บทที่ 6
ขวัญชนกลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นน้องอาร์ตเดินออกมาจากห้องตรวจ หญิงสาวเดินไปกอดน้องอาร์ตไว้แล้วเอ่ยถามคุณหมอด้วยความเป็นห่วงน้องอาร์ต
“คุณหมอค่ะ อาการน้องอาร์ตเป็นยังไงบ้างคะ”
ครูสาวทำหน้าไม่สบายใจเมื่อเห็นหน้าซีเรียสของแพทย์หนุ่ม หญิงสาวคิดว่าอาการของน้องอาร์ตคงจะเป็นมาก แต่...ที่นายแพทย์หนุ่มทำหน้าเครียดเพราะรู้สึกลำบากใจที่ต้องโกหกครูสาว
“เออ...อาการของน้องอาร์ตเป็นไม่ค่อยมา...” นพ.ศิวากรพูดไม่จบประโยค เพราะโดนผู้กองเจ้าเล่ห์กระทุ้งสีข้างก่อน นายแพทย์หนุ่มทำหน้าเหยเกแล้วเอ่ยตอบใหม่
“เออ...อาการรอบดวงตาของน้องอาร์ตก็เป็นมากเหมือนกันครับ ผมนัดให้มาตรวจวันพรุ่งนี้อีกทีนะครับ”
“กระทบกระเทือนถึงดวงตามั้ยคะ”
ขวัญชนกทำสีหน้ากังวลเป็นห่วงน้องอาร์ตอย่างจริงใจไม่ได้เสแสร้ง ผู้กองเจ้าเล่ห์เห็นสีหน้าเป็นกังวลของครูสาวแล้วก็แอบยิ้มขำ
“เอ๋อ...ผมต้องขอตรวจให้ละเอียดอีกทีวันพรุ่งนี้นะครับ” นายแพทย์หนุ่มกลายเป็นคนติดอ่างหาคำตอบให้ครูสาวไม่ได้
ขวัญชนกทำหน้าฉงนสงสัย ‘ทำไมบอกว่าจะตรวจให้ละเอียดอีกทีในวันพรุ่งนี้ แล้ววันนี้ที่เข้าไปในห้องตรวจตั้งนานไม่ได้ตรวจหรือยังไง’ ครูสาวนึกสงสัยในใจแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกมา
“ไปรับยาเถอะครับ จะได้กลับบ้านกัน” ผู้กองหนุ่มกลัวความลับจะแตกจึงรีบเบี่ยงเบนความสนใจของครูสาว
“กันกลับก่อนน่ะไอ้เกลอ” ผู้กองพันยิ้มตบหลังเพื่อนรักเบาๆ อย่างรู้กัน
“รีบๆ กลับไปเถอะ“ นพ.ศิวากรรีบไล่เพื่อนรัก เขาเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง กลัวว่าถ้าครูสาวถามมากกว่านี้เขาคงได้บอกความจริงหมดแน่
“น้องอาร์ตกลับแล้วนะครับอาหมอ” น้องอาร์ตยกมือไหว้ลาอาหมอ
ร.ต.อ.พันธวุธจับมือน้องอาร์ตไว้ข้างหนึ่งกำลังจะพาไปรับยา แต่น้องอาร์ตไม่ยอมเดินไปสักที น้องอาร์ตเอื้อมมือไปจับมือครูสาวไว้แล้วพากันเดินไปพร้อมกันทั้ง 3 คน
ผู้กองหนุ่มหยิบกระเป๋าเงินออกมาเพื่อจะชำระค่ายา แต่ถูกขวัญชนกท้วงไว้ก่อน
“ดิฉันจ่ายค่ายาเองค่ะ” ขวัญชนกจับมือผู้กองหนุ่มไว้อย่างลืมตัว
“ผมจ่ายเองครับ” ผู้กองพันยิ้มกว้างให้ครูสาวรู้สึกอุ่นวาบตรงข้อมือที่ถูกมือบางจับไว้
“ดิฉันขอรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาของน้องอาร์ตเองค่ะ”
ขวัญชนกเอ่ยขอร้องเสียงหนักแน่น ผู้กองหนุ่มเห็นความตั้งใจของครูสาวเลยไม่อยากขัดศรัทธาแต่จะให้ยอมง่ายๆ ก็เสียเชิง
“คุณจ่ายก็ได้ แต่ต้องพูดแทนตัวเองว่า หลิน เหมือนก่อนหน้านี้ ไม่งั้นผมไม่ยอมให้คุณจ่ายเงิน” ผู้กองยิ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยต่อรอง ขวัญชนกขมวดคิ้วงงๆ ที่อยู่ๆ ผู้กองจอมยียวนเอ่ยขออะไรแปลกๆ
“ก็ได้ค่ะ” ขวัญชนกรับคำแต่ก็อดที่จะบ่นพึมพำออกมาไม่ได้ “ขออะไรแปลกๆ อีตาผู้กองบ้า”
“อ่ะฮึ่ม!” ผู้กองหนุ่มทำเสียงกระแอมในลำคอ แกล้งถามด้วยสีหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม “บ่นอะไร ผมได้ยินน่ะครับ”
“หูดีจริงๆ เลยน่ะ” ขวัญชนกค้อนผู้กองหนุ่มแล้วหันไปจ่ายเงินค่ายา
“เชิญรับยาช่องที่ 4 ค่ะ” เจ้าหน้าที่การเงินเอ่ยบอกขวัญชนก
ขวัญชนกกับผู้กองเดินไปรับยาช่องที่ 4 ตามที่เจ้าหน้าที่การเงินบอก
“รับยาของ ด.ช.พันธวิศ ศิริวัฒน์ ใช่มั้ยค่ะ” เภสัชกรเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจก่อนที่จะจ่ายยาให้คนไข้
“ค่ะ” ขวัญชนกยิ้มรับคำ มือบางกำข้อมือน้องอาร์ตไว้
“ไม่ทราบว่าคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นคนให้ยาน้องคะ” เภสัชกรเอ่ยถามอีกครั้ง
“เออ...” ขวัญชนกกำลังจะปฎิเสธว่าเธอไม่ใช่แม่ของเด็ก แต่ผู้กองหนุ่มรีบตอบสวนมาก่อน
“คุณแม่เป็นคนให้ครับ” ผู้กองเจ้าเล่ห์รีบรับสมอ้างแทนครูสาวโดยเร็วจนขวัญชนกปฎิเสธไม่ทันได้แต่ยืนอ้าปากค้าง
เภสัชกรยิ้มให้ขวัญชนกแล้วบอกวิธีกินยาแต่ละขวดให้ทราบ
“ขวดนี้ยาแก้อักเสบ คุณแม่ให้กิน 1 ช้อนชาหลังอาหารวันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น ส่วนขวดนี้ยาแก้ปวด แก้ไข ให้กินทุก 4-6 ช.ม. หรือเวลามีไข้ค่ะ”
“ทำไมยาน้อยจังเลยคะ” ขวัญชนกรับยาแต่ละขวดมาถือไว้แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่ทราบค่ะ คุณหมอเขียนใบสั่งยามาแค่นี้ค่ะ” เภสัชสาวยิ้มแล้วผละไปเตรียมยาสำหรับคนไข้รายต่อไป
“ได้ยาแล้วกลับเถอะครับ” ผู้กองพันเห็นท่าจะไม่ดีกลัวครูสาวจะสงสัยไปมากกว่านี้จึงรีบชวนกลับบ้าน
ขากลับขวัญชนกยังทำหน้าที่เป็นคนขับเหมือนเดิม ผู้กองจอมยียวนขึ้นรถได้ก็เปิดเพลงในรถ เอนตัวหลับตาพิงเบาะฟังเพลงสากลแล้วร้องตามอย่างสบายอารมณ์ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของรถไม่มีผิด ขวัญชนกกัดฟันกรอดๆ มองผู้กองเจ้าเล่ห์ด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวเห็นทางข้างหน้ามีหลุมขนาดย่อมๆ อยู่จึงแกล้งคนนอนร้องเพลงโดยการขับรถตกหลุม ผู้กองหนุ่มกำลังร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ก็สะดุ้งตกใจเปิดตาเด้งตัวนั่งตัวตรง
“โอ๊ย!...คุณครูหลิน ขับรถให้มันนุ่มๆ หน่อยไม่ได้หรือครับ ตับไตไส้พุงผมเคลื่อนที่หมดแล้ว”
ขวัญชนกหัวเราะคิกแกล้งเอ่ยขอโทษเสียงหวาน “อุ้ย...ขอโทษค่ะ หลินไม่ทันได้มองว่าข้างหน้ามีหลุมอยู่”
ผู้กองหนุ่มมองริมฝีปากบางเฉียบที่กำลังเอ่ยจรรจาแล้วอยากจูบลงโทษเหลือกำลัง
“พ่อครับ น้องอาร์ตหิวข้าวครับ” น้องอาร์ตที่นั่งอยู่เบาะหลังเอ่ยบอกพ่อ ท้องร้องจ๊อกๆ ด้วยความหิว
“เดี๋ยวเราแวะกินข้าวก่อนกลับบ้านนะลูก” ผู้กองพันหันไปยิ้มกว้างให้น้องอาร์ตแล้วหันมามองครูสาว
“รู้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะแวะร้านข้างทาง” ขวัญชนกรีบพูดดักคอผู้กองหนุ่มเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย
“เดี๋ยวครูหลินพาไปกินข้าวร้านประจำของครูหลินนะคะ ร้านนี้กับข้าวอร่อยมาก รับรองว่าน้องอาร์ตกินแล้วต้องติดใจแน่นอน“ ขวัญชนกยิ้มหวานเอ่ยบอกน้องอาร์ต
ผู้กองพันได้ยินครูสาวแสนสวยพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแล้วรู้สึกอิจฉาลูกเป็นกำลัง อยากให้หญิงสาวพูดหวานๆ กับตัวเองบ้าง
ขวัญชนกพาพ่อลูกมากินข้าวที่ร้านอาหารหรือจะเรียกว่าสวนอาหารก็ได้ เพราะภายในร้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ หญิงสาวชอบมาทานข้าวที่ร้านนี้เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยและสะอาดแล้ว บรรยากาศก็ดีด้วย
“น้องอาร์ตอยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจครูหลิน กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ”
“ครูหลินสั่งให้น้องอาร์ตหน่อยครับ” น้องอาร์ตนั่งบนเก้าอี้ติดกับครูหลิน
“ถ้างั้นเอากับข้าวที่ไม่ค่อยเผ็ดนะคะ” ขวัญชนกยิ้มให้น้องอาร์ตแล้วสั่งกับข้าวที่น้องอาร์ตสามารถทานได้มา 4-5 อย่าง
เมื่ออาหารทยอยเสริฟจนครบทุกอย่างแล้ว น้องอาร์ตก็ลงมือรับประทานคนแรกด้วยความหิว ขวัญชนกคอยทำหน้าที่ตักอาหารที่น้องอาร์ตตักไม่ถึง
เมื่อน้องอาร์ตทานเลอะหญิงสาวก็หยิบผ้าเช็ดปากมาเช็ดให้ พอน้องอาร์ตบอกว่าเผ็ดเธอก็จะหยิบน้ำมาให้น้องอาร์ตทาน น้องอาร์ตอยากจะเข้าห้องน้ำครูสาวก็เป็นคนพาไป ส่วนผู้กองจอมยียวนก็ได้แต่ยิ้มกริ่มจิบเบียร์เย็นเจี๊ยบมองครูสาวเทคแคร์น้องอาร์ตด้วยสายตาหวานเยิ้มมีความหมาย พอขวัญชนกพาน้องอาร์ตกลับมาจากห้องน้ำผู้กองก็ยังจ้องมองครูสาวไม่เลิก
“น้องอาร์ตค่ะ หน้าครูหลินมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะ คุณพ่อน้องอาร์ตถึงได้จ้องครู จ้องเอาๆ”
ขวัญชนกนั่งลงบนเก้าอี้แล้วก้มหน้าไปถามน้องอาร์ตซึ่งนั่งอยู่ติดๆ กัน ตั้งแต่เดินไปเข้าห้องน้ำ
และกลับมานั่งที่เดิมผู้กองก็ยังไม่ยอมละสายตาไปจากเธอ
น้องอาร์ตยิ้มแป้นเอื้อมมือเล็กๆ ไปลูบใบหน้าครูสาวด้วยความสนิทสนม “ไม่มีอะไรติดอยู่หรอกครับ แต่หน้าครูหลินสวย...คุณพ่อชอบมองครับ”
น้องอาร์ตตอบเหมือนรู้ใจพ่อ ขวัญชนกอายหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำลงมาถึงลำคอระหง ผู้กองพันหัวเราะร่วนถูกใจคำตอบของลูกชาย
“นั่งจิบแต่เบียร์ไม่ยอมกินข้าวเดี๋ยวก็ได้เมาไม่รู้เรื่องหรอก” ขวัญชนกแก้เขินโดยการหันไปต่อว่าคนนั่งยิ้มกริ่มจิบเบียร์อย่างสบายอารมณ์
“กินเบียร์แค่ขวดสองขวด ไม่เมาหรอกครับ” ผู้กองพันยิ้ม ดวงตาชักจะหวานเยิ้มหนักกว่าเดิม
“ถ้าไม่ได้กินข้าวเลย กินแค่ขวดสองขวดก็ทำให้เมาได้นะคะ” ขวัญชนกประท้วงแสดงความเป็นห่วงออกมาโดยไม่รู้ตัว
ผู้กองมาดเข้มหัวเราะฮึๆ ชอบใจแล้วเอ่ยแซว “พูดเหมือนภรรยาที่กำลังเป็นห่วงสามีเลยนะครับ”
ขวัญชนกทำหน้าง้ำหุบปากเงียบไม่พูดต่อ ‘เรารึอุตสาห์เป็นห่วง กลัวว่าจะเมากลับบ้านไม่ได้ เชิญกินตามสบายเลย’
ขวัญชนกค่อนขอดอยู่ในใจ
ผู้กองหนุ่มเห็นขวัญชนกทำหน้างอไม่พูดอะไรต่อก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ
‘เออ...หน๋อ...แซวนิดเดียวก็งอนตุ๊บป่อง’
ขวัญชนกทำหน้าบึ้งไม่ยอมพูดกับผู้กองต่อจนรับประทานอาหารมื้อค่ำเสร็จซึ่งคนที่กินจะเป็นเธอกับน้องอาร์ตเสียมากกว่า นานๆ ครั้งที่ผู้กองจะหยิบกับแกล้มมากิน ค่าอาหารมื้อค่ำผู้กองพันขอเป็นคนจ่ายเองและเมื่อเดินมาถึงรถของขวัญชนก ผู้กองก็เอ่ยบอกให้ขวัญชนกกลับบ้านเลย ไม่ต้องไปส่งเขากับน้องอาร์ต
“คุณกลับบ้านเถอะครับ ไม่ต้องไปส่งผมกับน้องอาร์ตหรอก”
“อ้าว!...ทำไมล่ะคะ” ขวัญชนกชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ
“ดึกแล้ว ผมไม่อยากให้คุณเสียเวลาย้อนไปส่ง คุณกลับบ้านเลยดีกว่า ผมกับน้องอาร์ตกลับแท็กซี่ได้”
ผู้กองพันยิ้มกว้างให้ครูสาว
“คุณเมาหรือเปล่าคะ” ขวัญชนกเลิกคิ้วถามเพื่อให้แน่ใจ
“ไม่เมาหรอกครับ” ผู้กองตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
“แน่ใจนะคะว่าพาลูกกลับบ้านถูก ไม่เมาหลับคารถแท็กซี่”
“แน่ใจสิครับ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วผมจะโทรไปรายงานคุณทันที” ผู้กองยิ้มตอบเสียงหนักแน่น
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณยืนยันว่าพาน้องอาร์ตกลับบ้านได้”
ขวัญชนกยอมแพ้ผู้กองหนุ่มเมื่ออีกฝ่ายยืนยันคำหนักแน่น แต่ในใจไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่กลัวผู้กองเมาเผลอหลับแล้วกลับไม่ถึงบ้าน
“กลับถึงบ้านแล้ว อย่าลืมให้น้องอาร์ตทานยาแก้อักเสบกับยาแก้ไข้นะคะ อย่างละ 1 ช้อนชา” ขวัญชนกเอ่ยสั่งผู้กองเสียงเข้ม
“ครับผม!” ผู้กองยิ้มทำท่ายืนตัวตรงเอ่ยรับเสียงเข้มแข็งเหมือนกำลังรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
“พรุ่งนี้อย่าลืมเอายาใส่กระเป๋านักเรียนไปด้วยนะคะ” ขวัญชนกเอ่ยสั่งอีก
“ครับผม! ไม่ลืมแน่นอนครับผม จะทำตามที่คุณครูหลินสั่งทุกอย่างเลยครับผม” ผู้กองพันยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดยืนตัวตรงรับคำสั่งอย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม ขวัญชนกแอบหัวเราะกับท่าทางของผู้กองเจ้าเล่ห์
“น้องอาร์ตครูหลินกลับบ้านก่อนนะคะ” ขวัญชนกยิ้มก้มหน้าลงไปหอมแก้มใสๆ ของน้องอาร์ต
“ครับ พรุ่งนี้เจอกันน่ะครับ” น้องอาร์ตยกมือไหว้แล้วโอบกอดครูสาว ยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนของครูสาวคืน
ขวัญชนกยิ้มสดใสให้ผู้กองนิดหนึ่งก่อนจะเข้าไปในรถ ลดกระจกรถลงยกมือบ๊าย บายให้น้องอาร์ตแล้วขับรถออกไป น้องอาร์ตยกมือบ๊ายบายให้ครูสาวคืน ผู้กองพันยิ้มกว้างรู้สึกชอบครูสาวมากขึ้นกว่าเดิม
“น้องอาร์ตชอบครูหลินมั้ยครับ” ผู้กองหนุ่มลองหยั่งเชิงลูกชายดู
“ชอบครับ น้องอาร์ตรักครูหลิน” น้องอาร์ตยิ้มแป้นเงยหน้าตอบพ่อ
“ถ้า...พ่อจะจีบครูหลิน น้องอาร์ตจะยอมมั้ยครับ” ผู้กองถามความคิดเห็นของลูก
“น้องอาร์ตอยากมีแม่เหมือนครูหลินครับ คุณพ่อจีบครูหลินให้สำเร็จน่ะครับ”
น้องอาร์ตเชียร์ให้กำลังใจพ่อเต็มที่ ผู้กองหนุ่มยิ้มกริ่มถึงแม้ว่าเขาจะชอบครูสาวแต่ถ้าหากลูกชายไม่เห็นด้วยเขาก็ไม่อยากขัดลูก เขาอยากให้คนที่จะมาเป็นแม่ใหม่ของน้องอาร์ตสามารถเข้ากับน้องอาร์ตได้ สามารถดูแลและรักน้องอาร์ตเหมือนน้องอาร์ตเป็นลูกแท้ๆ ไม่ใช่ลูกเลี้ยง อย่างน้อยตอนนี้ครูหลินก็ผ่านด่านน้องอาร์ตแล้ว เหลือแค่ว่า...เขาจะทำยังไงถึงจะจีบครูสาวได้สำเร็จ...