บท
ตั้งค่า

2 อาจารย์อนาวิน (2)

“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่ออนาวิน พิชญะสกุล ผมมาสอนแทนอาจารย์คนเก่าชั่วคราวเท่านั้นไม่ได้รับหน้าที่นี้ถาวรเพราะอาชีพหลัก

ผมเป็นผู้บริหาร ดังนั้นการสอนของผมจึงจะสอดแทรกประสบการณ์จริงส่วนเนื้อหาตามตำราเป็นส่วนประกอบที่เลี่ยงไม่ได้เช่นกัน” สายตาคมกล้ากวาดมองรอบๆห้องเรียนกึ่งห้องบรรยายขนาดย่อมเพื่อจดจำใบหน้านักศึกษาให้ได้คร่าวๆและหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของใครบางคนที่กำลังใช้ดวงตาใสๆจ้องมองมาจากโซนที่นั่งตรงกลางห้อง ก่อนจะหันเหสายตากวาดมองให้ถ้วนทั่ว

“อาชีพหลักผมเป็นผู้บริหาร ประโยคนี้ยิ่งเพิ่มความหล่อลากไส้ไปอีกสิบเท่า แต่ที่อยากจะถามก็คือ อยากรู้ว่าอยากได้เมียเป็นนักศึกษาไหมนี่แหละ ยกมือไม่กล้าพอ ขอไลน์ไปถามส่วนตัวได้เปล่าอยากถามจัง” กัสต่อประดยคอย่างดี๊ด๊า พลอยให้คนได้ยินหลุดขำไปตามๆกัน

“อาจารย์เขาคงไม่อยากได้ตุ๊ดมาเป็นเมียหรอกเชื่อฉันเถอะนะกัส ไม่ต้องยกมือหรือขอไลน์หรอกถ้าไม่อยากถูกไล่ตะเพิดหน้าหงายกลับมา” ดาด้าดับฝันของคนเล่นมุขขำขันที่ค้อนประหลับประเหลือกก่อนจะเบนสายตามองอาจารย์หหนุ่มหล่อที่กลายเป็นขวัญใจนักศึกษาไปแล้วแม้จะเข้ามาได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ตาม

“อีเพื่อนบ้าปากมอม”

ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่นั่งฟังอาจารย์คนใหม่ที่เข้ามาก็เริ่มต้นแนะนำตัวเองคร่าวๆให้นักศึกษาได้รู้จักด้วยน้ำเสียงอันทุ้มลึกชวนฟัง จากนั้นก็เริ่มพูดเรื่องการเรียนการสอนโน่นนี่นั่นที่เข้าสมองบ้างไม่เข้าบ้าง ปากเล็กเริ่มอ้าหาวติดๆ ดวงตาฉ่ำหวานปรือปรอยเพราะความง่วงเข้าครอบคลุมแต่ก็ยังฝืนถ่างตาเอาไว้ พลางควานมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายหาลูกอม แกะเปลือกแล้วเอาใส่ปาก รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆช่วยได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น เพื่อนก็ไม่มีใครชวนคุยเพราะต่างตั้งอกตั้งใจฟังเป็นพิเศษ

“งือ ง่วงจังเลย เมื่อคืนไม่น่านอนดึกเลยเรา” โอดครวญเบาๆ กับตนเอง เมื่อไหร่จะยอมปล่อยสักทีคือความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวสมอง พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ดันสบกับประสานสายตาคมๆคู่นั้นเข้าอย่างจัง แล้วอาการหาวก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่เสียด้วย และด้วยความหลงลืมตัวชั่วขณะจึงไม่ได้ยกมือขึ้นมาปิดปากรักษากิริยามารยาทที่ดีต่อหน้าผู้คน พอเห็นมุมปากที่ดูเหมือนว่าจะยกขึ้นนิดๆของอาจารย์ความอายก็ตีตื้นขึ้นมา

“ผมอาจจะพูดจาน่าเบื่อไปหน่อยเลยทำให้มีคนง่วงนอนจนหาวปากกว้างเชียว ถ้าไม่มีอะไรสงสัยวันนี้ผมก็จะพอแค่นี้ก่อนละกัน ไว้เจอกันครั้งหน้าค่อยเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาหลักๆอย่างเป็นทางการ” เขาไม่ได้ชี้เป้าว่าเป็นใครแต่มีคนร้อนตัวเผลอตวัดค้อนมองตาคว่ำให้จนอดที่อมยิ้มเล็กๆไม่ได้ และทำให้คิดว่าการรับหน้าที่นี้ชั่วคราวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

สักเท่าไหร่ออกจะดีเกินคาดไปด้วยซ้ำสำหรับวันแรกที่ได้มาเหยียบย่างที่นี่ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง

“ขายหน้าไหมล่ะเนี่ยจัสมิน หาวแบบนี้ต่อหน้าต่อตาอาจารย์ ปล่อยไก่ออกมาเป็นเล้าๆเลย” เสียงยุ่งๆบ่นพึมพำปนอายที่ถูกจับได้และดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ถูกพาดพิงด้วย และมั่นใจเต็มร้อยว่าในนี้ต้องไม่ใช่แค่เธอแน่ๆที่ง่วง

“ก่อนออกขอผมเช็คชื่อหน่อยนะครับ”

“เรียกเร็วๆนะคะอาจารย์ขา หนูง๊วงง่วง” จัสมินพูดหงุงหงิงปากก็หาวเป็นระยะ คอยเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่จะถึงชื่อของตัวเองด้วยอาการง่วงงุนสาเหตุเป็นเพราะเมื่อคืนท่องเว็บอินเทอร์เน็ตอ่านเรื่องลี้ลับตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ อ่านไปก็กลัวไปแต่มันหยุดความอยากรู้เอาไว้กลางคันไม่ได้ กว่าจะเข้านอนจริงๆจังๆก็ปาไปเกือบตีสองสภาพร่างกายเลยกลายเป็นซอมบี้ชั่วคราวเช่นนี้ ความสดใสชื่นบานที่พกพามาจากบ้านหายวับไปตั้งแต่เสียงของอาจารย์ขับกล่อม

“จัสมิน บัตเตอร์” ไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นจากใบรายชื่อให้แน่ใจว่าไม่มาจริงๆ คนอื่นๆที่ขานชื่อเรียกก็มาครับ มาค่ะ

โดยที่เขาติ๊กถูกพียงอย่างเดียว

“เร็วๆเข้าอย่ามัวทำหน้ามึนอยู่นังสวย วิญญาณออกจากร่างชั่วคราวรึไงเนี่ยจัสมิน” กัสแหวและสะกิดยิกๆ ขัดใจยัยอืดอาดยืดยาดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

“จัสมิน บัตเตอร์ มาไหมครับ จัสมิน”

“คะ หนูเองค่ะจัสมิน” แขนเรียวรีบยกขึ้นสูงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เป่าปากผ่อนลมหายใจเมื่อไม่โดนต่อว่าอะไรให้ถูกหัวเราะเยาะนอกจากสายตาตำหนินิดๆเท่านั้น ก่อนจะปล่อยผ่านขานชื่อคนอื่นต่อ เกือบไปแล้วไหมล่ะจัสมินเอ๊ย!!

“เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยไหมจัสมิน”

“กลับเลยแหละจ้ะดาด้า เย็นนี้จัสมินน้อยๆคนนี้ต้องไปงานกับป๋าแล้วก็มามี๊ไง ไปเที่ยวเล่นด้วยไม่ได้ลืมเหรอจ๊ะเพื่อนจ๋า” ปกติครอบครัวเธอไม่ค่อยชอบออกงานสังคม นานทีปีหนที่ป๋าจะพาตัวเองกับมามี๊ไปโชว์ตัว งานนี้เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยกันดีจัดขึ้นมาเลยยอมตอบรับว่าจะไป

“อย่าให้ป๋ากับมามี๊ขายหน้าล่ะยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย”

“เห็นเพื่อนเป็นคนยังไงเนี่ยกัสโต๊ะ ซุ่มซ่ามที่ไหนไม่มี๊ไม่มีเลย โอ๊ะ!! ขอโทษค่ะ” สิบนิ้วพนมไหว้พร้อมรอยยิ้มแหยๆอย่างเก้อๆ ลิ้สีชมพูแอบแลบออกมาอย่างลืมตัว ยังไม่ทันขาดคำก็แสดงความซุ่มซ่ามที่เพิ่งถูกกล่าวหาให้เพื่อนได้เห็นและหัวเราะเยาะ แถมยังเป็นคนเดียวกับเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วด้วย

“ครั้งที่สองของวันนี้แล้วนะครับจัสมิน” น้ำเสียงเรียบนิ่งกล่าวอย่างยากที่คาดเดาได้ว่าอยู่ในภาวะอารมณ์ไหน พอก้าวขาพ้นออกมานอกประตูห้องเรียนแม่สาวน้อยเริงร่าที่หมุนตัวโต้ตอบกับเพื่อนกะทันหันก็เซถลาเสียการทรงตัวมาชนเขา ดีที่รับไว้ทันไม่งั้นคงได้เจ็บตัวบ้างล่ะ “ทำไมถึงไม่ระวังตัวเลย”

“ขอโทษค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ หนูไม่ได้ตั้งใจชน” บอกเสียงอ่อย พลางทำปากยื่นนิดๆ อ้อมแขนกอดหนังสือเรียนเล่มหนาเอาไว้แน่น

คนมองส่ายหน้าช้าๆและรีบคลายอ้อมแขนออกจากเอวเล็กเมื่อเจ้าตัวยืนตัวตรงได้แล้ว

“นอกจากจะไม่ยอมตั้งใจเรียนแล้วยังซุ่มซ่ามอีก ผมหักคะแนนซะตอนนี้เลยดีไหมฮึ” ใบหน้าจิ้มลิ้มราวตุ๊กตาที่สลดลงในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นงอง้ำ ตาใสๆก็วาวๆ เอาสิเอา ปกตินักศึกษาต้องกลัวเกรงอาจารย์ไม่ใช่เหรอ แต่ดูเหมือนว่าแม่เด็กคนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น ท่าทางอาการของเจ้าหล่อนเหมือนคนงอนเป็นอยู่อย่างเดียว

“วันนี้ยังไม่ได้เรียนจริงๆนะคะ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้หลับจริงๆยังหักคะแนนหนูไม่ได้ค่ะ” แบบนี้ไม่โอเค แค่หาวเองไม่ได้หลับจริงสักหน่อย

หักไม่ได้

“อืม มันก็จริงที่วันนี้ยังไม่เริ่มเรียนแต่ถ้าลองจับประโยคดีๆเมื่อกี้นี้ ผมยังไม่ได้บอกว่าคุณหลับเลยนะครับคุณผู้หญิง” มุมปากหนากระตุกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแล้วออกเดิน ทิ้งให้สาวน้อยแสนงามยืนอ้าปากค้างเติ่งอยู่ที่เดิม

“ว้ายๆ มีร้อนตัวด้วยอ่ะ น่าอายจุง แต่ก็แอบอิจฉาหนักมากที่หล่อนได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของอาจารย์สุดหล่อ ฮึ่ย!! ทำไมไม่เป็นฉันที่

เซถลาเข้าหาอกอาจารย์อนาวินเขานะ”

“อิจฉาอะไรเล่า ไม่เห็นจะน่าอิจฉาตรงไหนเลย” สะบัดค้อนแจกกัสแล้วเดินดุ่มไม่รอใคร พลันแก้มใสก็ขึ้นสีเรื่อเมื่อคิดว่าวันนี้ปล่อยไก่ตัวโตๆไปซะเยอะแยะเลย

“อะไรก็ไม่เท่าจำชื่อของเพื่อนเราซะแม่นเลย ว่าแต่สองรอบที่อาจารย์พูดถึงคืออะไรเหรอจัสมิน” ดาด้าสาวเท้าตามมาพร้อมคำถาม

คาใจติดๆ

“เมื่อก่อนเข้าเรียนก็ดันเดินชนเขาน่ะสิ ไม่รู้ว่าคืออาจารย์ด้วย วันนี้ดวงไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยเนอะ” คนดวงไม่ดียิ้มแหย ลูบแขนตัวเองอย่างเขินๆ

“นั่นไงล่ะ แล้วกล้าบอกว่าตัวเองไม่ซุ่มซ่ามนังชะนีน้อยหอยสังข์”

“อุบัติหตุต่างหากเล่า”

“ย่ะ อุบัติเหตุ!” สองเสียงแข็งขันของกัสและดาด้าที่พร้อมใจพูดคำเดียวกัน คนค้อนวันนี้ก็ค้อนจนเหนื่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel