เซอร์ไพรส์
“เฮ้ย! ไอ้พี มึงไม่อยากรู้หรือไงวะว่ากูกำลังคุยกับใคร”
ชนกันต์เอ่ยถามตามหลังในขณะที่พีระวิทย์เดินห่างออกไปแล้ว ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากเพื่อน ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันกลับมาพูดโทรศัพท์ที่ยังคุยค้างไว้ต่อ
“ไม่มีอะไรแล้ว...ไอ้พีมันจะรีบไปทำงานน่ะ”
“พี่พีมาค้างที่ห้องพี่ชนเหรอคะ”
ทางฝ่ายนั้นถามกลับมาด้วยเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังแอบดีใจที่ได้ยินชื่อเขา
“เมื่อคืนมันชวนพี่ไปโซ้ยเหล้า ขากลับก็เลยหมดสภาพต้องนอนที่คอนโดพี่น่ะ”
“เอ๊ะ! ปกติพี่พีไม่ใช่คนแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ”
“พี่ล้อเล่นน่ะ…เมื่อก่อนไอ้พีมันเป็นยังไง ตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ และที่สำคัญหัวใจมันก็ยังไม่เคยเปลี่ยน จนกระทั่งทุกวันนี้มันก็ยังรักชมพูอยู่นะ”
คราวนี้ชมพูนุชเป็นฝ่ายเงียบขึ้นมาบ้าง เพราะเรื่องนั้นเธอรู้ดี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเจ็บปวดฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่ เธอเองก็เจ็บปวดด้วยเช่นกันที่ความรักไม่สมปรารถนา
ณ โกดังเก็บสินค้า…
ทัชชกรนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เนื้อเข้ม หันหลังให้หน้าต่างบานใหญ่ที่แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาพอให้เห็นเพียงเงาลางๆ ของเขา บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารกองเป็นระเบียบ พร้อมทั้งกล่องบุหรี่เปิดทิ้งไว้กับเครื่องดื่มที่พร่องไปเกือบครึ่งแก้ว ไฟสลัวจากโคมไฟบนโต๊ะทำให้ใบหน้าคมสันนั้นยิ่งดูเคร่งขรึม ดวงตาคมกริบจ้องมองเอกสารที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ทันใดนั้นประตูห้องทำงานได้ถูกเปิดออก เพื่อนสนิทของเขาที่มีนามว่าฌอน และโฬมได้เดินเข้ามา ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับทัชชกร
“สินค้าล็อตใหม่เป็นยังไงบ้างวะ” ฌอนถามขึ้นเบาๆ สายตาจับจ้องไปยังเอกสารในมือของทัชชกร เจ้าของใบหน้าคมสันยังตีสีหน้าเรียบเฉยไม่เผยอารมณ์ใด ๆ เขาพลิกหน้ากระดาษในมือแล้วหยิบอีกแฟ้มขึ้นมาดู
“สินค้าล็อตนี้เป็นของพิเศษและคุณภาพสูง เราคงจะได้กำไรไม่น้อย” ทัชชกรพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยความมั่นใจ เขามองหน้าฌอนกับโฬมก่อนจะเลื่อนเอกสารไปให้เพื่อนสนิททั้งสองคนดูรายละเอียด
“แผนการจัดส่งล่ะ?” โฬมถามขณะดูเอกสาร ทัชชกรยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“เราจะใช้เส้นทางที่เคยใช้มาแล้ว มันมีคนของเราอยู่ตามจุดต่าง ๆ กูคิดว่าพวกเราสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างราบรื่นแน่ๆ”
ฌอนและโฬมมองเอกสารอย่างตั้งใจ สีหน้าเริ่มครุ่นคิด
“แต่ว่า…เส้นทางนี้เคยถูกจับตามองไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอวะ มึงคิดว่าจะไม่มีปัญหาจริงๆ เหรอ?” ฌอนยังคงตั้งคำถาม ก่อนทัชชกรจะพยักหน้า
“นั่นสิวะ สินค้าล็อตนี้มีมูลค่ามหาศาล ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาเราคงเสียหายไม่น้อยเลยนะเว้ย!” โฬมพูดแสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้างเช่นกัน
“รอบนี้กูเพิ่มมาตรการป้องกันเป็นพิเศษ พวกเขาจะดูแลเรื่องการขนส่งสินค้าของเราให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และแน่นอนว่าคนอย่างกูวางแผนมาอย่างดิบดีอยู่แล้ว”
พูดเพียงแค่นั้นทัชชกรก็หันไปหยิบบุหรี่ขึ้นมา สูดลมหายใจลึกก่อนจะจุดไฟแล้วพ่นควันออกเบาๆ ให้สารนิโคตินขับกล่อมประสาทให้เขาได้ผ่อนคลายลง เขาจ้องมองเพื่อนอย่างมั่นใจเหมือนจะส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมจะรับมือกับทุกสถานการณ์ แม้ตอนนี้บรรยากาศในห้องจะเริ่มตึงเครียด สายตาของทุกคนสื่อถึงความเข้าใจในความเสี่ยง และความล่อแหลมของธุรกิจที่พวกเขาทำอยู่ แต่ฌอนและโฬมเองก็มั่นใจในตัวเพื่อนของตนเอง เพราะคนอย่างทัชชกรไม่เคยที่จะทำงานพลาดเลยสักครั้งตั้งแต่ร่วมสร้างธุรกิจผิดกฎหมายด้วยกันมา
“แล้วมึงมีแผนสำรองไว้รึยังวะ” โฬมเอ่ยขึ้นก่อนทัชชกรจะพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่ต้องห่วงหรอก กูคิดแผนสำรองไว้แล้ว คนอย่างกูไม่มีวันพลาดแน่นอน!” น้ำเสียงจริงจังหนักแน่นเอ่ยขึ้น
หลังจากที่ทั้งสามหนุ่มสนทนากันจบต่างก็ตรวจสอบแผนงานอีกครั้งเกี่ยวกับรายละเอียดการขนส่ง รวมถึงความปลอดภัยของสินค้าระหว่างการเดินทาง พวกเขารู้ดีว่าสินค้าล็อตนี้มีมูลค่ามหาศาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจส่งผลต่อชื่อเสียงและความไว้วางใจของลูกค้าได้
วันต่อมา…
ช่วงเย็นก่อนเลิกงานชนกันต์เป็นฝ่ายโทรหาพีระวิทย์ก่อน แล้วนัดหมายให้ไปยังบ้านพักส่วนตัวติดชายทะเลที่ครอบครัวของเขาซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน ที่บอกเช่นนั้นเพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์พอดีจะได้ถือโอกาสพักผ่อนไปด้วย เพื่อนรักไม่มีปัญหาจึงรีบบึ่งรถมาทันที ราวๆ ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง แต่ตอนมาก็เกือบทุ่มแล้ว พอมาถึงที่หมายเห็นไฟในบ้านเปิดสว่างไว้ทั้งหลัง ประกอบกับได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดกระทบหาดให้ได้ยินเป็นระยะๆ
“พอดีกูตั้งแคมป์ที่หน้าชายหาดน่ะ มานี่สิ! กูมีอะไรเซอร์ไพรส์มึงด้วย” ชนกันต์เอ่ยขึ้น
“อะไรของมึงวะ” พีระวิทย์ถามกลับด้วยท่าทางฉงน
“เถอะน่า…เห็นแล้วเดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ”
ชนกันต์ยิ้มแบบแปลกๆ ก่อนจะคว้าขวดแชมเปญที่อยู่ในมือเพื่อนแล้วลากไปยังจุดหมายทันที ก่อนร่างสูงจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ เมื่อตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาราวกับว่านี่เป็นความฝันเสียอย่างนั้น ทีแรกนึกว่าจะมีเพียงตนกับชนกันต์มาที่นี่เพียงสองคนเสียอีก แต่นี่ยังมีแขกร่วมด้วยอีกคน และยังเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นตึกตักได้ทุกครั้งที่เจอเช่นกัน ตาต่อตาสบกันนิ่ง ก่อนที่ชมพูนุชจะหันกลับไปย่างอาหารทะเลที่อยู่บนเตาต่อ
“เป็นไงวะ เซอร์ไฟรส์ไหมล่ะ!”
ชนกันต์กล่าวพลางยักคิ้วหลิ่วตาส่งให้ด้วยอย่างอารมณ์ดี แน่นอนว่าพีระวิทย์เองนั้นยิ่งกว่าดีใจเสียอีกที่ได้เจอคนที่ตนเองรักที่นี่
“ชมพู ไอ้พีมันมาแล้ว” พี่ชายก้าวเข้าไปหาน้องสาวเพียงคนเดียวของตน
“เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการต่อเอง ชมพูไปคุยกับไอ้พีเถอะ”
“เอ่อ…แต่ว่า...”
ชมพูนุชตอบพยายามเก็บซ่อนความเขินอายเอาไว้ เพราะหากจะทำเป็นว่าตนเองนั้นดีใจจนเกินเหตุที่เห็นอดีตคนรักมาอยู่ตรงหน้า ก็ทำไม่ได้เสียแล้ว เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่ามีเจ้าของแล้ว แม้ว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์เลยก็ตาม
“เดี๋ยวพี่จัดการต่อให้”
ชนกันต์รีบคว้าเหล็กย่างในมือของน้องสาว ก่อนจะดันร่างของเธอให้มานั่งที่ม้านั่งซึ่งตอนนี้มีพีระวิทย์นั่งอยู่ที่นั่น จากนั้นจึงรีบเผ่นออกไปที่เตาย่างอาหารซีฟู๊ดอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เพื่อนหนุ่มและน้องสาวของตนอยู่กันตามลำพัง
“น้องชมพูมาได้ยังไงครับ” คนที่นั่งอยู่เป็นคนเอ่ยถามขึ้นก่อน
“พอดีพี่ชนเขาชวนชมพูมาค่ะ”
“แล้วแบบนี้…เอ่อ…คนที่บ้านเขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ”
“เขายังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ลูกน้องของเขาเมื่อเห็นว่าพี่ชนเป็นคนไปรับชมพูพวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ” เธอตอบไปตามความจริงพร้อมกับสีหน้าแววตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ชมพูเคยโทรตามเขาไหม”
พีระวิทย์ถามอีกครั้ง และคำตอบที่ได้คือเธอส่ายหน้า
“ชมพูไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาหรอกค่ะ…ซึ่งเขาก็เคยบอกแบบนั้นเช่นกัน”
“พี่ถามจริงๆ นะครับชมพู ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ชมพูรักเขาบ้างหรือยัง”
คำถามตรงๆ ของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
“ชมพูพยายามจะรักเขานะคะพี่พี แต่มันทำไม่ได้ซักที”
“ถ้าไม่รักก็เลิกไปเลยสิ!!”
เสียงของชนกันต์ดังแทรกขึ้น เขาก้าวเข้ามาหาทั้งสองคนพร้อมด้วยจานอาหารทะเลย่างสองสามอย่างพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเด็ด
“หากมันไม่ยอมเลิก พี่จะหาทนายเก่งๆ มาฟ้องมันให้มันยอมเซ็นใบหย่าจนได้ล่ะ” ยิ่งพูดเสียงดุดันนั้นก็ยิ่งจริงจังมากขึ้น
“ไอ้ชน มึงจะหาเรื่องให้ผัวเมียเขาผิดใจกันหรือไงวะ” พีระวิทย์ปรามเพื่อน
“แต่ไอ้ผู้ชายเลวๆ นั่น นอกจากมันจะทำร้ายจิตใจน้องสาวกูแล้ว มันยังหาเรื่องทะเลาะกับน้องกูไม่เว้นวัน ถ้ากูเป็นชมพู กูจะขอหย่ากับมันตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานกับมันแล้ว”
พีระวิทย์ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ทัชชกรเป็นคนแบบนั้นเพราะก็รู้ๆ กิตติศัพท์กันดีอยู่