CHAPTER 8
สามสัปดาห์ต่อมา
ติณภพต้องรีบกลับเมืองไทย เพราะคุณย่าของเขาเสียชีวิตแล้ว เขากลับมาพร้อมกับความโศกเศร้า ทุกคนต่างอาลัยต่อการจากไปของคุณย่าสรวง ศิริวิชา
ในมุมหนึ่งของงาน ราตรีเดินเข้ามาหาติณภพ ก่อนจะสวมกอดเขา
“พี่ติณคะ ราตรีขอแสดงความเสียใจกับพี่ติณด้วยนะคะ ที่คุณย่าจากไป ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้จัดงานแต่งงานของเราเลย”
“ขอบคุณราตรีมากนะครับ” เขามองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว ติณภพรู้ดีว่าราตรีไม่เคยรักเขาเลย ทั้งสองเคยคุยกันแล้วว่า ที่ต้องทำคือหน้าที่
ในแววตาของราตรีเหมือนอยากจะบอกอะไรกับติณภพ เขาเป็นคนจับสังเกตคนเก่ง
“ดูเหมือนราตรีมีเรื่องอื่นที่อยากคุยกับพี่”
“เออ” ราตรีอ้ำอึ้ง
“ราตรีไม่ต้องอ้ำอึ้งหรอก พี่ให้โอกาสราตรีนะ ราตรีต้องพูดความจริงที่มาจากหัวใจของตัวเอง พี่คนนี้พร้อมเข้าใจ”
“ราตรีกลัวพี่ติณจะเสียใจค่ะ”
“พี่จะเสียใจเหรอ” เขาถึงบางอ้อ วันนี้ราตรีโตขึ้น อายุมากขึ้น เธอคงมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย
ติณภพพูดเปิดทาง “ถ้าราตรีจะปฏิเสธพี่ เรื่องที่เราต้องแต่งงานกัน พี่พร้อมรับฟัง การแต่งงานคือการที่เราสองคนต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต พี่ตั้งใจเอาไว้ว่า ถ้าพี่แต่งงานกับราตรีแล้ว พี่จะอยู่เคียงข้างราตรีตลอดไป” เขาส่งสายตาแน่วแน่
หญิงสาวถึงกับน้ำตาไหล “แต่ราตรีรู้ดีว่าราตรีไม่ได้รักพี่ค่ะ”
“นี่แหละคือสิ่งสำคัญ พี่เชื่อว่าพี่ทำได้ แต่พี่ไม่รู้ว่าราตรีจะทำได้หรือเปล่า”
“พี่ติณคะ ราตรีมีคนรักอยู่แล้วค่ะ และราตรีไม่สามารถรักพี่แบบคนรักได้ค่ะ พี่เป็นพี่ชายที่แสนดีเสมอมา” เธอสั่นหน้าระรัว
ติณภพยิ้มให้หญิงสาว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ถ้าอย่างนั้น บอกความต้องการของน้องสาวคนนี้มาเถอะ”
“คือถ้าราตรีเดินไปบอกทุกคนเรื่องการถอนหมั้น ทุกคนคงจะไม่ยอม โดยเฉพาะพ่อแม่ของราตรีค่ะ แต่ถ้าพี่เป็นคนเดินไปบอกพวกท่านว่า พี่ขอถอนหมั้น และพี่ไม่อยากแต่งงานกับราตรี ราตรีเชื่อว่างานเราจะต้องล่มลงไป”
“ได้ พี่จะขอถอนหมั้นกับเธอ”
“ขอบคุณมากนะคะพี่ติณ” ราตรีรู้สึกราวยกภูเขาออกจากอก
“แต่พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายการเรียนต่อของพี่นะคะ ราตรีจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”
“ราตรีไม่ต้องหรอก”
“ราตรีรู้ว่าพี่ลำบากค่ะ ขอให้น้องสาวคนนี้ได้ตอบแทนพี่ชาย ห้าล้านพอไหมคะ”
ติณภพเหมือนโดนตบหน้า แต่เขาก็ต้องกลืนน้ำลาย
“ราตรี…เธออย่าดูถูกพี่”
“ราตรีไม่ได้ดูถูกนะคะ ราตรีแค่อยากตอบแทนพี่ อีกอย่างสินสอดคุณแม่คงไม่คืน”
“พี่รู้ เอาไว้พี่เดือดร้อนจริง ๆ พี่จะขอความช่วยเหลือก็แล้วกัน”
ทว่าราตรีรู้ว่าคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเขา คงไม่มีวันก้มหัว
“ก็ได้ค่ะ”
สำหรับติณภพแล้ว การขอถอนหมั้นกับราตรีเท่ากับการตัดมือตัดขาตัวเอง ตัดขาดจากตระกูลผ่องศรีอำไพ ติณภพรู้ทุกอย่าง หากเขาถอนหมั้นกับราตรีแล้ว ครอบครัวของราตรีก็จะเลิกซัพพอร์ตธุรกิจของเขา ซึ่งมันส่งผลเสียต่อศิริวิชา ผลดีก็คงมีแค่ราตรีคนเดียว
หลังจากงานศพของคุณย่าผ่านไป ไม่นานเขาก็ได้เข้าไปหาครอบครัวผ่องศรีอำไพ
“เข้ามาสิติณ ตั้งแต่คุณย่าเสีย น้าก็ไม่ได้แวะเข้าไปที่บ้านนั้นเลย ทุกคนสบายดีนะ”
“ครับ ทุกคนสบายดีครับ”
“แล้วนั้นเอาอะไรมาเยอะแยะ”
ติณภพรีบวางกระเช้าใบใหญ่ลงบนโต๊ะต่อหน้าคุณระพิน
“ขอบใจมากสำหรับกระเช้า นั่งลงก่อน”
เมื่อชายหนุ่มนั่งลงแล้ว ราตรีก็ตามลงไปนั่งข้างคุณแม่ของเธอ หญิงสาวขยิบตาให้ติณภพ
“คืออย่างนี้ครับคุณน้าระพิน ที่ผมมาวันนี้ ผมอยากจะมาคุยเรื่องของผมและราตรี” เขาพูดในสิ่งที่ตั้งใจ
คุณระพินพูดขึ้น “มันจะเหมาะสมเหรอถ้าเธอจะแต่งงานกันตอนนี้น่ะ เพิ่งผ่านงานศพของคุณย่าสรวงไป”
สองหนุ่มสาวมองหน้ากัน “คุณน้าครับ ที่มาวันนี้ ผมไม่ได้มาคุยเรื่องแต่งงานครับ ผมจะมาคุยเรื่องถอนหมั้น”
“หา! อะไรนะ นี่ติณคิดว่าน้าเป็นคนยังไง ติณกล้ามากนะ ที่มาขอถอนหมั้นน่ะ แล้วน้องไม่ดีตรงไหน การพูดจาแบบนี้ ติณดูถูกครอบครัวของน้ามากเกินไปแล้วนะ” คุณระพินโกรธจนตัวสั่น ดวงตากร้าวมองหน้าติณภพอย่างไม่พอใจ
“เดี๋ยวคะคุณแม่ อย่าว่า...”
คุณระพินตวาดลั่น หันไปมองหน้าลูกสาว
“หรือแกก็เห็นดีเห็นงามด้วยฮะ”
ราตรีจึงต้องหุบปาก
“ฉันแก่จนป่านนี้แล้ว จะต้องให้ใครมาถอนหงอกอีก แล้วมาถอนหงอกฉันถึงบ้าน”
“คุณน้าไม่ต้องกังวลเรื่องสินสอดทองหมั้นที่เราได้มอบให้กันไปแล้ว ในเมื่อเป็นความผิดของผม ผมขอยกสินสอดให้กับครอบครัวผ่องศรีอำไพครับ”
“ติณคิดว่าน้าเห็นแก่สินสอดอย่างนั้นหรือ” โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ราตรี พี่ขอโทษนะ”
ราตรีแสดงละคร เธอแกล้งร้องไห้น้ำตาไหลพราก ๆ
“ดูถูกกันเกินไปแล้ว ไป๊... ออกไป ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก สองตระกูลเราขาดกันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในเมื่อไม่ให้ความเคารพนับถือกันอีกต่อไป ทางเราก็จะไม่ช่วยเหลือครอบครัวของเธออีกแล้ว จำเอาไว้” คุณระพินลุกขึ้น และสะบัดตัวเดินขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ติณ ราตรีขอโทษ” เธอรีบวิ่งตามคุณแม่ไป เพราะเป็นห่วง คุณระพินเป็นโรคหัวใจอยู่
ติณภพเดินคอตก เรื่องมันยุติเสียที แต่เขาคิดว่า นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตที่เขาเคยทำ เขาก็ไม่ได้รักราตรี เขาไม่อยากถูกคลุมถุงชนอยู่แล้วและต้องอยู่ใต้ชายกระโปรงของศรีผ่องอำไพตลอดชีวิต
ติณภพกลับออกมาด้วยหัวใจแห้งเหี่ยว ตอนนี้ในหัวใจของเขากลับคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยอยู่ด้วยกันที่ลอนดอน ถ้าเขารออีกสักนิด เขาก็คงไม่ต้องบอกเลิกรมิตา แต่มันสายเกินไป รมิตาคงโกรธและเกลียดเขาไปแล้ว
นับจากวันนั้น ไม่มีใครกล่าวโทษติณภพ ทุกคนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิต เพราะได้รับมรดกจากคุณย่าสรวงกันหมดแล้ว
เมื่อติณภพจัดการธุระทุกอย่างเสร็จ เขาจึงกลับมาเรียนด็อกเตอร์ให้จบ
ซึ่งเขาได้ออกตามหารมิตา แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนได้ข่าวของเธอเลย เขาได้เจอจาเนส แต่จาเนสก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และไม่ยอมคุยกับติณภพอีก
ติณภพได้แต่เสียใจ เขามันเลวที่ทำกับเธอแบบนั้น แล้วเวลานี้รมิตาเรียนจบไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าจะไปตามหาเธอที่ไหน เพราะเธอปิดเฟสฯ และตัดขาดการติดต่อทุกทาง ติณภพคิดว่ารมิตาก็คงเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหนสักแห่งในโลก
เขาก็คงจะต้องตั้งใจเรียน แล้วกลับไปบริหารงานต่อจากคุณย่าสรวง