บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ผู้กองหนุ่มกำลังสั่งงานร้อยเวรอยู่ พอได้ยินเสียงหวานๆ ที่ถามหาตัวเองก็หันไปมองเจ้าของเสียงและถึงกับยืนนิ่งจังงังเหมือนถูกหมัดฮุกเข้าที่ปลายคางเมื่อได้เห็นใบหน้างามรูปไข่ สวยคมเข้ม จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตายาวงามงอน ผมดำขลับยาวเงางาม

ร.ต.อ.พันธวุธยืดตัวขึ้นเต็มความสูง 180ซ.ม.ที่สูงเกินมาตรฐานชายไทยทั่วๆ ไปและยิ้มให้สาวสวยข้างหน้า แต่ยังไม่ยอมแสดงตัวว่าตัวเองคือคนที่เธอกำลังตามหาอยู่

“สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยเหลือหรือเปล่าครับ”

“คุณพ่อ...”

น้องอาร์ตซึ่งยืนหันรีหันขวางอยู่ข้างหลังคุณครูสาว พอได้ยินเสียงคุณพ่อก็ตะโกนเรียกเสียงดังและวิ่งเข้ามากอดขาพ่อไว้ น้องอาร์ตรู้ว่าโรงพักที่คุณครูพามานั้นเป็นสถานที่ทำงานของคุณพ่อเพราะเคยมาหลายครั้งแล้วเพียงแต่เมื่อสักครู่ตอนที่ขึ้นมาบนโรงพักเด็กน้อยพยายามมองหาพ่อแต่ก็หาไม่เจอ

“อ้าว! น้องอาร์ตมาได้ไงลูก หนูมากับใครครับ” ผู้กองพันจับตัวลูกชายไว้เห็นหน้าลูกไม่ชัดนักเพราะน้องอาร์ตกอดขาและซบหน้ากับต้นขาพ่ออยู่

“น้องอาร์ตมากับคุณครูหลินครับ” เด็กน้อยหันไปมองครูสาว

‘อ๋อ...สงสัยถูกตำรวจจับ...เลยไปรับลูกไม่ทัน’

ขวัญชนกแอบค่อนขอดอยู่ในใจ หมั่นไส้พ่อน้องอาร์ต หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้อย่างเสียไม่ได้ อย่างน้อยอีตาคนนี้ก็เป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนเธอ

“สวัสดีค่ะ ดิฉันขวัญชนก ธิติการณ์กุล เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลที่น้องอาร์ตเรียนอยู่ค่ะ”

ผู้กองหนุ่มพยักหน้ารับไหว้เพราะคำนวนตามอายุแล้ว เขาน่าจะอายุมากกว่าหญิงสาวหลายปี

“ไม่ทราบว่า ร.ต.อ.พันธวุธอยู่หรือเปล่าคะ คือ...ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษากับท่านเรื่องที่เด็กนักเรียนในโรงเรียนหายไป”

“คุณพ่อครับ”

น้องอาร์ตเขย่ามือพ่อและเงยหน้าขึ้นมอง พอผู้กองหนุ่มได้เห็นหน้าลูกชายเท่านั้นแหละ สงครามย่อยๆ ระหว่างผู้กองหนุ่มกับครูสาวก็เกิดขึ้นทันที

“น้องอาร์ต! ตาไปโดนอะไรมาครับ เขียวช้ำรอบดวงตาเลย”

“น้องอาร์ตโดนเพื่อนต่อยมาครับคุณพ่อ” น้องอาร์ตสารภาพเสียงอ๋อย

ผู้กองหนุ่มแตะเบาๆ รอบดวงตาที่มีรอยช้ำเป็นสีเขียวๆ นายตำรวจหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทำหน้าถมึงทึงจ้องมองหน้าครูสาว

“นี่คุณ...เป็นครูประสาอะไรถึงปล่อยให้ลูกผมถูกต่อยจนตาเขียวเป็นหมีแพนด้าแบบนี้”

“เอ่อ...คือ...” ขวัญชนกกำลังจะอ้าปากชี้แจงเหตุผลแต่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาก็โดนอีกฝ่ายสวนออกมาเป็นชุดจนครูสาวตั้งหลักแทบไม่ทัน

“อ่ะๆ ไม่ต้องแก้ตัวเลย คุณดูแลเด็กๆ ยังไง เด็กคนหนึ่งหายไปจากโรงเรียน ส่วนเด็กอีกคนก็โดนต่อยตาบวมเป่ง” ผู้กองหนุ่มต่อว่าครูสาวเสียงค่อนข้างดัง

เนื่องจากตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานและประชาชนที่มาติดต่อธุระก็ทยอยกลับเกือบหมดแล้วยังคงเหลือแค่กลุ่มของพ่อแม่น้องบลูและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายที่ยังไม่ออกเวรจึงทำให้ผู้กองหนุ่มกล้าแผดเสียงเต็มที่ ส่วนบรรดาลูกน้องของผู้กองหนุ่มทุกคนก็กำลังตั้งอกตั้งใจฟังหัวหน้าตัวเองทะเลาะกับครูสาว

ขวัญชนกหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหผสมความอาย ดวงตากลมโตดำสนิทสบตากับผู้ปกครองน้องอาร์ตโดยไม่หลบสายตา

“นี่คุณ! คุณจะฟังฉันอธิบายก่อนได้มั้ย ฉันยอมรับผิดทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่น้องบลูหายไปและเรื่องที่น้องอาร์ตถูกต่อย แต่ตอนนี้ฉันอยากจะแจ้งข่าวเรื่องของน้องบลูก่อนคือฉันได้อัดรูปของน้องบลูและให้ลูกน้องคุณพ่อฉัน เออ...หมายถึงพลโทธิติ เอาไปแจกให้ลูกน้องในกรมช่วยตามหาน้องบลูแล้ว”

“อ๋อ...” ผู้กองหนุ่มลากเสียงยาว ”เป็นลูกพลโทธิติ ธิติการณ์กุล นามสกุลดัง นามสกุลไฮโซ เป็นคุณหนูไฮโซ เปิดโรงเรียนอนุบาลเล่นๆ ทำงานแก้เซ็ง” ผู้กองหนุ่มทำหน้ายียวนกวนโทสะขวัญชนกที่สุด

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ถึงฉันจะเป็นคุณหนู เป็นไฮโซอย่างที่คุณว่า แต่ฉันก็เปิดโรงเรียนด้วยใจรักและทำเป็นงานหลักไม่ได้ทำแก้เซ็งอย่างที่คุณว่า”

ขวัญชนกเท้าสะเอวยืนเถียงกับผู้กองหนุ่มโดยไม่ทันได้สังเกตว่าระหว่างที่พวกเธอยืนเถียงกันได้สักห้านาทีที่ผ่านมา บรรดาลูกน้องของผู้กองแอบสะกิดและยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ต่อๆ กัน

“แล้วคุณดูแลนักเรียนยังไงให้นักเรียนหายและลูกผมก็ถูกต่อยตาบวมแบบนี้ หรือมัวแต่แต่งหน้าทาตา คุยโทรศัพท์กับแฟนจนไม่มีเวลาดูนักเรียน “

“คุณ…มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันแบบนี้ ฉันจะฟ้องหมิ่นประมาทคุณ”

ขวัญชนกเดินไปนั่งบนเก้าอี้หน้าร้อยเวร “สวัสดีค่ะ ดิฉันจะแจ้งความผู้ชายคนนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาทดิฉันค่ะ”

ร้อยเวรทำหน้าเด๋อด๋ามองผู้บังคับบัญชาที มองสาวสวยที่นั่งตรงหน้าตัวเองที

ร.ต.อ.พันธวุธหัวเราะขำแตะมือกับบ่าลูกน้อง “ก้านลุกขึ้น พี่จะรับแจ้งความเอง”

ผู้กองหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้แทนลูกน้อง ถามคูรสาวด้วยใบหน้ายิ้มกวนๆ “ว่าไงครับ จะแจ้งความจับผมในข้อหาอะไรมิทราบครับ”

“ฉันจะแจ้งความกับคุณตำรวจแล้วคุณมานั่งตรงนี้ทำไมมิทราบคะ”

ขวัญชนกย้อนกลับมั้ง เธอยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มคือ ร.ต.อ.พันธวุธ ที่เธอกำลังถามหาอยู่ เนื่องจากผู้กองไม่ได้ใส่ชุดตำรวจและเพิ่งกลับมาจากการจับกุมคนร้ายทำให้ชุดลำลองที่ใส่ขะมุกขะมอมเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่น

“อ้าว!...คุณจะแจ้งความไม่ใช่หรือครับ เชิญเลยครับ ผม ร.ต.อ.พันธวุธ เป็นเจ้าหน้าตำรวจที่นี่และเป็นคนที่คุณกำลังตามหาอยู่ไงครับ ว่าไงครับจะแจ้งความหรือเปล่า”

ผู้กองหนุ่มหัวเราะร่วนออกมาเสียงดังเมื่อเห็นใบหน้างามแดงก่ำขึ้นมาด้วยความอายเมื่อรู้ว่าเขาคือคนที่เธอต้องการพบ

“คุณ…” ขวัญชนกได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก ใบหน้างามแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนแรกปล่อยให้ถามหาอยู่ได้” ครูสาวตวาดแว้ดด้วยความโมโห

“น้องอาร์ตมาหาคุณครูหลินหน่อยคะ”

เธอยื่นมือไปจับมือเด็กน้อยให้มานั่งบนตักตัวเองเอ่ยเรียกเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงไพเราะผิดกับคนที่ตวาดพ่อเด็กเมื่อสักครู่

“น้องอาร์ตบอกคุณพ่อสิค่ะว่าน้องอาร์ตเห็นน้องบลูครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

เด็กน้อยนั่งบนตักครูสาวด้วยความสนิทสนม “น้องอาร์ตเห็นน้องบลูเดินออกจากโรงเรียแล้วขึ้นรถแท็กซี่ตรงหน้าปากซอยครับ น้องอาร์ตตะโกนเรียกน้องบลูแต่น้องบลูไม่ได้ยินครับคุณพ่อ”

ผู้ปกครองของน้องบลูได้ยินน้องอาร์ตพูดถึงน้องบลูทุกคนก็ถลาเข้ามาหาน้องอาร์ตเป็นจุดเดียว คุณแม่น้องบลูเป็นคนแรกที่วิ่งไปถึงตัวน้องอาร์ต

“น้องบลูขึ้นแท็กซี่สีอะไรจ๊ะ น้องอาร์ตจำได้ไหม?” ปรีชยาพรถามรัวเร็ว

“สีชมพูครับน้าหมู น้องอาร์ตวิ่งตามน้องบลูไปและเรียกน้องบลูแต่น้องบลูไม่ได้ยินครับ”

“แท็กซี่สีชมพู”

ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็ช่วยกันโทรประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้

ร.ต.อ.พันธวุธ โทรประสานงานกับตำรวจทางหลวงให้ดักตรวจรถแท็กซี่สีชมพูทุกคัน ขวัญชนกติดต่อไปยังท่านนายพลและลูกน้องของพ่อให้ช่วยตามหาแท็กซี่สีชมพูอีกแรง

“ผู้กองครับ มีแท็กซี่โทรแจ้งว่าเขารับเด็กที่มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่งมาจากแถวๆ หมู่บ้านประชาสุขสรรค์ครับ” ส.ต.ท.อดุลย์ เรียกผู้บังคับบัญชาและยื่นหูโทรศัพท์ให้ผู้กองคุยต่อ

ผู้กองพันรับโทรศัพท์มาคุยและจดรายละเอียดตามที่คนขับแท็กซี่บอก ทุกคนในห้องพากันอออยู่รอบๆ ตัวผู้กองและรอฟังคำตอบด้วยความหวัง ผู้กองหนุ่มวางโทรศัพท์ลงเอ่ยบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงดีใจและโล่งอก

“เจอน้องบลูแล้วครับ แท็กซี่เขาพาน้องบลูไปส่งที่หมู่บ้านรอยัล การ์เด้นท์ ปาร์ค ตอนนี้พวกเขารอเราอยู่หน้าบ้านเลขที่ 4/49 ”

ผู้ปกครองของน้องบลูต่างก็รีบลงไปจากสน. เพื่อไปหาน้องบลูทันที ขวัญชนกรู้สึกโล่งอกที่หาน้องบลูพบแล้วและเด็กน้อยปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

“น้องอาร์ต อยู่กับคุณพ่อนะคะ ครูหลินจะไปหาน้องบลูที่บ้าน” ครูหลินยิ้มหวานสดใสให้น้องอาร์ต จนคนที่เป็นพ่อรู้สึกอิจฉาลูกนิดๆ

“ครับ” น้องอาร์ตรับคำ

ขวัญชนกบอกน้องอาร์ตเสร็จแล้วกำลังจะลงไปจากสน. แต่ถูกมือใหญ่แข็งแรงของผู้กองหนุ่มคว้าไว้ก่อน

“คุณจะไปไหนมิทราบครับ” ผู้กองเน้นคำ ตอนที่เอ่ยถาม

“ฉันจะไปหาน้องบลูที่บ้าน แล้วมาจับมือฉันไว้ทำไมมิทราบคะ” ขวัญชนกชำเลืองตามองมือใหญ่ที่จับแขนเธอไว้ ดวงตากลมโตสีดำสนิทถลึงตามองผู้กองสุดหล่อจอมยียวน

“คุณต้องรับผิดชอบพาน้องอาร์ตไปหาหมอก่อน” ผู้กองพันเอ่ยต่อรอง

“ได้ค่ะ ฉันพาน้องอาร์ตไปหาหมอแน่...แต่ขอไปดูน้องบลูก่อนแล้วฉันจะมารับน้องอาร์ตไปหาหมอ”

ขวัญชนกเท้าสะเอวยืนเถียงผู้กองจอมยียวน

“จะเสียเวลาวกไปวกมาทำไม ไปพร้อมกันเลยดีกว่า” ผู้กองหนุ่มยิ้มกวนๆ ยักคิ้วใส่ครูสาว

“น้องอาร์ตมาหาพ่อ เดี๋ยวเราไปหาน้องบลูพร้อมๆ กันเลย”

ร.ต.อ.พันธวุธหันไปจับแขนลูกชายไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างก็กำข้อมือครูสาวไว้แน่นแล้วลากครูสาวให้เดินตามไปยังลานจอดรถ

“คุ๊ณ...ปล่อยมือฉันนะ” ขวัญชนกทำตัวโก่งเหมือนแมว ไม่ยอมเดินตามผู้กองหนุ่มง่ายๆ

“เร็วๆ สิคุณครู เดี๋ยวก็ขับรถตามพวกเขาไม่ทัน เห็นมั้ยผู้ปกครองน้องบลูขับรถออกไปโน้นแล้ว”

ผู้กองหนุ่มเอ่ยเสียงดุครูสาว ขวัญชนกทำหน้ามุ่ยที่อยู่ๆ ก็ถูกคนที่ไม่ชอบหน้ามาดุเอา

“เอะ!...บอกให้ปล่อยไม่ได้ยินหรือยังไง” ขวัญชนกหน้าหงิกหน้างอเมื่อถูกลากจนมาถึงลานจอดรถ

“รถคุณคันไหน” ผู้กองหนุ่มไม่สนใจอาการหน้างอของครูสาว

“ถามทำไม” ขวัญชนกพยายามสะบัดมือให้หลุดจากมือใหญ่ แต่สะบัดเท่าไหร่ก็สะบัดไม่หลุด ผู้กองจอมยียวนกำข้อมือเธอไว้แน่น

“อ้าว!...ก็ผมจะไปกันคุณนะสิครับ”

“ทำไมต้องไปกับฉัน? รถของ สน. ก็มีเยอะแยะจอดเป็นสิบๆ คัน ทำไมไม่ขับไป” ขวัญชนกยืนเถียงหน้าแดงด้วยความโมโห

“ไม่มีกุญแจ” ผู้กองหนุ่มยักไหล่ยิ้มตอบหน้าตาเฉย

“ไม่มีกุญแจ...” ขวัญชนกทวนคำตอบเสียงสูง “ไม่มีก็ไปเอาจากลูกน้องคุณมาสิ”

“ขี้เกียจวิ่งขึ้นไปบน สน. บอกมาเร็วๆ สิ รถของคุณคันไหน เดี๋ยวก็ขับไม่ทันเขาพอดี” ผู้กองแกล้งบ่นเสียงดัง ขวัญชนกกระทืบเท้าด้วยความขัดใจเดินนำหน้าไปยังรถของเธอ

“จะให้ผมขับให้มั้ย” ผู้กองจอมยียวนเอ่ยถามยิ้มๆ

“ไม่ต้อง...ฉันขับเอง” ขวัญชนกไขกุญแจรถ หญิงสาวหันไปยิ้มหวานให้น้องอาร์ตที่ยืนทำตาปริบๆ ฟังพ่อเถียงกับคุณครูหลิน

“น้องอาร์ตขึ้นรถนะคะ ครูหลินจะพาไปหาน้องบลูเสร็จแล้วครูหลินจะพาไปหาคุณหมอด้วย” ขวัญชนกเอ่ยกับน้องอาร์ตด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ

“ครับ ครูหลิน” น้องอาร์ตรู้หน้าที่เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งด้านหลัง ส่วนด้านหน้าปล่อยให้พ่อนั่งคู่กับครูสาว

ร.ต.อ.พันธวุธยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่ครูสาวพูดกับลูกตัวเอง เขารู้สึกว่าครูสาวจะรักเด็กๆ มาก

“จะยืนยิ้มอีกนานมั้ยคะ จะไปหรือเปล่า ถ้าไม่ไป ดิฉันจะไปสองคนกับน้องอาร์ต”

ขวัญชนกพูดประชดผู้กองหนุ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มกว้างไม่ยอมขึ้นรถสักที ผู้กองหนุ่มมาดเข้มหุบยิ้มทันทีเมื่อเจอน้ำเสียงดุๆ ตวาดแว้ดมา

“ไปสิครับ”

ผู้กองพันเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเอนตัวพิงเบาะรถด้วยท่าสบายๆ จนขวัญชนกหมั่นไส้ ปิดประตูรถกระแทกดัง ปัง!

ขวัญชนกขับรถออกไปจากโรงพักอย่างรวดเร็ว ถ้าหากผู้กองหนุ่มจะหันหลังไปมองที่สน. สักนิดหนึ่งจะได้เห็นว่าตอนนี้ลูกน้องของผู้กองทั้งโรงพัก พากันมายืนอออยู่ตรงประตูหน้าโรงพัก มองผู้บังคับบัญชาตัวเองเถียงกันครูสาวแสนสวย และในมือทุกคนมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ทายกันว่าผู้กองจะจีบครูสาวหรือไม่จีบ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel