บทที่ 7
ขวัญชนกทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวอย่างหมดแรง ร่างบอบบางเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วหลับตานิ่งๆ รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด
พลโทธิติกับคุณหญิงขวัญฤทัย เดินลงมาจากห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงรถของลูกสาวเข้ามาในบ้าน คุณหญิง นั่งลงบนโซฟาติดกับลูกสาว ส่วนพลโทธิติเดินไปนั่งโซฟาอีกตัว
“หลิน! เป็นยังไงบ้างลูก เหนื่อยหรือเปล่า แล้วเรื่องที่โรงเรียนเรียบร้อยดีมั้ย หลินทานข้าวหรือยังลูก”
คุณหญิงจับมือลูกสาวมากุมไว้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทางหมดแรงของลูกสาว พลโทธิติหัวเราะฮึๆ เอ่ยแซวภรรยา “คุณหญิง...เล่นถามเป็นชุดแบบนั้นยายหลินจะตอบทันหรือ”
“ก็แม่เป็นห่วงลูกนี่ค่ะ ถ้าพ่อไม่ห้ามไว้ ป่านนี้แม่ตามลูกไปที่โรงพักแล้ว” คุณหญิงมองค้อนสามี
“เอ้า...หลิน ตอบแม่เขาได้หรือยังลูก คุณแม่หลินร่ำๆ จะให้พ่อพาไปหาหลินตั้งแต่ทราบเรื่องใหม่ๆ” ท่านนายพลเอ่ยแซวลูกสาวบ้าง
ขวัญชนกยิ้มประจบประแจงซุกใบหน้ากับอกแม่ “เหนื่อยจังเลยค่ะ หลินขอน้ำใบเตยเย็นๆ สักแก้วได้มั้ยคะ”
“อุ้ย!...หิวก็ไม่บอกแม่” คุณหญิงค้อนลูกสาวนิดหนึ่งก่อนจะเรียกหาคนรับใช้ “เด็กๆ ใครอยู่แถวนี้บ้าง จัดโต๊ะให้คุณหลินหน่อย”
ขวัญชนกหัวเราะเบาๆ “แม่คะ หลินกินข้าวแล้วค่ะ ขอแค่น้ำใบเตยเย็นๆ ฝีมือคุณแม่แค่แก้วเดียวก็พอแล้วค่ะ”
“อ้าว…ทานมาแล้วหรือลูก ถ้างั้นเอานมอีกแก้วหนึ่งนะ” คุณหญิงไม่รอให้ลูกสาวค้านหันไปสั่งคนรับใช้ที่มานั่งใกล้ๆ รอรับคำสั่ง ขวัญชนกสบตากับท่านนายพลแล้วพากันอมยิ้ม
“หลินจะบอกแม่ได้หรือยังลูก มัวแต่นั่งอมยิ้มอยู่นั้นแหละ ตกลงไปเจอนักเรียนที่หายที่ไหน”
“เจอที่บ้านของคุณพ่อเขาค่ะ น้องบลูนั่งแท็กซี่ไปหาคุณพ่อที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง”
“เรื่องเป็นยังไง แม่ชักจะงง” คุณหญิงขมวดคิ้วสงสัย ขวัญชนกรับน้ำใบเตยมาจากเด็กรับใช้ หญิงสาวดื่มรวดเดียวหมดแก้วจากนั้นก็เล่าเรื่องน้องบลูให้คุณแม่ฟัง
“โธ่เอ๋ย...เด็กหน๋อเด็ก...” คุณหญิงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้รับฟังเรื่องที่ลูกสาวเล่ามา
“แล้วทำไมหลินกลับดึกจังล่ะลูก หลินโทรมาบอกพ่อว่าหาน้องบลูเจอตั้งแต่ช่วงเย็นๆ แล้วไม่ใช่หรือ”
ท่านนายพลเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วงมากกว่าจะจับผิดลูก ขวัญชนกทำหน้างอนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงอีตาผู้กองจอมกวนประสาท
“ก็น้องอาร์ต เด็กที่หลินบอกว่าเห็นน้องบลูขึ้นแท็กซี่ ถูกเพื่อนๆ ต่อยตาบวม หลินก็เลยต้องพาไปหาหมอก่อน”
“อุ้ยตายแล้ว...เด็กๆ เป็นมากหรือเปล่าลูก” คุณหญิงร้องออกมาด้วยความตกใจ
“หมอเขาบอกว่าเป็นไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่พรุ่งนี้หมอนัดให้ไปตรวจอีกครั้งค่ะ” ขวัญชนกอ้อมแอ้มตอบไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวคุณแม่เธอจะตกใจไปมากกว่านี้
“หลินพาน้องอาร์ตไปหาหมอเสร็จแล้วก็แวะกินข้าวก่อนเลยกลับดึกนิดหน่อย หลินขอโทษค่ะที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน ปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องเป็นห่วง” ขวัญชนกยิ้มเอ่ยขอโทษคุณพ่อคุณแม่ หญิงสาวกอดเอวมารดาแล้วซบหน้ากับอกอบอุ่นอีกครั้ง
“ช่างประจบจังเลยน่ะเรา พ่อกับแม่ไม่โทษหลินหรอก แม่รู้ว่าหนูมีเรื่องยุ่งๆ อยู่ ขึ้นไปพักผ่อนเถอะลูก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” คุณหญิงโอบกอดร่างบางระหงของลูกสาวไว้ ภูมิใจในตัวลูกสาวที่สุดเพราะนอกจากลูกสาวคุณหญิงจะเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายแล้ว ลูกสาวของท่านไม่เคยทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
ขวัญชนกกระหวัดคิดถึงใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลา ท่าทียียวนกวนประสาทของผู้กองหนุ่ม หญิงสาวผงกหน้ามองแม่และพ่อนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามท่านทั้งสอง
“พ่อคะ แม่คะ คุณพ่อกับคุณแม่เชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ยคะ” ขวัญชนกเขินอายหน้าแดงก่ำตอนที่เอ่ยถาม
คุณหญิงสบตากับท่านนายพลแล้วอมยิ้มเมื่อรู้ว่าลูกสาวตัวน้อยๆ ของตนกำลังจะมีความรัก ท่านนายพลเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะยิ้มกว้างดีใจที่ลูกสาวเริ่มคิดที่จะมีความรักบ้าง
ปกติแล้วท่านนายพลจะเป็นที่ปรึกษาเรื่องหนุ่มๆ ที่มาตามตื้อลูกสาวท่านและบางวันท่านต้องไปหาลูกสาวถึงที่โรงเรียนเพื่อทำหน้าที่กันหนุ่มๆ ออกไป แต่วันนี้ลูกสาวท่านมาแปลก เอ่ยถึงเรื่องความรักทั้งๆ ที่ไม่เคย
พูดถึงมานาน ท่านนายพลลุกไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับลูกสาว ท่านจับมือบางนุ่มเนียนของลูกสาวไว้
“พ่อกับแม่เชื่อในเรื่องรักแรกพบน่ะลูก เพราะพ่อพบแม่ของหลินครั้งแรก พ่อก็หลงรักเลย” ท่านนายพลเอ่ยตอบแทนภรรยา ท่านนายพลยิ้มหวานสบตากับคุณหญิงเมื่อนึกถึงความหลังของท่านทั้งสอง
“จริงหรือคะ คุณพ่อเล่าให้หลินฟังหน่อยสิคะ” ขวัญชนกทำตาโตเมื่อได้ยินเรื่องที่พ่อพูด หญิงสาวนั่งตัวตรงหันมาเอ่ยถามพ่อด้วยความตื่นเต้น
“พ่อรักแม่หนูตั้งแต่แรกเห็น แต่แม่หนูไม่ค่อยได้รักพ่อเท่าไหร่หรอก” ท่านนายพลแกล้งทำเสียงเหมือนงอนภรรยา
“แหม...จะให้แม่บอกว่ารักพ่อตั้งแต่แรกเห็นได้ไงค่ะ เป็นลูกผู้หญิงมันก็ต้องมีเล่นตัวบ้างสิ” คุณหญิงมองค้อนสามี
“นานมั้ยคะกว่าที่คุณแม่จะรับรักคุณพ่อ” ขวัญชนกยิ้มหวานเอ่ยถามบุพการี
“ก็ไม่นานหรอกลูก แม่แพ้ความดีและลูกตื้อของคุณพ่อหนู” คุณหญิงยิ้มอายๆ
“ถ้า...หลินพบใครสักคนเป็นครั้งแรกแล้วก็รู้สึกว่าชอบ หรือรักเขา คุณพ่อกับคุณแม่คิดว่าผิดมั้ยคะ” ขวัญชนกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก
“ไม่ผิดหรอกลูก ความรักมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกๆ คน ถ้าหากว่าคนนั้นเป็นคนดีและก็รักหลิน พ่อกับแม่ก็ไม่ขัดข้องหรอกลูก” ท่านนายพลยิ้มให้กำลังใจลูกสาว ท่านรู้ว่าลูกสาวของท่านต้องเลือกคนได้ไม่ผิดแน่
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อคุณแม่ที่ให้กำลังใจหลิน” ขวัญชนกยิ้มยกมือไหว้ที่อกพ่อกับแม่
“หลินขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ขวัญชนกยิ้มสดใสมีกำลังใจขึ้นมาเป็นกองหลังจากที่กลัวว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะไม่เห็นด้วยในการกระทำของเธอ
“หลิน เจอเขาคนนั้นหรือยังลูก” คุณหญิงเอ่ยถามไล่หลังลูกสาว
ขวัญชนกหยุดชะงักอยู่ตรงทางขึ้นบันได้ ครูสาวหันมายิ้มหวานให้พ่อกับแม่ “เจอแล้วค่ะ หลินเพิ่งเจอเขาวันนี้”
ขวัญชนกยิ้มอายๆ ตอนที่เอ่ยตอบแม่แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องนอน คุณหญิงขวัญฤทัยอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึงว่าลูกสาวกำลังจะเจอรักแรกพบเหมือนกัน
“ท่าทางลูกสาวของคุณหญิงกำลังจะมีประสบการณ์เรื่องความรักคล้ายๆ คู่ของเราน่ะ” ท่านนายพลเอ่ยแซวภรรยา
“นั่นน่ะสิ ยายหลินไม่ยอมคบกับใครเลย จู่ๆ ก็มาบอกว่าเจอรักแรกพบแล้ว” คุณหญิงอดที่จะแปลกใจไม่ได้
ท่านนายพลหัวเราะฮึๆ ก่อนจะเอ่ยตอบภรรยา “ไม่ดีหรือครับ คุณหญิงไม่ต้องมาบ่นเรื่องกลัวยายหลินจะขึ้นคาน ส่วนพ่อก็ไม่ต้องคอยทำหน้าที่ไล่ตะเพิดพวกหนุ่มๆ อีก ต่อไปก็คงจะมีคนทำหน้าที่นี้แทนพ่อแล้ว” ท่านนายพลพูดเสียงกลั้วหัวเราะชอบใจ
“พ่อไปสืบให้แม่หน่อยได้มั้ยคะ แม่อยากรู้ว่าหนุ่มคนไหนที่ทำให้ยายหลินหลงรักได้” คุณหญิงเอ่ยขอร้องเพราะอยากรู้ประวัติของว่าที่ลูกเขย
“เดี๋ยวพ่อจัดการให้น่ะ ไปนอนกันเถอะคุณหญิง” ท่านนายพลจับมือภรรยาให้ลุกขึ้นจากโซฟา
“เอาเร็วที่สุดเลยนะคะ แม่ใจร้อน”
“ตามบัญชาเลยครับคุณหญิง” ท่านนายพลเอ่ยล้อเลียนภรรยา คุณหญิงมองค้อนสามีแล้วยิ้มหวานให้คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน