเรียกให้พ่ออุ้ม ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปไม่นานจะเติบโตมากขนาดนี้
“โธ่พ่อคะ เมี่ยงอะไรจะสูงยาวหน้าตาดีเหมือนลูกสาวของพ่อขนาดนี้ล่ะ เป็นเพราะปลายใส่ส้นสูงหรอกเลยเหมือนสูงขึ้น แต่ที่จริงยังเป็นลูกสาวตัวน้อยแสนน่ารักของพ่อกับหม่าม้าเหมือนเดิมเลยนะ” ไม่เพียงแค่กอดคุณปรีชา ยังรีบเข้าไปสวมกอดมารดาที่ยืนยิ้มมองหล่อนด้วยความชื่นชม
ยังจำวันไปส่งที่สนามบินได้ไม่ลืม ลูกสาวของเธอร้องไห้ไม่หยุดเหมือนเด็ก กอดพ่อแม่ไม่อยากห่างจากพวกท่าน แต่พอไปอยู่นิวซีแลนด์แค่ปีเดียวแทบไม่ติดต่อมาด้วยซ้ำ
มันน่าน้อยใจเหลือเกิน...
“ช่างพูด”
ยิ้มหวานเมื่อเห็นมารดาส่งค้อนให้วงโต เธอคิดถึงบรรยากาศที่เมืองไทยเป็นอย่างมาก ถึงอยู่ที่ต่างประเทศจะอากาศดีมากแค่ไหนแต่กลับรู้สึกว่าไม่ใช่ที่ของตน พอได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนก็เกิดความอบอุ่นในใจ
จากนี้คงไม่ได้ไปไหนไกลอีก ปริญญาโทที่คุณอาเคยเปรยก็บอกปฏิเสธท่านเรียบร้อยแล้ว อยากเริ่มทำงานเก็บเงินมากกว่า
“น้องสาวสุดที่รักของพี่กลับมาแล้ว!” คนสุดท้ายที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือพี่ชายสุดที่รักของตนอย่างต้นเดือน เขาตะโกนเสียงดังจนหล่อนสะดุ้ง ถูกคว้าเข้าไปกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก รู้เลยว่ากำลังถูกอีกฝ่ายแกล้ง
แต่มีหรือหล่อนจะยอมโดนฝ่ายเดียว รู้จักปริณดาน้อยไปซะแล้ว!
“พี่ต้น!! น้องไปแค่ห้าปีทำไมแก่ขึ้นขนาดนี้ล่ะ ดูสิ...ตีนกาเต็มไปหมด” พอผละออกก็รีบทักทันที คนอายุเพิ่มขึ้นก็หน้าตึง เพราะนอกจากน้องสาวทักแล้ว ยังมีเพื่อนอีกหลายคนบอกว่าเขาทำงานเคร่งเครียดจนหน้าไปไวกว่าอายุ บางคนถึงกับชวนเข้าคลินิกเสริมความงาม เล่นเอาหนุ่มหล่อหมดความมั่นใจ
“พ่อครับ ส่งไอ้ปลายกลับนิวซีแลนด์ได้ไหม” หันไปถามบิดาทันที สร้างความขบขันแก่ร่างบางจนต้องรีบดึงแขนพี่ชายเข้ามากอดพลางง้องอน
“โอ๋ๆๆๆ ล้อเล่น พี่ชายของปลายหล่อที่สุด ไหนตีนกาไม่มีสักหน่อย...เอาไว้ว่างๆ จะพาไปฉีดโบท็อกลดริ้วรอยนะ” ไม่วายเอ่ยแซวแล้วรีบเดินควงมารดาเข้าไปในบ้าน ส่วนพี่ชายทำได้เพียงเรียกชื่อเล่นของหล่อนเสียงดังด้วยความโกรธปนหมั่นไส้
“ปลายปี!” ถึงจะตะโกนเหมือนโกรธ แต่ดวงหน้าคมก็ยิ้มกริ่มบ่งบอกถึงความสุขที่ได้น้องสาวกลับมาอยู่ด้วยกัน
บรรยากาศบ้านจะได้กลับมาครึกครื้นสักที...
พักเพื่อปรับตัวสองถึงสามวัน ปริณดาก็ไม่ทำตัวเองเปล่าประโยชน์ เธอขับรถที่บิดาซื้อให้เป็นของขวัญต้อนรับกลับไทยมายังบริษัทที่ร่วมทุนเปิดกับเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น แต่จำต้องห่างกันเพราะตนเลือกเรียนต่อต่างประเทศ
หญิงสาวจบด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของนิวซีแลนด์ ทว่างานที่เลือกทำคือการเป็นฟู๊ดสไตลิสต์
PA.Creative Co., Ltd.
เป็นการรวมชื่อของตนและเพื่อนสนิท ก่อตั้งเป็นบริษัทที่คิดคอนเท้นต์และรับตกแต่งอาหารสำหรับการถ่ายภาพเพื่อโฆษณา ก่อตั้งมาเพียงสองปีแต่สามารถเรียกลูกค้ารายใหญ่ สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำสามารถคืนทุนได้ทั้งหมด
อาคารสำนักงานขนาดสองชั้นอยู่ใจกลางเมือง พวกเธอไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่เพราะเป็นตึกของครอบครัวหล่อน คุณปรีชามอบให้แก่บุตรสาวเพื่อจะได้ทำธุรกิจของตัวเอง
“ยัยปลาย! ดีใจที่เธอกลับมาสักที หลังจากออกเงินเปิดบริษัทแต่ให้ฉันบริหารงานคนเดียวมาเป็นปี” เปิดเข้ามาในอาคารสัมผัสได้ถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ หล่อนเดินไปยังชั้นสองทันทีเพื่อดูการทำงาน
พนักงานเหลียวมองด้วยความสงสัย ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาของผู้บริหารอีกคนมาก่อน รู้จักเพียงอรญา วิสิตธา ผู้เป็นเจ้านายโดยตรงที่ลงมาดูงานด้วยตัวเองทุกครั้ง
เธอเข้ามายังห้องทำงานของเพื่อนสนิท ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายก็ถูกกระโจนเข้ากอดแล้วร้องเสียงดังด้วยความดีใจ ไม่ได้เจอกันนานกว่าห้าปีแต่ยังคงติดต่อไม่ขาด
“เธอทำได้ดีนี่น่า แต่ตอนนี้ฉันมาช่วยแบ่งเบาภาระแล้วนะ เธอไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะรับภาระคนเดียว ไหน...มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง” มาถึงก็เริ่มทำงาน รู้สึกว่าตนเสียเวลาหนึ่งปีเต็มหลังเรียนจบเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ ลงเรียนถ่ายภาพ ทั้งยังเรียนด้านศิลปะเพื่อใช้กับงานของตน
เพื่อมาเริ่มลงสู่สนามจริง...
อรญาจ้องเพื่อนสนิทไม่วางตา ความสวยของปริณดาตราตรึงสายตาให้จดจ้องอยู่อย่างนั้นหลายวินาทีถึงยอมผละห่าง
จัดห้องทำงานไว้ให้ผู้บริหารอีกคนเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอยากลุยงานจริงมากกว่านั่งทำงานหน้าคอม
“มาวันแรกก็ได้งานใหญ่เลย เธอรู้จักบริษัทแลนด์ฟู๊ดไหม ที่ทำอาหารแช่แข็งส่งมินิมาร์ททั่วไทยแล้วก็ส่งไปต่างประเทศด้วย” พาเพื่อนสนิทมานั่งที่เก้าอี้ทำงานของตน แล้วเปิดรายละเอียดของงานวันนี้ให้สาวจบนอกได้ดู
Land food Co., Ltd.
ทำไมเธอจะไม่รู้จักล่ะ...
“แลนด์ฟู๊ดเหรอ...พี่ฌาร์ม” พึมพำเสียงเบาก่อนที่ใบหน้าหล่อคมของเพื่อนพี่ชายจะโผล่เข้ามาแทบจะทันที
ปากหยักเม้มแน่นเมื่อคิดถึงรักแรกที่ไม่อาจลืมเลือนได้
ลมหายใจสะดุดแค่เพียงนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน เป็นวันที่ชายหนุ่มนำการ์ดแต่งงานมาให้พี่ชายของหล่อน ซึ่งการแต่งงานของฌาร์มเป็นสาเหตุหลักผลักให้เธอไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ ไม่อาจทนเห็นภาพบาดตาหรือฝืนยิ้มยินดีกับเขาได้
ต้นเดือนเคยถามว่าทำไมถึงรักฝังใจกับเพื่อนของตนขนาดนั้น ทั้งที่เคยเจอกันไม่กี่ครั้ง...
เธอก็ตอบไม่ได้เช่นเดียวกัน รู้เพียงว่ามีเขาอยู่ในความรู้สึก ซ่อนตัวอยู่เงียบเชียบตลอดเวลา จนวันที่กำลังจะได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง หัวใจที่เคยสงบนิ่งก็สั่นไหวทันที
“รู้จักคุณฌาร์มด้วยเหรอ” ถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนที่ไปต่างประเทศหลายปีจะรู้จักระดับผู้บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่
ปริณดาเองก็ไม่เคยบอกถึงรักครั้งแรกให้อรญาฟังเช่นกัน...