ข่าวดีที่ควรดีใจ
ตอนที่ 4
ข่าวที่ควรดีใจ
“อากาศดีจังเลยนะคะไหนว่าตอนแรกคุณภูบอกจะพักรีสอร์ทธรรมดาข้างทางแต่ดูแล้วนี่มันรีสอร์ทระดับพรีเมี่ยมเลยรอบตัวมีแต่เขาด้านงล่างก็มีลำธาร”
กานพลูหันมาพูดกับภูวิศที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเธอแต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรหญิงสาวก็หันไปเห็นว่าโทรศัพท์ที่เขาวางไว้ข้างๆโต๊ะมีคนโทรเข้ามา
“คุณเข้าไปนอนก่อนเถอะผมคุยโทรศัพท์เสร็จก็จะตามเข้าไป”
ภูวิศหันมาพูดกับหญิงสาว เพื่อให้เธอรู้ว่าเขาต้องการคุยโทรศัพท์ที่ริมระเบียงเป็นการส่วนตัวสำหรับเขาและมั่นคงเป็นแค่การบอกแต่สำหรับกานพลูมันคือการไล่
อากาศรอบตัวที่ดีและยังจะเหนื่อยจากการเดินทางทำให้ไม่นานหญิงสาวก็เผลอหลับไปแต่เธอก็ต้องมาสะดุ้งกลางดึกเมื่ออยู่ดีๆเจ้าของร่างสูงขึ้นมาอยู่บนร่างของเธอและเริ่มการผลิตลูกอีกครั้งโดยที่ไม่แม้แต่จะถามตัวเธอเลยว่าวันนี้พร้อมไหม
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละคืนมันมีทั้งความสุข ความน้อยใจและความรู้สึกไร้ค่า กานพลูได้แต่บอกกับตัวเองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเธอเป็นคนเลือกและก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเมื่อวันนั้นมาถึงวันที่สิ้นสุดสัญญาเธอจะได้รู้สึกได้ว่าวันนั้นเธอไม่เป็นหนี้บุญคุณใครแล้ว
2 เดือนผ่านไป
“ภูคะเดี๋ยวนี้ภูให้คนใช้นอนที่ห้องบนตึกนี้แล้วหรือคะ”
ปกติแล้วเวลาฟ้าลดามาที่บ้านหลังนี้จะไม่เคยเห็นว่ากานพลูอาศัยอยู่บนตึกเธอจึงคิดว่าหญิงสาวมาเพียงแค่ทำความสะอาดและทำกับข้าวช่วงกลางคืนก็คงจะกลับไปนอนที่บ้านหลังเดิมแต่เมื่อวันนี้เธอมาอยู่กินมื้อค่ำด้วยจึงได้เห็นว่ากานพลูออกมาจากห้องนอนที่เธอคิดว่าเป็นห้องของภูวิศ
“กับข้าวอร่อยไหมของสดๆจากไร่ทั้งนั้นปลอดสารพิษรสชาติพื้นเมืองนานๆคุณจะมีโอกาสมากินข้าวเย็นที่ไร่ผมก็เลยต้องสั่งจัดเต็ม”
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดไม่ใช่เพราะเขากลัวฟ้าลดารู้แต่เขาแค่ไม่สนใจที่จะตอบคำถามมากกว่า
“จะว่าอะไรไหมคะถ้าพรุ่งนี้ฟ้าจะขอให้คุณพาขับรถเที่ยวรอบๆหน่อยอีกไม่กี่วันฟ้าก็จะกลับแล้วเราคงจะเจอกันอีกทีที่กรุงเทพฯเลย”
ฟ้าลดาถึงแม้จะมาที่ไร่อยู่บ่อยครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาค้างคืนตามปกติของสาวสวยไฮโซเธอไม่ชอบการใช้ชีวิตอยู่กับป่าเขาแต่ที่จำยอมต้องมาค้างที่นี่เพราะเธอแอบสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภูวิศกับกานพลู
ฟ้าลดากับภูวิศที่เป็นทั้งประธานบริษัทและเจ้าของไร่เคยหมั้นกันเมื่อหลายปีก่อนแต่สุดท้ายการหมั้นก็เป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อฟ้าลดาตัดสินใจถอนหมั้นเพื่อจะไปแต่งงานกับนักธุรกิจที่อายุมากกว่าภูวิศแต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อ นักธุรกิจคนนั้นความจริงเขามีภรรยาเป็นชาวต่างชาติอยู่แล้วจึงทำให้เธอเกือบตกอยู่ในสถานภาพเมียน้อยโชคยังดีที่ถอนตัวทันและครั้งนี้ฟ้าลดาตั้งใจจะกลับมาเอาคนรักของเธอคืน
ภูวิศทำทุกอย่างให้ความหวังฟ้าลดาเหมือนว่าเขายังเห็นว่าเธอสำคัญแต่เมื่อไหร่ที่หญิงสาวพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้กลับมารักเธอแต่ที่ทำดีทุกวันนี้เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนถึงแม้จะไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันแล้วแต่ความผูกพันที่มีมาด้วยกันตลอดหลายปีทำให้ภูวิศทั้งห่วงแล้วหวังดีกับเพื่อนคนนี้เสมอแต่ความคิดของเขามันไม่เคยถูกพูดออกมาสายตาหลายที่เฝ้ามองต่างก็คิดว่าอีกไม่นานฟ้าลดากับภูวิศคงจะกลับมาเหมือนเดิมและก็คงแต่งงานกัน
“ บอยมีใครอยู่แถวนี้ไหม....ไอ้บอยไปไหน มีใครรู้ไหมว่ากานพลูหายไปไหน”
ภูวิศที่กลับจากการไปส่งฟ้าลดาที่สนามบินเมื่อกลับมาถึงบ้านตามหาเมียเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจึงพยายามเรียกคนสนิทที่สั่งให้เฝ้าดูแลภรรยาไว้แต่บอยก็กลับหายไปด้วย
“เจ้าบอยมันพากานพลูส่งโรงพยาบาลครับ อาเจียนตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วตอนแรกก็ไม่ยอมไปหาหมอแต่พวกผมเข้าไปดูอีกทีในช่วงหัวค่ำก็เห็นเธอเป็นลมนอนฟุบอยู่หน้าห้องน้ำ”
คนงานในไร่ที่มีหน้าที่ดูแลในส่วนหลังไร่รีบขับรถมาชี้แจงให้เจ้านายฟังเพราะทุกคนพยายามติดต่อภูวิศแล้วแต่เขากลับไม่รับสายใครเลย
“นี่ก็แปลกทั้งไร่ไม่เห็นมีใครโทรหา”
“ทุกคนช่วยกันโทรแล้วครับแต่นายไม่รับโทรศัพท์” คนงานไม่ได้ตั้งใจจะย้อนแต่เขาต้องการให้ชายหนุ่มรู้ว่ามันไม่มีทางติดต่อเขาได้จริงๆ
“โทรแล้วไม่รับก็โทรอีกสิวะ ! ทำเป็นบ่นไปได้ดูแลไร่ให้ดี ฉันจะรีบขับตามไปที่โรงพยาบาล”
ภูวิศเมื่อถึงโรงพยาบาลก็ได้รู้ว่าหญิงสาวมีอาการดีขึ้นและตอนนี้เธอพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษโดยมีบอยคอยเฝ้าอยู่
“กลับไปที่ไร่ได้แล้วเดี๋ยวที่นี้ฉันดูแลเอง”
ภูวิศเห็นแล้วรู้สึกไม่ดีเลยที่สุดท้ายคนงานของเขาต้องเป็น
คนพาเมียลับของเข้ามาโรงพยาบาลทั้งที่เขาควรจะดูแลเธอให้ดีกว่านี้อย่างน้อยก็ในฐานะที่ละอองได้ฝากหลานสาวคนเดียวของเธอไว้กับเขา
“แล้วนี่เป็นอะไรข้าวปลาไม่กินหรือกลางคืนมัวแต่เล่นโทรศัพท์แล้วไม่นอน”
ชายหนุ่มมาถึงก็โวยวายต่อว่าเหมือนจะลืมไปว่าเธอกับเขานอนอยู่ด้วยกันเธอจะเอาเวลาที่ไหนมาเล่นโทรศัพท์
“คุณหมอบอกว่ากานพลูท้องค่ะ”
คนตัวสูงโน้มตัวลงไปกอดคนป่วยด้วยความดีใจ กานพลูแปลกใจว่าทำไมเธอกลับไม่รู้สึกยินดีเหมือนกับเขาทั้งที่ความจริงการท้องของเธอมันหมายถึงวันเวลาที่จะจบเร็ว เธอจะได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แต่ทำไมกลับรู้สึกใจหายเมื่อนับเวลาแล้วเหลือเพียงแค่ไม่กี่ปีเธอกับเขาก็ต้องต่างคนต่างไปและเธอจะไปเพียงแค่ตัวคนเดียวส่วนลูกก็คงได้อยู่กับพ่อที่มีพร้อมทุกอย่าง