ดื่มย้อมใจ
“กูว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกผู้ใหญ่วะ ปล่อยให้มันทำร้ายชมพูทำไม มึงควรจะบอกแม่นะไอ้ชน”
“ก็เพราะผู้ใหญ่ไงวะที่พลอยเห็นดีเห็นงามไปตั้งแต่ต้น ใจกูเองอยากจะบอกตั้งแต่วันที่มันง้างมือจะตบหน้าน้องสาวกูแล้ว ไอ้ทัชชกรสารเลวนั่นมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย หากรู้ว่าธาตุแท้มันเป็นแบบนี้ กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแม่ยังจะเทิดทูนมันต่ออีกไหม”
“แล้วมึงจะปล่อยให้น้องสาวตัวเองโดนรังแกแบบนี้ไปอีกนานไหมไอ้ชน”
น้ำเสียงนั้นแสดงออกว่าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเพื่อนรักอย่างชนกันต์เองก็สัมผัสได้
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ จะทำอะไรมันน้องสาวกูก็ดันห้ามไม่ให้ทำ เพราะกลัวผู้ใหญ่จะผิดใจกัน”
“เลยต้องยอมเป็นลูกไก่ในกำมือแบบนี้น่ะเหรอ”
“ก็เรื่องนี้แหละที่กูเองก็ไม่เข้าใจ กูยุแยงให้หย่ากันเสียด้วยซ้ำ แต่ชมพูก็บอกว่าหากทำอย่างนั้นครอบครัวกูและครอบครัวฝ่ายนั้นก็คงจะผิดใจกัน เฮ้อ!!…ยิ่งพูดยิ่งเครียดว่ะ เออ! แล้วที่ว่ามึงเจอน้องสาวกูน่ะ มึงไปเจอที่ไหนวะ”
“เจอที่ห้างฯน่ะ พอดีกูไปซื้อของใช้ คุยกันได้สักพักไอ้เสือก็ดันโผล่เข้ามา กูก็เลยผละออกมาก่อน แต่ดันเสียมารยาทแอบดูพวกเขาอยู่ห่างๆ”
ชนกันต์ได้ฟังแล้วก็อดที่จะสงสารคนพูดเสียไม่ได้
“กูเข้าใจมึงนะโว้ยไอ้พี มึงรักน้องกูไม่คิดจะเปลี่ยนเลยนะ”
“ครั้งแรกรู้สึกกับชมพูยังไง ตอนนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังเหมือนเดิม”
“แม้จะรู้ว่าเขาเป็นของคนอื่นแล้วอย่างงั้นเหรอ”
“มึงก็รู้ใจกูไม่ใช่เหรอวะชน หากกูรักใครผู้หญิงคนนั้นก็จะฝังอยู่ในใจกูแน่น การที่จะลบน้องสาวมึงออกไป มันเป็นเรื่องที่ยากมากนะสำหรับกู”
เรื่องนี้ชนกันต์ย่อมรู้ดี แม้ว่าที่ผ่านมาหรือว่าปัจจุบันที่พีระวิทย์มีการงานที่มั่นคง และสามารถเปิดเป็นบริษัทเล็กๆ ได้เมื่อปีที่แล้ว เขายังมีสาวๆ แวะเวียนเข้ามาหาไม่ขาดสาย แต่เขาก็ไม่สนใจผู้หญิงคนไหน เพราะคนที่อยู่ในใจนั้นคือชมพูนุชน้องสาวของเขาคนเดียวนั่นเอง วันๆ เอาแต่ทำงานงกๆ ไม่ชายตาแลเพศตรงข้ามเลยสักคน จนพีระวิทย์เองถูกมองว่าเป็นเกย์ไปแล้ว
“เออ…แล้วที่บริษัทมึงเป็นยังไงบ้างล่ะ” ชนกันต์หาเรื่องอื่นพูดเพราะเดี๋ยวจะเครียดกันไปใหญ่
“ก็ดี…”
“แต่ได้ข่าวว่าต่างประเทศมาดูงานไม่ใช่เหรอ แบบนี้สินค้ามึงก็มีสิทธิ์โกอินเตอร์สิ”
“เซ็นสัญญาไปแล้ว เขาให้กูส่งสินค้าไปให้เขาสิบปี”
“ดีใจด้วยที่มึงประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน...นี่หากย้อนเวลาได้ กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแม่กูจะว่ายังไง เมื่อรู้ว่าคนที่เคยถูกมองข้ามกำลังจะกลายเป็นเศรษฐีระดับประเทศ”
“มึงก็พูดซะเวอร์ ถ้าเมื่อก่อนฐานะทางการเงินดีกว่านี้ กูคงช่วยเหลือครอบครัวมึงได้ ชมพูเองก็คงไม่ต้องเสียสละแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักแบบนี้”
“เอาเถอะ ยังไงซะเราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้ต่างประเทศทำสัญญาสิบปีแบบนี้บริษัทมึงมีแต่รุ่งกับรุ่งแน่ๆ ไว้วันไหนกูกลับขอนแก่น กูจะไปพูดเรื่องของมึงให้แม่ฟัง”
“เล่าแล้วจะได้อะไรวะ” พีระวิทย์เอ่ยเสียงเรียบ
“ความสะใจไง…หมั่นไส้”
“แต่นั่นแม่มึงนะไอ้ชน พูดไปก็ทำให้แม่ไม่สบายใจเปล่าๆ”
“กูไม่ลืมหรอกว่านั่นคือผู้ให้กำเนิด และก็ไม่คิดจะเนรคุณทอดทิ้งด้วย…ขนาดแม่สั่งให้กูเลิกคบกับมึงเพราะไม่อยากให้กูไปสุงสิงเกรงว่าคนบ้านนั้นเขาจะไม่พอใจ แต่กูก็ไม่สนเว้ย เพราะกูคบคนที่ใจไม่ใช่เงินทอง และก็ไม่สนใจใครหน้าไหนด้วย สำหรับกูเพื่อนก็คือเพื่อน”
“แต่กูเข้าใจแม่มึงนะเว้ยชน ว่าเขาก็ต้องการให้ลูกสาวได้ลงเอยกับคนรวยๆ จะได้สบาย หากในตอนนั้นให้ชมพูแต่งงานกับกูอาจจะอดตายก็ได้ กูเองยังเอาตัวแทบไม่รอด แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปช่วยพยุงกิจการของครอบครัวมึงให้ไปต่อได้”
“นี่ยังไงล่ะที่กูยังคบกับมึงได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะมึงเป็นคนจิตใจดี ไม่คิดจะว่าใครลับหลังแบบนี้ไง”
“แต่เรื่องทุนบริษัทก้อนแรก หากไม่ได้มึงกูเองก็คงไม่มีวันนี้หรอก ยังไงก็ขอบใจมึงมากนะเว้ยไอ้ชน”
“ทดแทนเรื่องแม่กับน้องกูไง และอีกอย่างมึงก็คืนมาให้กูแล้ว ก็ถือว่าไม่มีอะไรค้างคา แต่ถึงมึงไม่คืน…กูก็ไม่คิดจะเอาอยู่แล้ว เพราะอะไรรู้ไหม?..เพราะบริษัทกูตอนนี้ก็ยังใช้บริการบริษัทมึงอยู่ และที่สำคัญแม่กูก็ไม่รู้ หากรู้คงช็อกแน่ๆ ว่ะ”
“ทำอย่างนั้นแล้วจะได้ประโยชน์อะไรวะ ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่กูต้องการก็ไม่มีวันกลับมาหากูแล้ว ความรักที่กูมีให้น้องสาวมึงกูก็จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป จนกว่าจะตายจากนั่นแหละ”
“แล้วถ้าเผื่อว่าสองคนนั้นเขาหย่ากันขึ้นมา แล้วมึงจะรังเกียจน้องสาวกูหรือเปล่าวะ” จบประโยคคนฟังก็หันมามองทางคนพูดทันที
“กูไม่มีวันรังเกียจคนที่กูรักได้หรอก...ว่าแต่มึงถามแบบนี้ทำไม”
ชนกันต์ไม่ได้ตอบนอกจากสั่งเหล้าจากบาร์เทนเดอร์ต่อ ปล่อยให้คำพูดประโยคนั้นเป็นปริศนาต่อไป และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถามอีกด้วย ทว่าในเวลานั้นสายตาของชนกันต์ก็เหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตาของใครคนหนึ่ง พร้อมทั้งควงผู้หญิงสวยเซ็กซี่หน้าตาดีเข้ามาในผับด้วยท่าทางสนิทสนม แต่มองยังไงสตรีคนนั้นก็ไม่เหมือนน้องสาวตนเลยสักนิด ดังนั้นจึงสะกิดพีระวิทย์ให้ดูพร้อมทั้งบุ้ยปากไปยังจุดหมาย และแล้วฝ่ายนั้นก็เหลือบมาเห็นสองหนุ่มเข้าพอดี จึงก้าวเข้ามาหาด้วยท่าทางยิ้มแย้มราวกับว่าไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด แต่ชนกันต์เองกลับคิดไปว่ารอยยิ้มแบบนี้มันกวนฝ่าพระบาทชะมัด
“ไม่คิดว่าจะเจอพวกคุณสองคนที่นี่ ว่าแต่คุณพี่ชายเมียมานานหรือยังล่ะครับ”
“มาจนจะกลับแล้ว เพราะเห็นหน้าใครบางคนเลยทำให้หมดสนุก”
ชนกันต์ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ส่วนพีระวิทย์ไม่ได้ทักทายทำตัวเงียบราวกับว่าไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้น
“มาเที่ยวแบบนี้…แล้วคนที่บ้านล่ะเขาจะรู้สึกยังไงวะ” ชนกันต์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“หึ มาเที่ยวอะไรกันล่ะ ผมมาทำงานต่างหากเพราะนี่มันเป็นผับของผม ชมพูเองเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก ก่อนมาผมก็ชวนเธอแล้วแต่เธอก็ปฏิเสธ ว่าแต่…คุณพี่ชายเมียจะไปไหนอีกหรือเปล่าล่ะ ไปหาโต๊ะนั่งคุยกันฝั่งโน้นก็ได้นะ” ทัชชกรเอ่ยชวน
“ไม่ล่ะ พวกฉันกำลังจะกลับพอดี”
ว่าแล้วก็หันไปทางบริกรแล้วเป็นคนจ่ายตังค์เสียเองทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พีระวิทย์บอกว่าจะเลี้ยง ชนกันต์รีบคว้าแขนเพื่อนรักออกมาจากผับอย่างรวดเร็ว ส่วนคนชวนรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย และรู้สึกโกรธด้วยที่ถูกพี่ชายภรรยาตัวเองปฏิเสธแบบนี้ ก่อนเขาจะกลับไปที่โต๊ะโซนวีไอพีด้านบนซึ่งมีสาวสวยคนนั้นรออยู่
“มึงพ่วงกูออกมาทำไมวะไอ้ชน”
พอออกมานอกผับแล้วพีระวิทย์ก็เอ่ยถามทันที
“ขืนอยู่ต่อกูคงกระเดือกเหล้าไม่ลงแน่ๆ เปลี่ยนไปร้านอื่นดีกว่า เห็นหน้ามันแล้วทนไม่ได้ว่ะ ถ้ารู้ว่าที่นี่เป็นผับของมันกูแม่งคงไม่มาให้ติดเสนียดหรอก” ชนกันต์เอ่ยอย่างเดือดดาล เขาพอจะรู้ว่าทัชชกรเป็นเจ้าของผับ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นผับนี้
“เอ้านี่...”
“อะไร”
ชนกันต์ถามเพราะงงเมื่อเพื่อนรักยื่นเงินมาให้
“วันนี้กูบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง แต่มึงดันจ่ายก่อน...”
“ช่างเถอะ”
“งั้นเดี๋ยวไปต่อร้านอื่นคราวนี้กูจะจ่ายเอง”
“เดี๋ยวก่อน ตกลงมึงแค่อยากระบายความในใจหรืออยากเมากันแน่วะ” คนถูกถามชะงักเล็กน้อย
“ปกติมึงไม่ใช่นักท่องราตรีแล้วก็ไม่ใช่ไอ้ขี้เหล้านะโว้ย หากจะแค่ระบายก็ไปที่คอนโดกูก็ได้ พูดให้หมดเปลือกจนสบายใจดีกว่าไปเมา มึงว่าเข้าท่ากว่าไหม”
“อืม ก็ใช่”
พอตกลงได้ดังนั้นสองหนุ่มจึงตรงมาที่รถของตัวเอง ก่อนจะขับเคลื่อนตามๆ กันมา เพื่อมุ่งตรงไปยังที่หมายคือคอนโดของชนกันต์ทันที อีกอย่างพีระวิทย์เองก็ไม่ต้องห่วงอะไรเพราะที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่แล้ว เขาเป็นเด็กกำพร้าเติบโตมาจากสถานสงเคราะห์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่ แต่เพราะมีความมุมานะจึงทำให้พีระวิทย์ประสบความสำเร็จ ทว่าก็ไม่ลืมที่จะกลับไปเยี่ยมเยียนผู้มีอุปการะที่นั่นเสมอ ชนกันต์ก็เคยไปด้วยบ่อยๆ แถมยังบริจาคเงินช่วยเหลือทุกครั้งเช่นกัน
เช้าวันต่อมา…
“มึงจะกลับแล้วเหรอวะไอ้พี”
เมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มแต่งตัวจะออกไปในตอนเช้า ก็รีบเอาหูโทรศัพท์มือถือที่ตนกำลังคุยกับคนปลายสายอยู่ลงก่อนจะถาม
“อืม..พอดีวันนี้เก้าโมงมีประชุมน่ะ ตอนเย็นมึงว่างหรือเปล่าล่ะ”
“ว่างสิวะ ทำไมเหรอ”
“ก็ถามก่อนไง เผื่อมึงมีนัดหรือว่าเอาสาวมาค้างที่ห้อง กูจะได้ไม่ทะเล่อทะล่ามาเป็นตัวขัดจังหวะ”
“ช่วงนี้ไม่มีนัดกับใครที่ไหนหรอก เพราะงานมันรัดตัว สาวๆ หายเกลี้ยงเลยว่ะ” ชนกันต์พูดพลางหัวเราะ
“งั้นกูไม่กวนมึงแล้ว กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ใช่เหรอ ตามสบายนะเว้ย ไว้เจอกันเย็นนี้” ว่าแล้วพีระวิทย์ก็เปิดประตูออกไปทันที ส่วนเจ้าของห้องรีบก้าวตาม