บท
ตั้งค่า

CHAPTER 3

ธนาเริ่มหงุดหงิดเมื่อพบว่าการต่อรองกับเธอยากกว่าที่คิด เขานึกว่าเธอจะรีบรับปากทันทีที่เขาเอาเงินมาล่อ แต่ก็ไม่ง่ายแบบนั้น ชายหนุ่มพยายามเก็บสีหน้า เปลี่ยนการต่อรองธุรกิจจากใช้เงินเข้าล่อเป็นเรียกร้องความเห็นใจ

“น้องสาวผมเป็นพวกนิสัยเสีย ตั้งแต่พ่อแม่ตาย ผมก็ไม่กล้าขัดใจ”

เขาบอกตัวเองให้ใจเย็น เพื่ออธิบายความจำเป็นของเขาให้ผู้หญิงตรงหน้าฟัง

“ณิชารีย์ค่อนข้างเอาแต่ใจ ไม่เห็นหัวใคร ยิ่งรู้ว่าคู่หมั้นเป็นแบบนี้ไม่มีทางกลับมาหรอก คุณช่วยทำกายภาพ ดูแลให้ผู้ชายคนนั้นหายดี ถือว่าเป็นงานที่ดีและได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วยซ้ำ หลังจากเขาหายดี ผมจะให้น้องสาวของผมบอกเลิกกับหมอนั่นทันที อย่างน้อยฝ่ายนั้นจะได้ไม่คิดว่าพวกเราทิ้งเขาในวันที่เจ็บป่วย”

เขาพูดเหมือนง่ายเสียเหลือเกิน

“แล้วทำไมคุณไม่บอกครอบครัวนั้นไปตามตรงเลยล่ะคะ?”

คนเรื่องเยอะยังคงไม่ยอมรับปากง่าย ๆ จนธนาต้องบังคับตัวเองไม่ให้กลอกตามองบนเพราะความรำคาญ ปกติเขาไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก แต่เพราะเธอเป็นประโยชน์ต่อเขา เขาจึงพยายามใจเย็นกับเธอเป็นพิเศษ

“ตอนที่ธุรกิจครอบครัวผมมีปัญหา ครอบครัวนั้นช่วยเหลือไว้มาก การทิ้งอีกฝ่ายทั้งที่ยังพิการแบบนี้มันดูไร้น้ำใจกันเกินไป”

ขวัญจิราเหลือบตามองเขา ในใจอดนึกทึ่งไม่ได้ เขากำลังจะให้เธอไปหลอกลวงครอบครัวอีกฝ่ายแท้ ๆ กลับพูดถึงเรื่องน้ำใจหรือมนุษยธรรมอะไรพวกนั้นได้ออกมาหน้าตาเฉย

ธนามองสบตาเธอ เขาว่าเขามองไม่ผิด เขาเห็นสายตาเหมือนดูหมิ่นกันในแววตาของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องคิดก็คือเรื่องของแม่คุณไม่ใช่เหรอ?” เมื่อใช้การเกลี้ยกล่อมเธอไม่สำเร็จ เสียงของเขาก็เริ่มแข็งขึ้น พยายามจะตอกย้ำให้เธอคิดถึงความจำเป็นของตัวเองให้มาก

คราวนี้ขวัญจิราเงียบไปเลยทีเดียว ที่เขาพูดมานั้นก็ถูกทั้งหมด น้ำหน้าอย่างเธอจะมาคิดเรื่องมนุษยธรรมอะไรตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอต้องคิดก็คือแม่ผู้กำลังเจ็บป่วยที่ทนลำบากเลี้ยงดูเธอมาจนถึงวันนี้

“แล้วถ้าเกิดสมมุติว่าฉันตั้งใจดูแลเขาอย่างเต็มที่แล้ว เขาก็ยังไม่สามารถกลับมาเดินได้ล่ะคะ”

“ผมให้เวลาคุณแค่หกเดือน อยู่ดูแลเขาที่นั่น ถ้าภายในหกเดือนเขายังไม่ดีขึ้นคุณก็กลับมาได้เลย ผมจะแก้ปัญหาต่อไปเอง”

หากคิดตามความเป็นจริง การที่เขาให้น้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองไปดูแลคนป่วยกึ่งพิการถึงหกเดือน ธนาคิดว่านั่นก็ดูใจกว้างมากพอ ถ้าหากคู่หมั้นของน้องสาวยังคงอาการไม่ดีขึ้นก็ต้องแล้วแต่บุญกรรม

เธอคิดไตร่ตรองสักครู่ก่อนจะถามออกไป

“คนที่เป็นคู่หมั้นน้องสาวคุณนิสัยเป็นแบบไหนคะ” แม้ในใจจะอยากรับข้อเสนอเขาแค่ไหน แต่ปลายเสียงยังมีแววลังเลอย่างปิดไม่มิด

ธนาลอบยิ้มเมื่อในที่สุดปลาก็งับเหยื่อ หลังจากที่เขาเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว

แม้ข้อเสนอของธนาจะน่าสนใจเพียงใด แต่ขวัญจิราไม่ได้ตอบรับข้อตกลงในทันที เนื่องจากงานที่เขาให้ไปทำนั้นแม้เขาจะพูดเต็มปากเต็มคำว่าไม่ได้เสียหายอะไร แต่มันก็เป็นการโกหกหลอกลวงคนอื่น แม้ตัวเธอจะไม่เคยคิดว่าตัวเองดีวิเศษวิโสมาจากไหน แต่เรื่องหลอกลวงเสี่ยงต่อคุกตะรางแบบนั้นเธอไม่เคยทำ เธอขอเวลาเพื่อทบทวนข้อเสนอของเขา ซึ่งธนาก็ตกลงตามนั้น ก่อนจากกันเขายังไม่ลืมบอกอย่างใจดีว่าหากเธอต้องการข้อเสนอในเรื่องไหนเพิ่ม สามารถบอกกับเขาได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ปล่อยให้เธอคิด เขาก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตของหญิงสาวเสียทีเดียว ธนายังคงแวะเวียนมาผับที่ขวัญจิราทำงาน เพื่อนของเธอที่เป็นพนักงานเสิร์ฟเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นเพื่อนกับเจ้านายและแวะเวียนมาที่นี่ประจำในฐานะแขกวีไอพีอยู่แล้ว แต่น่าแปลกที่ก่อนหน้านั้นขวัญจิรากลับไม่เคยสังเกตเลย

“คิดเรื่องข้อเสนอบ้างหรือยัง” ธนากระซิบถามหญิงสาวเมื่อเธอนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ

“ทำไมคุณใจร้อน ไหนบอกว่าให้เวลาคิด” ขวัญจิราท้วงขึ้นเมื่อชายหนุ่มมักจะทำแบบนี้เสมอคือถ้าเจอเธอที่ผับก็เอาแต่ถามเรื่องข้อตกลง แม้เขาจะเป็นคนบอกเองว่าให้เวลาเธอคิดก็ตาม

“ก็พี่ใจร้อน” เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมา ธนาเรียกแทนตัวเองว่าพี่อย่างไม่ขัดเขิน เนื่องจากเขาบอกกับเธอว่าขวัญจิราอายุพอ ๆ กับน้องสาวของเขา และการเรียกว่าคุณนั้นดูห่างเหินและเป็นทางการเกินไป

แต่ขวัญจิรารู้จักธนาได้ไม่นานและเขายังเป็นเพื่อนกับเจ้านาย จะให้เรียกเขาว่าพี่อย่างสนิทสนมนั้นเธอไม่สามารถทำได้ จึงเรียกเขาว่าคุณ แม้เขาจะแทนตัวเองอย่างไรก็ตาม

“เลิกดึกนะเนี่ย” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นเธอไม่ตอบ สังเกตว่าวันนี้เธอเลิกดึกกว่าปกติ

“วันนี้เพื่อนที่เปลี่ยนผลัดยังมาไม่ถึง เลยจะอยู่รอให้เพื่อนมาเปลี่ยนก่อนค่อยกลับ” ขวัญจิราอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง นึกโล่งใจที่เขายอมเปลี่ยนเรื่องไม่เร่งรัดเอาคำตอบจากเธออีก

“ทำแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวพี่จะไปบอกไอ้ชยุตว่าทำไมพนักงานถึงเอาเปรียบเพื่อนแบบนี้”

ขวัญจิรารีบวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะแล้วดึงมือเขาไว้เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ

“อย่านะคะ เพื่อนไม่ได้มาสายบ่อย มีแค่วันนี้แหละ”

“แน่นะ”

“แน่ค่ะ คุณนั่งลงเถอะ อย่าพูดเสียงดัง โต๊ะอื่นหันมามองกันหมดแล้ว” เธอบอกเขาเสียงเข้ม เพราะไม่ต้องการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่

ธนาเหลือบมองมือเรียวของเธอที่จับแขนเขาไว้ ทั้งที่เขาไม่ชอบให้ใครมาขึ้นเสียงใส่ โดยเฉพาะผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเธอขึ้นเสียงราวกับแมวตัวน้อยกำลังขู่ เขากลับต้องบังคับมุมปากตัวเองไม่ให้เผลอยกยิ้ม แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้สนทนากันต่อ ผู้หญิงร่างผอมสวมเสื้อสายเดี่ยว กางเกงยีนขาสั้นก็วิ่งเข้ามาในร้าน

“ขอโทษนะขวัญ พอดีรถติดมาก เราให้แฟนรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์พามาเลย” คนพูดบอกพร้อมกับหายใจหอบเพราะวิ่งเข้ามา พูดเร็ว ๆ โดยไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเพื่อนอยู่กับใคร

ขวัญจิราปล่อยมือจากแขนของชายหนุ่ม ขณะหันไปพูดกับคนมาใหม่ ทำให้ธนาต้องแอบถอนหายใจ ไม่รู้เป็นความเสียดายหรือความรู้สึกอะไรกันแน่ที่ยังคงอยู่ แม้ความอบอุ่นจากมือเล็กหายไป แต่เขาก็หันไปตั้งใจฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่

“ไม่เป็นไร เราเข้าใจ ตัวมาแล้วงั้นเราไปเก็บของกลับบ้านก่อนนะ” ขวัญจิราพยักหน้าให้ บอกอีกฝ่ายอย่างไม่ถือสา

แม้ในความเป็นจริง เพื่อนสาวคนนี้ของเธอจะไม่ได้เพิ่งสายแค่วันนี้วันเดียวอย่างที่บอกชายหนุ่มไป แต่ชีวิตเธอมีเรื่องให้คิด มีเรื่องให้ทำ มีเรื่องให้เครียดมากมาย การถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เธอจึงไม่อยากเก็บเอามาเป็นปัญหาเพิ่ม

ขวัญจิราเปลี่ยนชุดเครื่องแบบเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงยีนของเธอ ขณะที่เดินออกจากห้องพักพนักงาน เธอก็โบกมือลาเพื่อน ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel