โมโห
“ชมพูทนอยู่ได้ยังไงตั้งนานครับ”
คราวนี้พีระวิทย์เองเป็นฝ่ายถามขึ้นอย่างห่วงใย เขารู้สึกสงสารเธอเป็นที่สุด
“ชมพูไม่อยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายผิดใจกันค่ะ”
“แกก็อ้างแต่คำนี้ทั้งปี พี่เบื่อแล้วนะชมพู มันถึงเวลาที่แม่เราจะรู้ความจริงเกี่ยวกับไอ้เจ้าลูกเขยนิสัยเสียที่ฉาบหน้าเป็นคนดีอย่างไอ้เสือมันได้แล้ว แกจะไปปกป้องมันทำไมกัน ตั้งแต่แต่งงานกันมามันเคยทำหน้าที่ผัวที่ดีไหมก็เปล่า...อีกอย่างเหตุผลที่มันแต่งงานกับแกก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าเป็นเพราะต้องการจะเอาชนะไอ้พี!! ในเมื่อแกไม่ได้รักคนเลวๆ อย่างมัน แล้วจะแคร์ทำไม!!” ชนกันต์เอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล
“มึงพูดอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกนะเว้ยชน”
พีระวิทย์หันมาสะกิดเพื่อน เพราะรู้สึกว่าถ้อยวลีประโยคต่อมาของชนกันต์จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“กูพูดไม่ถูกตรงไหนวะ”
“ชมพูเป็นผู้หญิงนะ ทำแบบนั้นก็ถูกต้องแล้ว”
“ถูกต้อง? ถูกต้องอะไรกันวะ ถูกต้องโดยยอมเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์ไอ้เสืออยู่ฝ่ายเดียวน่ะเหรอ...มึงน่ะหยุดพูดไปเลยไอ้พี ไม่ต้องแสดงตัวเป็นพระเอกให้มากนัก หัดเป็นตัวโกงบ้างก็ได้ ไอ้เสือมันเล่นบทร้ายแต่ดันเป็นพระเอกในสายตาแม่กู โดยการยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องธุรกิจของครอบครัวที่กำลังจะพังแหล่ไม่พังแหล่ แต่จริงๆ แล้วมันแค่ต้องการชนะคนอย่างมึง และสุดท้ายมันก็เลยชนะมึงนี่ไงวะ ส่วนมึงก็ต้องมานั่งทำหน้าหงอยเพราะอกหักอยู่นี่ไง เป็นไงล่ะบทพระเอกของมึง กูบอกให้พาชมพูหนีตั้งแต่วันแต่งงานเพื่อฉีกหน้าไอ้ชั่วนั่น แต่มึงก็ยังดื้อดึงยืนยันจะเป็นคนน้ำใจประเสริฐอยู่นั่นแหละ...แล้วนี่ตกลงจะเอาไงล่ะชมพู หรือแกยังจะเป็นคนดีต่อ!!”
ประโยคหลังชนกันต์เป็นคนหันมาถามน้องสาวตนเองบ้าง แต่คำตอบที่ได้ก็คือเงียบเช่นเดิม
“แค่แกพูดมาคำเดียวนะว่าอยากจะหย่า พรุ่งนี้พี่จะรีบหาทนายมาฟ้องไอ้เสือมันทันที”
“แล้วมึงจะฟ้องยังไงวะไอ้ชน”
“กูก็จะฟ้องเรื่องที่มันทำร้ายน้องกูน่ะสิ...มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนที่มันทำร้ายเพศแม่กันบ้างล่ะ แบบนี้มันหน้าตัวเมียแล้ว”
“แล้วหลักฐานล่ะ” พีระวิทย์ถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็ชมพูไงหลักฐาน…หากมีการขึ้นศาลชมพูก็จะต้องพูดให้หมดว่ามันทำยังไงกับแกบ้าง!”
“ขอชมพูคิดก่อนได้ไหมคะพี่ชน เพราะคุณเสือเองเขาก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายชมพูเลยสักครั้ง”
“นี่แกยังจะต้องคิดอยู่อีกเหรอ แค่นี้ยังเจ็บตัวไม่พอหรือไง ยังจะบอกว่ามันไม่เคยทำร้ายอีก!!”
ชนกันต์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายที่น้องสาวตนเองนั้นไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย
“เรื่องนี้ชมพูว่าค่อยเราว่ากันทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้เรามาพักผ่อนไม่ใช่เหรอคะ จะมาพูดเรื่องเครียดๆ ทำไม” ชมพูเอ่ยขึ้นตัดบท
“จะรอให้มันฆ่าหมกเตียงก่อนใช่ไหมถึงจะยอม… ถึงเวลานั้นจริงๆ คงทำได้หรอก”
ชนกันต์กล่าวอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะผละออกไปย่างกุ้งและปลาหมึกมาเพิ่ม
ก่อนหน้านั้น….
ร่างสูงโปร่งกำยำเดินปรี่เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นเรือนหอของเขากับภรรยาอย่างรีบร้อน เพราะเขาไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเป็นเวลาสองวันเพราะติดงานสำคัญ ทั้งงานในบริษัท และต้องไปตรวจเช็คสินค้าก่อนส่งมอบที่โกดัง แม้จะรู้สึกห่วงใยภรรยาอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังให้ลูกน้องอีกสองคนคอยเฝ้าและคอยดูแลความปลอดภัยจึงไม่ค่อยห่วงอะไรมาก แต่ทันทีที่เขาก้าวขาเข้ามาภายในบ้านทุกอย่างกลับเงียบเชียบ ไม่เจอแม้แต่เงาของเมียตัวเอง ทัชชกรเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของชมพูนุชแต่ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ สายตาคมกริบกวาดสายตามองหาคนตัวเล็กให้ทั่ว แต่กลับมีเพียงแค่ความเงียบและอุณภูมิห้องที่ปกติ บ่งบอกได้ว่าเครื่องปรับอากาศได้ถูกปิดใช้งานไปหลายชั่วโมงแล้ว เขาจึงรีบเดินลงไปข้างล่างเพื่อสอบถามลูกน้องที่ดูแลความปลอดภัยให้กับภรรยาในระหว่างที่เขาไม่อยู่
“เมียกูไปไหน!” เสียงเข้มดุเอ่ยขึ้น ดวงตาคมจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง
“คะ ครับนาย?” ไทสันขมวดคิ้วยุ่งเมื่อถูกผู้เป็นเจ้านายตั้งคำถาม เพราะเขาเองก็เพิ่งจะกลับมาพร้อมกันกับผู้เป็นเจ้านายเมื่อสักครู่นี้แท้ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าออสตินและเจย์ลูกน้องอีกสองคนของเขา ที่รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในบ้านหลังนี้ รวมทั้งดูแลภรรยาของผู้เป็นเจ้านายด้วย
“กูถามว่าเมียกูไปไหน พวกมึงไม่มีหูเลยรึไงวะ!!”
ทัชชกรถามย้ำขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมองจ้องเขม็งเพื่อเอาคำตอบด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดดาล
“เอ่อ…ขะ คุณชมพูออกไปกับคุณชนกันต์พี่ชายของเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับนาย” ออสตินก้มหน้าก้มตาตอบคำถาม
“แล้วออกไปไหน ทำไมมึงไม่รีบโทรมารายงานกู!!”
เสียงตวาดด้วยความโมโหอย่างถึงขั้นสุดดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้ลูกน้องทั้งสามคนต่างสะดุ้งโหยง
“ขะ คุณชมพูไม่ได้บอกไว้ครับว่าไปไหน คุณชมพูบอกเพียงแค่ว่านายเป็นคนอนุญาตให้เธอออกไปได้ครับ”
เจย์ลูกน้องอีกคนเอ่ยตอบเจ้านายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ไอ้พวกโง่เอ้ย!!”
เพี๊ยะ เพี๊ยะ!!
ทัชชกรง้างฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าลูกน้องทั้งสองคนอย่างสุดแรงด้วยความโมโหที่ถึงขีดสุด หัวใจแกร่งตอนนี้สั่นไหว เขาลนลานไปหมดเพียงแค่ไม่เห็นเมียรักหัวใจที่ใครๆ ก็คิดว่ามันด้านชาได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
“กูสั่งพวกมึงแล้วไม่ใช่รึไงวะ ว่าถ้าเมียกูไปไหนมาไหนให้รีบรายงานกูตลอด กูจ้างพวกมึงให้มาทำงาน ไม่ได้จ้างให้พวกมึงมายืนหายใจทิ้งไปวันๆ!!”
แววตาอันดุดันและน้ำเสียงอันทรงพลังที่ถูกพ่นออกมาอย่างเดือดดาล ทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างสะดุ้งโหยง และเริ่มจะเสียวสันหลังวาบไปตามๆ กัน ตอนนี้รังสีอำมหิตกำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณบ้าน เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินกระทบพื้นบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เจ้านายของพวกเขากำลังเดือดดาลและโมโหมากมายแค่ไหน เขาแทบจะเอาปืนขึ้นมายิงแสกหน้าลูกน้องเรียงตัวได้อยู่แล้ว
เช้าวันต่อมา…
วันรุ่งขึ้นพีระวิทย์ไปส่งชมพูนุชที่บ้าน ทัชชกรซึ่งกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อคืนกำลังเดินออกมาดู ในมือหนาถือแก้วเหล้า ใบหน้าหล่อเหลานั้นแสดงความไม่พอใจขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะตรงมายังทั้งสองหนุ่มสาวซึ่งเปิดประตูรถออกมาพร้อมกัน เล่นเอาชะงักทีเดียว
“ผัวไม่อยู่แอบหนีไปคบชู้หรือไง แม่ตัวดี!”
ไม่พูดเปล่าเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้ามากระชากต้นแขนของเธออย่างแรง ส่งผลให้ร่างบางลอยหวือไปปะทะกับหน้าอกแกร่งของเขาเข้าอย่างจัง จนร่างบางตื่นตระหนกตัวสั่นด้วยความตกใจ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ยเสือ เราแค่ไปแคมป์ที่พัทยากันเท่านั้น…ไอ้ชนพี่ของเธอก็ไป” พีระวิทย์เอ่ยขึ้น
“หึ!...ไม่ต้องมาแก้ตัว มึงคงอยากจะทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้วใช่ไหมล่ะไอ้พี”
คราวนี้ทัชชกรหันมาเล่นงานคนพูดบ้าง พร้อมทั้งเปลี่ยนเป้าหมาย ก่อนจะปล่อยคนตัวเล็กแล้วเข้ามาผลักหน้าอกของพีระวิทย์อย่างแรง จนเจ้าตัวเซถอยหลังจนแทบจะล้ม
“มึงก็รู้อยู่เต็มอกว่าชมพูเป็นเมียกู มึงยังจะมายุ่งว่นวายกับคนที่เขามีผัวแล้วทำไมวะ ไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาทำกันหรอก มึงชอบนักหรือไงเป็นชู้กับเมียชาวบ้านเขาน่ะ ห๊ะ !!”
“กูพูดความจริง กูกับชมพูเราสองคนไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่มึงพูดเลยนะ”
“เหอะ! จะให้กูเชื่องั้นเหรอ ผู้ชายกับผู้หญิงออกไปค้างคืนข้างนอกด้วยกันจะให้คิดอะไรได้อีกวะ!!…มึงไม่มีปัญญาหาเมียหรือยังไง ถึงอยากจะมาแอบกินของคนอื่นเขาแบบนี้”
พีระวิทย์ถูกผลักอีกครั้งคราวนี้เสียหลักจนล้มลงไปกระแทกกับพื้นจริงๆ
“หยุดนะเว้ยไอ้เสือ!!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้คนที่โมโหจนหน้าดำหน้าแดงอยู่นั้นหันกลับมามอง ชนกันต์ที่จอดรถอยู่ทางด้านนอกได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจึงถลาเข้ามาหา ความจริงเขาขับรถมาพร้อมกันกับเพื่อนรัก แต่ไม่อยากเอารถเข้ามาจอดในบ้านเขาจึงรออยู่ทางด้านนอก