บทที่ 2
ขวัญชนกค้นหารายชื่อของแม่น้องบลูในเมนูสมุดโทรศัพท์ซึ่งเธอจะบันทึกรายชื่อของผู้ปกครองนักเรียนไว้ทุกคน หญิงสาวไม่รู้จะบอกกับแม่น้องบลูว่ายังไงดี เธอนึกหาคำพูดที่จะพูดกับแม่น้องบลูแล้วให้อีกฝ่ายรู้สึกตกใจน้อยที่สุด ครูสาวค้นหาเบอร์บ้านของแม่น้องบลูเจอแล้วจึงกดโทรศัพท์ไป เธอรอสักครู่ปลายทางก็รับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณแม่น้องบลูหรือเปล่าคะ” ขวัญชนกเอ่ยถามด้วยความไม่มั่นใจเมื่อได้ยินเสียงจากปลายทาง
“เอ่อ...คุณข้าวปุ้นค่ะ คือ...น้องบลูหายไปจากโรงเรียน ไม่ทราบว่าคุณข้าวปุ้นมารับน้องบลูก่อนเวลาหรือเปล่าคะ”
ขวัญชนกเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วก็ต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อปลายทางตะโกนตกใจออกมาเสียงดัง ครูสาวหน้าซีดเผือดรู้สึกผิดที่ตัวเองดูแลลูกหลานคนอื่นได้ไม่ดีเหมือนดังที่พวกเขาไว้วางใจฝากให้เธอดูแล หญิงสาวเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง คราวนี้คุณแม่ของน้องบลูเป็นคนพูดเอง
“สวัสดีค่ะ คุณปรีชยาพร คือ...หลินต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่หลินดูแลน้องบลูไม่ดี” ขวัญชนกเอ่ยขอโทษแม่น้องบลู
“น้องบลูหายไปนานหรือยังคะ” ปรีชยาพรแม่ของน้องบลูเอ่ยถามเสียงตื่นตกใจ
“สักประมาณชั่วโมงได้แล้วค่ะ หลินให้คุณพ่อส่งคนช่วยตามหาบริเวณรอบๆ โรงเรียนแล้ว แต่ก็ไม่พบ คือ...หลิน...ไม่แน่ใจว่าน้องบลูจะกลับไปที่บ้านหรือยัง”
ขวัญชนกรู้สึกผิดมากที่ต้องเอ่ยถามประโยคนี้ เพราะปกติเวลาที่ผู้ปกครองมารับนักเรียนจะต้องแสดงบัตรผู้ปกครองที่เธอทำไว้ให้และต้องมีการเซ็นต์ชื่อรับลูกด้วย
“ยังค่ะ น้องบลูยังไม่กลับมาที่บ้าน” ปรีชยาพรเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาเหมือนคนที่กำลังจะเป็นลม
“คุณปรีชยาพรคะ เดี๋ยวหลินจะไปหาที่บ้านนะคะ จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงดี”
“ได้ค่ะ ครูหลินรีบมานะคะ”
“ค่ะ ได้ค่ะ แค่นี้นะคะ หลินจะรีบไปให้เร็วที่สุดค่ะ” ขวัญชนกรีบกดวางโทรศัพท์วิ่งไปเอากระเป๋าและกุญแจรถจากห้องทำงาน หญิงสาวเดินไปหาครูจ๋าแล้วรีบสั่งงานโดยเร็ว
“จ๋า เดี๋ยวพี่จะไปที่บ้านน้องบลู จ๋าอยู่ส่งนักเรียนแทนพี่นะ” ขวัญชนกมองนักเรียนที่ผู้ปกครองมารับเกือบหมดแล้ว
“จ๋าไปด้วยได้มั้ยคะ จ๋าเป็นห่วงน้องบลู” ครูจ๋าเอ่ยขอไปด้วย เพราะเธอรู้สึกผิดที่ดูแลเด็กนักเรียนได้ไม่ดีทำให้เด็กหายไปจากโรงเรียน
“ไม่ต้องหรอก จ๋าอยู่ที่นี่แหละ นักเรียนกลับหมดแล้วจ๋าก็กลับบ้านได้เลยไม่ต้องรอพี่”
“แต่...” ครูจ๋ากำลังจะเอ่ยขอร้อง
“ไม่ต้องเถียงพี่แล้ว ทำตามที่พี่บอก”
ขวัญชนกตวาดครูจ๋าเสียงดังอย่างลืมตัว เพราะความเป็นห่วงทั้งน้องบลู และห่วงครูจ๋าด้วย เธอรู้ว่าบ้านครูจ๋าอยู่ในสลัมต้องนั่งรถเมล์หลายต่อกว่าจะถึงบ้านและเด็กวัยรุ่นแถวๆ บ้านครูจ๋าส่วนมากจะติดยากันทั้งนั้น เธอไม่อยากให้ครูจ๋ากลับบ้านดึกเกินไป
“ค่ะ จ๋าส่งนักเรียนเสร็จแล้วจ๋าจะกลับบ้านเลย” ครูจ๋าตอบรับเสียงอ๋อย
“พี่ไปแล้วน่ะ” ขวัญชนกก้าวเท้ายาวๆ ไปยังรถเก๋งที่จอดไว้ที่โรงรถ หญิงสาวไขกุญแจและกำลังจะเข้าไปข้างในรถ แต่ได้ยินเสียงนักเรียนเรียกไว้ก่อน
“ครูหลินครับ” น้องอาร์ตสะพายกระเป๋านักเรียนใบใหญ่ไว้บนบ่า ยืนทำตาปริบๆ มองครูสาว
“อ้าว!...ว่ายังไงคะน้องอาร์ต นี่คุณพ่อยังไม่มารับหรือคะ”
ขวัญชนกมองนาฬิกาข้อมือ 4โมงกว่าเกือบจะ 5โมงเย็นแล้ว น้องอาร์ตยังไม่กลับอีก เด็กนักเรียนคนอื่นๆ กลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว
“ยังครับ คุณพ่อยังไม่มารับครับ” น้องอาร์ตเอ่ยตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ปกติตอนเย็นแม่บ้านที่บ้านจะมารับน้องอาร์ตแทนคุณพ่อไม่ใช่หรือคะ”
ขวัญชนกเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตอนเย็นแม่บ้านจะเป็นคนมารับน้องอาร์ตแทนคุณพ่อ ซึ่งไม่เคยมารับลูกเลยสักวัน
“ครับ แต่วันนี้ ป้าแม่บ้านขอลากลับไปบ้านนอก 5 วันครับ คุณพ่อบอกว่าจะมารับน้องอาร์ตเอง แต่น้องอาร์ตยังไม่เห็นคุณพ่อมาเลย สงสัย...งานเยอะเหมือนเดิม” น้องอาร์ตขมวดคิ้วเอ่ยวิเคราะห์บอกครูสาว
ขวัญชนกนิ้วหน้าด้วยความไม่พอใจ เกลียดนัก...คนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อลูก จะเสียสละเวลามารับลูกไม่ได้เลยหรือยังไง หญิงสาวนึกเกลียดพ่อของน้องอาร์ต ที่ไม่ยอมมารับลูกสักทีปล่อยให้ลูกต้องรอนาน โดยปกติแล้วเธอจะรับดูแลเด็กนักเรียนที่พ่อแม่มารับไม่ทันจนถึงเวลาประมาณ 5โมงครึ่ง ซึ่งผู้ปกครองที่มารับลูกไม่ทันจะโทรมาบอกกับเธอก่อน ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะดูแลให้
“น้องอาร์ตอยู่กับครูจ๋ารอคุณพ่อมารับได้มั้ยคะ วันนี้ครูหลินมีธุระด่วนต้องไปทำ ครูหลินอยู่กับน้องอาร์ตไม่ได้” ขวัญชนกเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าสวยคมยิ้มหวานให้นักเรียนตัวน้อย
“ครูหลินจะไปหาน้องบลูหรือเปล่าครับ” น้องอาร์ตเอ่ยถาม
“น้องอาร์ตรู้ด้วยหรือคะว่าน้องบลูหายไป” ครูหลินเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“รู้ครับ น้องอาร์ตเห็นน้องบลูวิ่งออกไปนอกโรงเรียนแล้วขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูไป” น้องอาร์ตบอกพลางเอากระเป๋าใบโตออกจากบ่า เพราะยืนคุยนานแล้วรู้สึกว่ากระเป๋าจะเริ่มหนักขึ้นทุกที
“น้องบลูออกไปนานหรือยังคะ”
ขวัญชนกรับกระเป๋าจากน้องอาร์ตมาถือ หญิงสาวคุกเข่าลงกับพื้นจับแขนน้องอาร์ตไว้ ใบหน้าสวยคมเริ่มมีสีเลือดและมีความหวังขึ้นมาบ้าง
“ก็...นานเหมือนกันครับ” น้องอาร์ตทำหน้านึกนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ
“เอาแบบนี้นะคะ เดี๋ยวน้องอาร์ตไปกับครูหลิน เราจะไปบ้านน้องบลูกัน บ้านน้องอาร์ตอยู่ใกล้บ้านน้องบลูใช่ไหมคะ”
“ครับ อยู่ติดกันเลยครับ” น้องอาร์ตเอ่ยตอบแล้วเดินตามครูหลินไปขึ้นรถเก๋ง
ขวัญชนกเอากระเป๋านักเรียนไปไว้ที่เบาะหลังแล้วเปิดประตูรถให้น้องอาร์ตนั่งด้านหน้า พอน้องอาร์ตนั่งและคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็รีบขับรถออกมาจากโรงเรียน
“ครูหลินขอโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวครูหลินจะคุยด้วย” ครูสาวกดโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อเพื่อแจ้งข่าวน้องบลูกับท่าน เมื่อพลโทธิติรับสาย หญิงสาวก็รีบพูดทันที
“พ่อค่ะ หลินได้ข่าวน้องบลูแล้วค่ะ เด็กนักเรียนของหลินเห็นน้องบลูออกจากโรงเรียนแล้วขึ้นแท็กซี่คันสีชมพูไป แต่ไม่รู้ว่าไปที่ไหน คุณพ่อช่วยหลินตามหาอีกทางนะคะ”
“เด็กจำทะเบียนรถได้มั้ย” พลโทธิติเอ่ยถามมาทางโทรศัพท์
“หลินถามน้องอาร์ตก่อนนะคะ เพราะหลินพาเด็กที่เห็นน้องบลูมาด้วย”
ขวัญชนกหันหน้ามาถามน้องอาร์ต “น้องอารต์จำทะเบียนรถได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ครับ เพราะรถอยู่ไกลมาก น้องอาร์ตเห็นแค่สีรถ” น้องอาร์ตส่ายหน้าปฏิเสธทำหน้าเศร้าที่ช่วยเหลือครูสาวไม่ได้มากนัก
ขวัญชนกพยักหน้ารับแล้วพูดโทรศัพท์กับพ่อต่อ ”พ่อค่ะ น้องอาร์ตจำทะเบียนไม่ได้เพราะรถอยู่ไกลมาก”
“เดี๋ยวพ่อจะลองติดต่อกับเจ้าของอู่รถแท็กซี่ก่อน แค่นี้นะลูก” พลโทธิติกดวางสายไปเมื่อเอ่ยบอกเสร็จ
ขวัญชนกวางโทรศัพท์จากพ่อแล้วโทรเข้าเบอร์บ้านของแม่น้องบลู หญิงสาวรอประมาณ 3 นาที ก็ไม่มีใครรับสาย ลองกดโทรไปอีกครั้งก็ไม่มีใครรับสายเหมือนเดิม ครูสาวจึงกดเข้าเบอร์มือถือของข้าวปุ้นน้าสาวของน้องบลู หญิงสาวรอสักครู่ก่อนที่ปลายทางจะรับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณข้าวปุ้นใช่มั้ยคะ เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งวางสาย”
ขวัญชนกรีบตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอเป็นพนักงานขายบัตรเครดิตแล้วบอกว่าไม่ว่างรับสายให้โทรมาขายบัตรเครดิตวันหลัง
“คุณข้าวปุ้นค่ะ นี่ครูหลินเองนะคะ คือหลินจะบอกว่า น้องอาร์ตเขาเห็นน้องบลูเป็นคนสุดท้าย หลินกำลังพาน้องอาร์ตไปที่บ้านคุณข้าว
ปุ้นน่ะค่ะ” ขวัญชนกรีบบอกรัวเร็ว
“อ้าว!...คุณข้าวปุ้นไม่ได้อยู่ที่บ้านหรือคะ อ๋อ...ได้ค่ะ เดี๋ยวหลินจะตามไปที่โรงพักเลย หลินรู้จักค่ะ ให้หลินติดต่อขอพบกับ ร.ต.อ.พันธวุธ ใช่มั้ยคะ ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ”
ขวัญชนกทวนชื่อนายตำรวจที่ข้าวปุ้นบอกมาก่อนจะกดวางสายไป ขวัญชนกเปลี่ยนเส้นทางจากไปบ้านน้องบลูเปลี่ยนไปโรงพักแทน
น้องอาร์ตได้ยินชื่อของพ่อตัวเองที่ครูหลินเอ่ยพูดมาก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกำลังจะอ้าปากถามคุณครูคนสวย แต่ครูหลินเอ่ยถามออกมาก่อน
“น้องอาร์ตหิวมั้ยคะ” ขวัญชนกยิ้มหวานเอ่ยถามน้องอาร์ต
“หิวครับ หิวมากด้วย” น้องอาร์ตตอบแบบไม่เกรงใจ
ขวัญชนกยิ้มส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยบอกให้น้องอาร์ตหยิบขนมในรถมากิน
“น้องอาร์ตเห็นกล่องสีเหลืองๆ ตรงเบาะหลังมั้ยคะ ข้างในมีนมกล่อง น้ำผลไม้ ยูโร่คัสตาร์ดเค้กและก็น้ำดื่ม น้องอาร์ตปลดเข็มขัดแล้วไปหยิบมากินนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” น้องอาร์ตยกมือไหว้ขอบคุณ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องสีเหลืองที่ครูหลินบอก เด็กน้อยหยิบคัสตาร์ดเค้กมาซองหนึ่งแล้วแกะกินด้วยความหิว
ขวัญชนกมองยิ้มๆ เธอมักจะมีพวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม นมกล่องติดรถไว้เสมอ เพราะบางทีกลับบ้านดึกๆ เจอรถติดนานๆ ถ้าหิวมากๆ เธอก็หยิบพวกขนมเหล่านี้มากินแก้หิว
“น้องอาร์ตปวดตามากมั้ยคะ” ขวัญชนกเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาของน้องอาร์ตเริ่มมีรอยเขียวช้ำขึ้นมา
“เจ็บนิดหน่อยครับ” น้องอาร์ตยกมือแตะที่ขอบตาเบาๆ
“น้องบลูก็โดนพี่ต้นต่อยเหมือนกันนะครับ ตาน้องบลูเขียวเหมือนน้องอาร์ตเลย พี่ต้นเกเรชอบแกล้งคนอื่น”
น้องอาร์ตรีบฟ้องครูสาว
“เอาไว้ครูหลินจะพาไปหาหมอนะคะ” ขวัญชนกยิ้มเจื่อนๆ ให้ลูกศิษย์ตัวน้อย
“ครูหลินจะไปหาคุณตำรวจหรือครับ” น้องอาร์ตเอ่ยถาม มือเล็กๆ หยิบคัสตาร์ดเค้กมาแกะกินอีกซอง ตามด้วยนมกล่องอีกกล่องใหญ่
“ค่ะ ครูหลินจะไปหาคุณตำรวจที่ชื่อ พันธวุธ ครูหลินไม่รู้จักเลย ไม่รู้จะหาเจอหรือเปล่า น้าข้าวปุ้นเขาไม่ได้บอกนามสกุลด้วยสิ”
ขวัญชนกบ่นในตอนท้าย เธอเองก็สะเพร่า...ไม่ยอมถามนามสกุลของนายตำรวจที่ข้าวปุ้นบอก
“น้องอาร์ตรู้จักครับ” น้องอาร์ตเงยหน้าจากกองขนมยิ้มแป้นบอกครูสาว
“จ้ะ เก่งจังเลย” ขวัญชนกนึกว่าน้องอาร์ตพูดเล่น จึงเอ่ยชมเหมือนชมเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียน
“น้องอาร์ตรู้จักจริงๆ นะครับ” น้องอาร์ตทำสีหน้าจริงจัง
“ค่ะ ครูหลินเชื่อค่ะ แป๊บหนึ่งนะคะ ครูหลินขอจอดรถก่อน เดี๋ยวเราเข้าไปถามหาคุณตำรวจที่ชื่อพันธวุธพร้อมกันเลย” ขวัญชนกเอ่ยบอกยิ้มๆ เธอขับรถมาถึงโรงพักที่ข้าวปุ้นบอกแล้ว หญิงสาวจอดรถไว้ใกล้กับรถตำรวจ2-3 คันที่จอดเรียงกันอยู่
“น้องอาร์ตลงมาลูก เดี๋ยวเราขึ้นไปบนโรงพัก”
ขวัญชนกลงมาจากรถส่งมือให้น้องอาร์ตจับ หญิงสาวกุมมือเด็กน้อยไว้แล้วพาขึ้นไปบน สน. เธอเดินเข้าไปหาร้อยเวรหนุ่มพลางยิ้มหวานให้อย่างเป็นมิตรและถามหา ร.ต.อ.พันธวุธ ตามที่ข้าวปุ้นบอกไว้
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า ร.ต.อ.พันธวุธ อยู่หรือเปล่าคะ ดิฉันมาขอพบท่านค่ะ”