บทนำ
บทนำ
รองเท้านักเรียนสีดำสนิทเงาวับจากการถูกขัดเป็นอย่างดีเหยียบลงบนพื้นหน้าบ้าน หล่อนรีบกอดกระเป๋านักเรียนทรงแบนแล้วเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดหน้าบ้านไปเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ ดวงหน้าหวานแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจ ถึงจะอยู่ในชุดนักเรียนของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแต่ก็ไม่ได้ทำให้หล่อนสำรวมสักนิด
การกลับมาของพี่ชายเพียงคนเดียวทำให้คนที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนมีความสุขเป็นอย่างมาก ปริณดา ต้นตระการหรือปลายปี สนิทกับพี่ชายอย่างต้นเดือน ต้นตระการ แต่เมื่อพี่ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศก็ไม่ค่อยได้ติดต่อ
พอทราบว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านจึงมีความสุขเป็นพิเศษ...
ความจริงต้นเดือนกลับบ้านมาได้หนึ่งสัปดาห์จนหล่อนหายตื่นเต้น แต่ที่ทำให้หญิงสาวยังคงแย้มยิ้มยามเข้าไปทักพี่ชายคือเรื่องอื่นต่างหาก
“พี่ต้น!!” ตะโกนตั้งแต่อยู่ด้านหน้าจนพี่ชายซึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ห้องรับแขกถึงกับสะดุ้ง เงยหน้ามองสาวน้อยในชุดนักเรียนวิ่งเข้ามานั่งเคียงข้าง กอดแขนคนที่นั่งอ่านสรุปรายงานเพื่อเข้าไปประจำตำแหน่งพนักงานของแผนกการตลาดในวันพรุ่งนี้
ครอบครัวของพวกเขาทำกิจการโรงแรม ซึ่งขยายสาขากว่ายี่สิบแห่งทั่วประเทศ ทั้งยังคิดจะร่วมทุนกับต่างชาติเปิดโรงแรมอยู่ต่างประเทศ และมีแนวโน้มจะสร้างโฮสเทลราคาถูกแต่คุณภาพดี เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกชนชั้น
“เรียกซะเสียงดัง มีอะไร” ปิดโน้ตบุ๊กเพื่อให้ความสนใจสาวน้อยผมเปีย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี น้องสาวคนนี้ก็ยังคงสดใสน่ารักเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พี่ชายอย่างตนเอ็นดูปริณดาได้อย่างไร
หากเธออยากได้ดาวหรือเดือนเขาก็จะพยายามหามาให้...
“เพื่อนพี่ที่ชื่อฌาร์มหล่อดี” เมื่อวานมีเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาเยี่ยมถึงบ้าน พวกเขาเพิ่งรู้จักกันแต่กลายเป็นเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว พูดคุยถูกคอจนเลือกจะเช่าห้องอยู่ด้วยกันจนเรียนจบปริญญาตรี
ความจริงคิดจะแนะนำให้รู้จักกับครอบครัวตนมานานแล้วแต่ก็คลาดกันทุกที
ฌาร์ม เวล ประมุขการณ์ หนุ่มลูกครึ่งไทย จีนและเยอรมัน เป็นส่วนผสมของแต่ละชาติอย่างลงตัว หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งเป็นที่หมายปองของสาวเอเชียที่ศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเดียวกัน
จึงไม่แปลกใจหากน้องสาวเพียงคนเดียวของตนจะสนใจอีกฝ่าย
เขาพร้อมสนับสนุนเต็มที่เพราะนิสัยใจคอของฌาร์มไม่ใช่คนเลวร้าย ทั้งยังไม่เจ้าชู้หรือคบหญิงไปเรื่อย ถ้าได้มาเป็นน้องเขยก็คงจะดี
“ฮั่นแหน่ ชอบเพื่อนพี่ล่ะสิ...เสียใจด้วยนะเราไม่ใช่ไทป์ที่มันชอบหรอก คนที่ไอ้ฌาร์มชอบต้องมีความเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ฉลาด อย่าขอให้พี่เป็นพ่อสื่อเลย ลงท้ายก็ไม่สำเร็จหรอก” โบกมือปฏิเสธทันที คนแสนงอนจึงรีบปล่อยแขนพี่ชายแล้วยกขึ้นกอดอก เชิดหน้าขึ้นค่อยผินไปทางอื่น
“ดักทางกันเลยนะ ปลายก็ไม่ได้บอกว่าชอบสักหน่อย” ไม่ยอมรับความจริงที่พี่ชายผู้รู้ทันมองเห็นชัดเจน
ไม่ชอบแต่พอถึงบ้านก็ถามถึงเพื่อนของเขาทันที...
ทว่าต้นเดือนไม่อยากเท้าความมากนัก ยังมีเรื่องสำคัญที่มารดาฝากให้ถามเพราะเจ้าตัวดูจะบ่ายเบี่ยง ทั้งที่เคยตอบรับว่าจะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศแล้วแท้ๆ
เหตุใดจึงกลับคำได้ล่ะ
“แล้วเรื่องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่นิวซีแลนด์ว่ายังไง หม่าม้าให้มาถามบ่อยแล้วนะ”
“ไม่ไปหรอก” ตอบเสียงฉะฉานอย่างคนที่ไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี
ตอนแรกเธอก็คิดจะไปเรียนต่อต่างประเทศตามแผนที่ครอบครัววางไว้ แต่เมื่อได้เจอกับเพื่อนของพี่ชายก็เปลี่ยนใจทันที หัวใจของหล่อนสยบแทบเท้าเขาจนไม่อยากไปไหนไกล มหาวิทยาลัยในประเทศก็ดีเหมือนกันนั่นแหละ
“อานิวอยากให้เราไปน่ะสิ เขาดูมหา’ลัยไว้ให้แล้วด้วย” เอ่ยถึงญาติฝ่ายพ่อที่รักหลานสาวคนนี้มาก ท่านแต่งงานและย้ายไปอยู่นิวซีแลนด์ พอรู้ว่าปริณดาอยากมาเรียนที่นี่ก็เป็นตัวตั้งตัวตีจัดการทุกอย่าง ทว่าหลานกลับเปลี่ยนใจกลางคันซะอย่างนั้น
“ปลายอยากเรียนที่นี่ จะเรียนที่ไทย!” บอกเจตนารมณ์ชัดเจนแล้วเดินขึ้นบนห้อง ปล่อยให้ต้นเดือนมองตามพลางส่ายหน้าระอา
แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะ...
เช้าวันหยุดที่บุพการีออกไปข้างนอก เหลือเพียงตนกับพี่ชายเฝ้าบ้านสองคน ร่างบางเคร่งเครียดกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไล่อ่านหนังสือจนรู้สึกเบลอถึงได้มาเดินเล่นอยู่สวนดอกไม้ของมารดา เลือกเด็ดดอกลิลลี่สีขาวเพื่อนำไปประดับแจกันในห้องนอนของตน
ปริณดาอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ผมยาวมัดเป็นหางม้าดูน่ารักสมวัยเมื่อไม่มีเครื่องสำอางบนใบหน้า ทาเพียงแค่กันแดดและรองพื้น ไม่ลืมเพิ่มสีสันให้ปากอวบอิ่มน่ามอง
เลือกดอกไม้เรียบร้อยก็เดินเข้าทางหน้าบ้าน แต่ไม่นึกว่าจะโชคดีเจอกับชายในฝัน หล่อนไม่รักษาท่าทีรีบวิ่งเข้าไปทักร่างสูงพร้อมรอยยิ้มกว้างแห่งความสุข
“พี่ฌาร์มคะ!” ทักเสียงดังจนเจ้าของชื่อหันมามอง เขาจำน้องสาวของเพื่อนสนิทได้จึงยิ้มตอบตามมารยาท
แต่ท่าทีก๋ากั่นของเธอทำให้ไม่ค่อยอยากคุยด้วยหรือสนิทกับอีกฝ่ายเท่าไหร่ พอจะมองออกว่าหญิงสาวที่อยู่ชั้นมัธยมซึ่งกำลังจะเลื่อนชั้นเป็นระดับอุดมศึกษาคิดอย่างไรกับตน จึงต้องขีดเส้นกั้นความสัมพันธ์ ให้หล่อนเป็นเพียงน้องสาวของเพื่อน
“ดอกไม้ค่ะ พอดีช่วงนี้ดอกไม้ขึ้นเยอะเลยตัดไปใส่แจกัน...ปลายเห็นว่าสวยดีเลยแบ่งมาให้พี่ฌาร์ม” ยื่นดอกลิลลี่ให้เขาหนึ่งดอก แต่ร่างสูงรีบถอยห่างอย่างมีมารยาท เอ่ยปฏิเสธหล่อนอย่างนิ่มนวลพร้อมบอกความจริง
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร ผมแพ้เกสรดอกไม้”
“โอ๊ะ ปลายขอโทษค่ะ ปลายไม่รู้” ปริณดารีบซ่อนดอกไม้ไว้ข้างหลังแล้วเอ่ยขอโทษพร้อมค้อมศีรษะ รู้สึกผิดที่เกือบทำให้อาการของชายหนุ่มกำเริบ
“ไม่เป็นไรครับ”
เธออยากชวนเขาคุยมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนพี่ชายอย่างต้นเดือนจะมาขัดจังหวะพอดี เอ่ยทักแขกสุดหล่อเสียงดังจนสายตาสองคู่หันไปมองพร้อมกัน
“ไอ้ฌาร์ม มานานแล้วเหรอวะ”
“เออ สักพักแล้วล่ะ จะไปกันได้หรือยัง”
“ไปสิ” ต้นเดือนโบกมือลาน้องสาวแล้วขึ้นนั่งบนรถหรูประจำที่ข้างคนขับ ไม่รู้ว่านัดจะไปไหนกัน พี่ชายของหล่อนไม่เห็นบอกอะไรสักอย่างเลย คิดแล้วน่าน้อยใจ
อยากไปด้วย...
“เฮ้อ...ไม่ได้บอกอีกจนได้” ก้มมองดอกลิลลี่แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ อยากบอกความในใจให้เขาได้ทราบว่าตนคิดอย่างไร
แต่ก็ยังไม่ได้บอกสักที คงต้องหาโอกาสเหมาะๆ แล้วล่ะ
หรือบางทีวันนั้นอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาระหว่างที่ปริณดากำลังรดน้ำต้นไม้ตอนเช้า ก็มีแขกของต้นเดือนแวะเข้ามาหาโดยไม่บอกกล่าว เพียงแค่เห็นรถก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร คุณหนูของบ้านต้นตระการจึงรีบปิดน้ำแล้วเดินเข้ามาหาเขา
เสียดายที่ชุดของหล่อนเป็นเอี๊ยมตัวเก่าเพราะใส่สบาย จึงดูเหมือนเด็กกะโปโลไปหน่อย แต่คิดว่าบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบน่าจะเป็นใจให้เผยความรู้สึก
“สวัสดีค่ะพี่ฌาร์ม มาหาพี่ต้นเหรอคะ” วิ่งเข้ามาทักเขาทันทีพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ร่างสูงก็ถอยห่างเว้นระยะเอาไว้ชัดเจน
“ครับ”
“พี่ต้นยังไม่ตื่นเลยค่ะ พี่ฌาร์มมาเร็วเกินไป รายนั้นกว่าจะตื่นก็เที่ยงนู้นแหละ” ช่วงนี้ทำงานหนักเพราะเป็นน้องใหม่ พอมีวันหยุดจึงใช้เวลานอนให้คุ้มค่า ทั้งยังกำชับว่าไม่ให้ใครมากวนอีกต่างหาก หล่อนจึงไม่กล้าเข้าไปปลุกพี่ชายที่กำลังฝันหวาน
ฌาร์มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะมาเสียเที่ยว เขาทำเพียงฝากหญิงตรงหน้าบอกเพื่อนโดยไม่ได้ระบุว่ามาด้วยสาเหตุอะไร
“งั้นฝากบอกต้นด้วยว่าผมมาหา” หันหลังเตรียมขึ้นรถ จนคนที่หวังอยู่ด้วยนานกว่านี้ต้องรีบคว้าแขนหนาเอาไว้
เป็นครั้งแรกที่เธอได้แตะตัวเขา...
“อ่ะ พี่ฌาร์มจะกลับแล้วเหรอคะ” ดวงตาคมปรายตามองมือหล่อน แล้วค่อยจ้องดวงหน้าหวานเหมือนเป็นคำสั่งให้ปล่อย เธอจึงรีบผละออกแล้วยิ้มแหยะเป็นการขอโทษ
“ครับ” เหมือนจะรั้งเอาไว้ไม่สำเร็จ จึงรีบใช้พี่ชายเป็นข้ออ้างทันที อย่างน้อยให้เขากินข้าวเช้าด้วยจะได้นั่งมองใบหน้าหล่อนานกว่านี้สักหน่อย
ผู้ชายอะไรโดนใจไปหมด...
“ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ เดี๋ยวปลายไปปลุกพี่ต้นให้เองค่ะ” ขันอาสาด้วยเสียงสดใส แต่ก็ถูกเขารั้งเอาไว้ด้วยการปฏิเสธ พร้อมบอกธุระที่ทำให้ต้องมาบ้านต้นตระการแต่เช้าตรู่
“ไม่ต้องหรอก ผมแค่จะแวะเอาของมาให้”
“ของ...อะไรคะ ฝากปลายได้นะ” กระตือรือร้นทันที มองมือที่ว่างเปล่าของชายหนุ่มก็นึกอยากรู้ จนกระทั่งเขาเปิดประตูรถแล้วหยิบซองสีชมพูยื่นมาตรงหน้าหล่อน พร้อมคำพูดที่เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจดวงน้อยจนแตกเป็นเสี่ยง
“การ์ดแต่งงานของผม ฝากให้ต้นหน่อยนะ”
“แต่งงาน พี่ฌาร์มจะแต่งงานเหรอคะ” ยื่นมืออันสั่นเทาออกไปรับ พยายามถามโดยบังคับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด แต่มันก็ยากเหลือเกิน
“ครับ”
“ยิน ยินดีด้วยนะคะ” ยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาเขาพอจะมองออก ชายหนุ่มจึงไม่พูดอะไรมากนอกจากค้อมศีรษะแล้วกล่าวคำขอบคุณ
“ขอบคุณครับ ผมไปก่อนนะ”
“ค่ะ” เธอโบกมือลาเขาด้วยรอยยิ้ม มองตามท้ายรถที่แล่นออกจากบ้าน น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลอาบแก้มทันที พร้อมกับมือที่ถือการ์ดแต่งงานของเขาเอาไว้แน่น
มีแฟนตอนไหน ทำไมเธอไม่รู้เลย...
ประตูห้องนอนของต้นเดือนถูกเคาะหลายครั้ง คนที่กำลังหลับสบายค่อนข้างหงุดหงิดแต่ก็ลุกมาเปิดเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ บรรดาแม่บ้านคงไม่กล้ารบกวนเขาหรอก มีเพียงคนเดียวนั่นแหละ...
ปริณดาน้องสาวสุดที่รักอย่างไรล่ะ
“ปลาย! เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” คิดว่าเปิดประตูแล้วจะสั่งสอนสักหน่อย แต่เมื่อเห็นน้ำตาเปื้อนใบหน้าหวานก็ตกใจจนต้องคว้าร่างบางมากอดเอาไว้ ไม่เคยเห็นน้องร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อนจนลนลานทำอะไรไม่ถูก
“พี่ พี่ฌาร์มฝากการ์ดแต่งงานของเขาให้พี่” ยื่นซองสีชมพูไปตรงหน้าพี่ชาย
“แต่งงานเหรอ” ขมวดคิ้วมุ่นยามมองการ์ดของเพื่อนสนิท เขารู้เรื่องที่ฌาร์มมีแฟนแต่ไม่คิดว่าจะเข้าพิธีวิวาห์เร็วขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ
“พี่ต้น...ปลายอยากไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์” บอกเสียงสั่นด้วยแววตาแน่วแน่
ความรักที่มีให้ฌาร์มมันมากจนไม่อาจทนเดินเข้างานแต่งของเขาเพื่อร่วมยินดีได้ ทางเดียวคือต้องหนีจากประเทศไทยให้เร็วที่สุด
สอบครั้งสุดท้ายคือเดือนหน้า...
บางทีอาจจะไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนสนิทของพี่ชายคนนี้แล้ว
การได้กลับมาเจอกันอีกครั้งของเราสร้างความดีใจแก่หล่อน แต่ดูเหมือนฌาร์มคงจะจำเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นที่เติบใหญ่กลายเป็นนางสาวคนนี้ไม่ได้
แต่เธอยังจำพี่ชายที่แบ่งไอศกรีมให้ในวันที่ตนทำมันตกท่อได้ไม่ลืม รักแรกของเธอ...