CHAPTER 2
วัยรุ่นร่างผอมแห้งและมีมีดปลายแหลมอยู่ในมือหันมามอง
“ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่าเสือกเรื่องชาวบ้าน” หนึ่งในนั้นตะโกนตอบ และชี้ปลายมีดมาที่เขา พวกมันทั้งคู่มาสอดส่องที่บ้านหลังนี้หลายครั้ง มั่นใจว่าบ้านหลังนี้มีแค่หญิงชราและลูกสาวอีกหนึ่งคน เจ้าหมอนี่แต่งตัวดี ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน ดังนั้นมันจึงมั่นใจว่าเขาต้องไม่ใช่คนแถวนี้ คงเป็นพลเมืองดีที่เสือกมายุ่งไม่เข้าเรื่อง
“เมื่อกี้กูโทรหาตำรวจแล้ว” ธนายังคงพูดกับพวกมันอย่างใจเย็น
“เสือกไม่เข้าเรื่อง”
วัยรุ่นร่างผอมคนหนึ่ง ปล่อยมือจากแขนหญิงชราแล้วพุ่งเข้าหาเขา แต่ธนาไวกว่า ใช้เท้าถีบไปที่ท้องจนอีกฝ่ายล้มไม่เป็นท่า เมื่อมันเงยหน้าขึ้น ก็ถูกเขาเตะซ้ำไปที่ปลายคางอีกครั้ง เจ้าหนุ่มร่างผอมอีกคนเห็นเพื่อนสู้ไม่ไหว จึงปล่อยมือจากหญิงชรา พุ่งเข้าหาชายหนุ่มบ้าง แต่ธนาเหวี่ยงเท้าอย่างรวดเร็วถีบยอดอกทีเดียวมันก็ลงไปกองกับพื้นไม่ต่างกัน
เมื่อเกิดเหตุต่อยตีเสียงดังวุ่นวาย ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงวิ่งมาดู มีคนหนึ่งตะโกนว่าตำรวจมา หนุ่มวัยรุ่นร่างผอมสองคนจึงรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไป สาวร่างเล็กคนหนึ่งแหวกฝูงชนเข้ามาด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้คนมากมายมุงอยู่หน้าบ้านของเธอ
“แม่…นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ขวัญจิราวิ่งเข้าไปกอดแม่ เมื่อเหตุการณ์สงบพลเมืองดีก็แยกย้ายกัน เหลือเพียงชายหนุ่มคนที่เข้ามาช่วยไว้ ตอนแรกขวัญจิราจำเขาไม่ได้ แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า เขาคือผู้ชายที่ตามเธอไปที่ป้ายรถเมล์วันนั้น
“ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่ม” หญิงชราบอกหลังจากคลายอาการตกอกตกใจลง หลังจากนั้นก็เชิญเขาเข้าไปดื่มน้ำในบ้าน บ้านหลังนี้ไม่มีโซฟา เจ้าของบ้านนั่งพับเพียบกับพื้นเสื่อ ธนาจึงทำตาม
“ขอบคุณอีกครั้งนะพ่อหนุ่ม” เธอบอกอีกครั้ง ในขณะที่ขวัญจิราซึ่งวางแก้วน้ำเย็นตรงหน้าเขาเสร็จจึงกลับมานั่งพับเพียบข้างแม่ตัวเอง ขณะสายตาก็พิจารณาคนตรงหน้าไปด้วย
“ว่าแต่ ป้าไม่คุ้นหน้าคุณเลย น่าจะไม่ใช่คนแถวนี้”
อิ่มอุ่น แม่ของขวัญจิราถามด้วยความแปลกใจ เนื่องจากการแต่งตัวของชายหนุ่มช่างขัดกับชุมชนแออัดอย่างนี้ ขวัญจิราเองก็เหลือบมองคนที่ถูกแม่ถาม อยากรู้สาเหตุที่เขามาอยู่แถวนี้เช่นกัน
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น สบตาคนที่มองเขาอยู่ก่อน ธนามองออกว่าแววตาของเธอแฝงแววหวาดระแวงอยู่ในนั้น แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“คุณจำผมได้หรือเปล่า”
หากจะตอบว่าจำไม่ได้ ก็คงเป็นการโกหก เพราะเธอเองก็เพิ่งเจอเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง แต่ขวัญจิรายังคงไม่ตอบคำถามเขา เพราะความรู้สึกส่วนลึกบอกเธอว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เจอกันเพียงครั้งเดียวเขาก็สามารถตามเธอมาถึงบ้านได้ ทำให้ความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจเขายิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
“อ้าว แล้วนี่รู้จักกับยัยขวัญ ลูกสาวน้าเหรอจ๊ะ” อิ่มอุ่นถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนกับเจ้านายของขวัญจิรา” ธนาเลือกตอบในส่วนที่เป็นความจริง
“ผมมาหาขวัญจิราเพราะมีธุระสำคัญจะคุยด้วยครับ”
หลังจากพูดคุยและขอบคุณธนา อิ่มอุ่นขอนอนพักผ่อนแต่หัววัน เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นยังคงทำให้ตกใจ และทำให้เธอรู้สึกเพลียมากกว่าปกติ อิ่มอุ่นปล่อยให้ลูกสาวพูดคุยธุระกับชายหนุ่มผู้มีพระคุณ เมื่อเขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้านาย และมีธุระจะคุยกับขวัญจิราจึงตามมาถึงบ้าน
ขวัญจิราตัดสินใจพาเขาออกไปนั่งคุยกันบริเวณร้านกาแฟโบราณหน้าปากซอย โดยก่อนออกจากบ้านก็ไม่ลืมที่จะล็อกรั้วประตูไม้ให้เรียบร้อย พลางคิดในใจว่าเธอคงต้องเก็บเงินสักก้อนเพื่อซ่อมแซมรั้วให้แข็งแรงและมิดชิดกว่านี้
ขณะที่ธนาเดินตามหลังเธอผ่านชุมชนแออัด เขาต้องคอยจับคอเสื้อยืดสีขาวของตัวเองเพื่อระบายความร้อน เสื้อด้านหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมามากกว่าปกติ ขาก็ต้องคอยหลบพ่อค้าแม่ค้าที่เดินสวนกันในตรอกแคบ ๆ ขณะมองตามหลังคนตัวบางที่สาวเท้าเร็ว ๆ อยู่ข้างหน้า เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่ร้อนบ้างหรือไร ทั้งแดดจ้าและแออัดขนาดนี้
ขวัญจิราเดินนำหน้าเขาลัดเลาะไปตามตรอกซอยเล็ก ๆ ของถนนอย่างคุ้นชินจนกระทั่งนำชายหนุ่มออกมาหน้าปากซอยที่มองเห็นถนนเส้นหลัก ร้านกาแฟที่เธอพาเขามาตั้งอยู่ข้างถนน เป็นร้านเล็ก ๆ ทำจากไม้ผุ ๆ แม้จะดูเก่าและทรุดโทรม แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยต่อแถวรอซื้อ
“ลุง โอเลี้ยงสองแก้วจ้า” ขวัญจิราตะโกนบอกคนขาย แล้วเดินนำชายหนุ่มไปนั่งที่เก้าอี้กลมตัวเล็กโดยไม่ถามคนที่เดินตามหลังมาด้วยซ้ำว่าเขาต้องการเครื่องดื่มอะไร แต่ธนาก็ไม่ได้ปริปากบ่น เขาเพียงเดินเงียบ ๆ ไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม
ทั้งสองคนยังคงไม่พูดอะไรกัน ราวกับกำลังประเมินอีกฝ่าย เมื่อเวลาผ่านไปหลายนาที คนใจร้อนอย่างธนาก็อดใจไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายปริปากพูดกับเธอก่อน
“คุณคงแปลกใจที่ผมมาหาถึงบ้าน”
เขาตัดสินใจเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งสบตากลมโตของเธอที่มองมาด้วยความสงสัยปะปนกับความหวาดระแวง
“ผมขอพูดตามตรง ใบหน้าของคุณคล้ายน้องสาวแท้ ๆ ของผมมาก”
ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไว้ใจได้ อาจเพราะดวงตาใสซื่อของเธอ ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าต่างจากน้องสาวของเขามากทีเดียว ธนาตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังอย่างตรงไปตรงมา เขาต้องการให้ขวัญจิราไปที่ไร่ของสายลมเหนือในฐานะคู่หมั้นวัยเด็ก และให้สวมรอยเป็นน้องสาวเขาเพื่อดูแลผู้ชายคนนั้น
“สรุปก็คือคุณต้องการให้ฉันปลอมตัวเป็นน้องสาวคุณ?”
“ใช่ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ เขาถอนหายใจยืดยาวทีเดียว เมื่อพบว่าหญิงสาวตรงหน้าฉลาดและเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าที่คิด เมื่อเขาเล่าให้ฟังจนจบ เธอก็สามารถสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
“ผมจะจ่ายเงินเดือนให้คุณ เดือนละสองแสนบาท และผมจะช่วยดูแลให้แม่คุณได้ฟอกไตโดยเร็วที่สุด” ธนาไม่ปิดบังเรื่องที่เขารู้อาการเจ็บป่วยของแม่อิ่มอุ่น แต่เธอก็ไม่แปลกใจ ถ้าเขาตามเธอมาถึงบ้านได้ ก็แสดงว่าคงไปสืบประวัติเธอมาแล้ว
“แล้วถ้าเขาจับได้ขึ้นมาล่ะ”
ขวัญจิรายังคงลังเลและไม่ไว้ใจคนตรงหน้า แม้ค่าตอบแทนจะสูงมากจนพาเธอพ้นความลำบากที่ผจญอยู่ได้
เงินเดือนหลักแสนแลกกับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งนั่นเป็นงานที่เธอถนัดมากทีเดียว สมัยที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ก่อนตายก็ป่วยเป็นอัมพาตติดเตียง ต้องดูแลทำกายภาพให้พ่อถึงหนึ่งปีเต็ม ๆ จึงเรียนจบช้ากว่าคนอื่น
หากเธอทำงานนี้ แม่ของเธอจะได้ฟอกไต เธอจะมีเงินมากพอที่จะกลับไปเรียนต่อให้จบ และมีเงินเหลือสำหรับการปรับปรุงบ้าน ถ้าไม่ติดเรื่องที่ต้องไปหลอกลวงอีกฝ่าย เธอคงยินดีรับงานนี้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดไตร่ตรองอะไรเลยสักนิด