บทที่ 4 (1)
“นัดโชว์ใบหย่าพร้อมกับเมคเลิฟพากันขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด เลวทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิง”
ธิติสบถลั่นหลังจากได้ยินคำสนทนาของคนทั้งสอง แน่นอนว่าเขาส่งลูกน้องให้ไปติดเครื่องดักฟังในคอนโดของไบรอัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโทร.หาใคร เขาก็ล่วงรู้ในทุกคำ
พูด
และอารมณ์โกรธก็พุ่งขึ้นสูงในทุกขณะ ที่ได้ฟังเสียงการสนทนาของชายหญิงคู่นี้ พอนึกถึงใบหน้าอันปูดบวมของน้องสาว ซึ่งถูกไบรอันทำร้ายในตอนทะเลาะกัน ก็ยิ่งโกรธจัดมากกว่าเดิม
“อคิรา! เธอเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตครอบครัวของวรรณศรใช่ไหม” ความโกรธที่มีอยู่ทั้งหมดทั้งมวล กำลังจะตกอยู่ที่อคิรา
“ผมจะไม่ยอมให้คุณทำลายชีวิตของวรรณศรได้เป็นอันขาด”
ธิติเค้นเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.หาลูกน้องคู่ใจ พอลูก
น้องกดรับสายแล้วก็สั่งการรัวเร็วในทันที
“พอล เราจะไม่เข้าบริษัทสักอาทิตย์สองอาทิตย์ นายดูแลงานแทนเราด้วย”
ปลายทางที่รับสายของผู้เป็นเจ้านาย เต็มไปด้วยความงุนงงกับคำสั่งที่ไม่ได้รับความกระจ่างมากนัก แต่กระนั้นก็รับคำเจ้านายว่า
“ได้ครับ เจ้านาย”
พอลรับคำ กำลังจะเอ่ยถามเจ้านายบ้าง แต่ก็ได้รับคำสั่งใหม่ และนั่นทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าเจ้านายมีธุระสำคัญในเรื่องใดถึงไม่อาจเข้ามาทำงานได้
“จัดการระงับบัตรเครดิตของไบรอันด้วย มีบัตรกี่ใบ นายระงับให้หมด”
“แบบนี้ไบรอันก็แย่สิครับเจ้านาย ไม่มีบัตรเครดิตไว้รูดใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนที่ผ่านๆ มา”
ที่พูดออกไปนั้นหาใช่เพราะสงสารสามีของวรรณศรไม่ แต่เป็นเพราะความสะใจมากกว่า เพราะพอลรู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตคู่อันไม่ราบรื่นสักเท่าไรระหว่างวรรณ
ศรและไบรอัน อีกทั้งรู้ว่าไบรอันนอกใจภรรยาเป็นประจำโดยไม่สนใจว่าผู้เป็นภรรยาจะเจ็บช้ำน้ำใจมากเพียงใด
“คงได้กระอักเลือดแน่ที่ไม่มีเงินใช้แม้แต่เหรียญเดียว เราอยากรู้นักว่าพอไม่มีเงินแล้วจะมีผู้หญิงหน้าไหนมาหลงรักมันอีก”
ขณะเค้นเสียงออกมานั้น ดวงตาคมกริบแข็งกร้าวด้วยไฟโทสะ แน่นอนว่าผู้
หญิงที่เขากำลังพูดถึงคืออคิรา ผู้หญิงร่านที่มาติดพันไบรอันโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายมีภรรยาแล้ว และไบรอันก็เลวไม่แพ้กันที่มักมากไม่รู้จักพอ ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา
“หลังจากวางสายจากเจ้านายแล้วผมจะจัดการทันทีครับ ว่าแต่...คอนโดละครับ เจ้านายจะให้ผมจัดการอย่างไรครับ”
พอลรอคำสั่งจากเจ้านาย และก็กระตุกยิ้มเย็นกับคำสั่งจัดการเด็ดปีกของไบรอันในทุกทาง
“บอกกับเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโด ห้ามไม่ให้ไบรอันขึ้นไปพักบนห้องอีก หากมันโวยวาย ให้โทร.แจ้งตำรวจจับได้เลย”
“ครับ เจ้านาย” พอลรับคำสั่งในทันที “งานนี้ไบรอันได้มีกระอักเลือดแน่”
“ใช่! ไม่มีคอนโดหรูให้ซุกหัวนอน แถมยังไม่มีบ้านให้อยู่ อยากรู้นักว่ามันจะทำยังไงต่อไป”
ธิติกระตุกยิ้มเย็นกับการจัดการน้องเขยจอมเจ้าชู้ขั้นเด็ดขาด แน่นอนว่าเขามีคำสั่งห้ามไม่ให้ไบรอันพักในคอนโดหรูในเมืองลาสเวกัส เพราะเขาเป็นเจ้าคอนโดนั่นเอง ส่วนคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาซื้อให้เป็นเรือนหอของน้องสาว ก็มีคำสั่งห้ามไม่ให้ไบรอัน
กลับไปเหยียบเช่นเดียวกัน
“ถ้ายังงั้นผมต้องรีบทำให้ไอ้ไบรอันกลายเป็นคนไร้บ้านให้เร็วที่สุด”
พอลเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะร่วน สร้างความถูกใจให้กับผู้เป็นเจ้านายเป็นอย่างมาก เพราะมั่นใจว่าพอลจะสามารถจัดการตามคำสั่งของได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“แค่นี้แหละพอล เราจะไปจัดการกับผู้หญิงแพศยา ที่เป็นตัวบ่อนทำลายความ
สุขของวรรณศรบ้าง”
ธิติกดวางสายการสนทนาจากพอล ก่อนจะโทร.หาลูกน้องอีกคน ซึ่งเขาสั่งให้เฝ้าติดตามอคิราตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง
“ตอนนี้ผู้หญิงอยู่ที่ไหน” ธิติเอ่ยถามในทันทีที่ลูกน้องกดรับสายแล้ว
“เธอเพิ่งขับรถเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ บ้านพักของเธอครับ เจ้านาย”
“เธอมาคนเดียวหรือมีเพื่อนมาด้วย”
“คนเดียวครับ”
ผู้เป็นลูกน้องเอ่ยรายงาน โดยที่สองตาจ้องมองอคิราไม่กะพริบตา ขณะหญิงสาวก้าวลงจากรถยนต์แล้วเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่
“เฝ้าเธอไว้อย่าให้คลาดสายตา เราจะจัดการเธอในวันนี้”
ธิติสั่งเสียงเหี้ยม จากนั้นก็กดวางสายแล้วผุดลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานของตน แต่ไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้อง ก็เห็นน้องสาวเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกาแฟและอาหารว่างที่วางอยู่บนถาดเงิน
“พี่ธิจะไปไหนคะ ศรเอากาแฟกับขนมมาให้พี่ธิค่ะ” วรรณศรเอ่ยถามกับท่าทีเร่งรีบของพี่ชาย ที่กำลังจะก้าวเดินออกจากห้องทำงาน
ธิติคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับน้องสาว เอ่ยตอบพร้อมกับรับกาแฟมาจากอีกฝ่ายด้วย
“พี่จะเข้าไปในบริษัทสักพัก ศรอยู่คนเดียวได้ไหม”
“ได้สิค่ะ” วรรณศรรับคำ เอ่ยบอกต่อให้พี่ชายหมดกังวลในตัวเธอ “บ้านของพี่ธิมีคนรับใช้ตั้งหลายคน ศรอยู่ได้ค่ะ พี่ธิไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ธิติพยักหน้าคลายความเป็นห่วงได้บ้างกับคำตอบที่ได้รับ “ถ้ามีอะไรศรบอกคนรับใช้ได้เลย เดี๋ยวพี่จะให้พอลมาอยู่เป็นเพื่อนศรด้วย”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ศรอยู่ได้ค่ะ” วรรณศรรีบปฏิเสธในทันที ไม่อยากให้ลูกน้องคนสนิทของพี่ชายต้องลำบากมาอยู่เฝ้าเธอ
“แน่ใจนะว่าอยู่ได้” ธิติถามย้ำ สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงน้องสาว มีความรู้สึกว่าน้องสาวเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็ไม่ปาน
และวรรณศรก็ย้ำคำเสียงหนักแน่นให้พี่ชายได้สบายใจ “ศรอยู่ได้ค่ะ พี่ธิไปทำ
งานเถอะค่ะ แต่ก่อนไปต้องกินขนมที่ศรทำให้หมดก่อนนะคะ”
ธิติพยักหน้ารับ หลุบสายตามองชีสเค้กที่น้องสาวยื่นมาให้ ในใจนั้นอยากบอก
น้องสาวว่าตนไม่ชอบกินเค้ก ไม่ชอบของหวานๆ แต่ก็อาจทำให้น้องสาวเสียใจได้ จึงรับชีสเค้กมากินจนหมดเกลี้ยง
“ศรทำชีสเค้กได้อร่อยมาก” ขณะเอ่ยชม ธิติก็ยื่นจานใส่ชีสเค้กให้น้องสาวคืน
“จริงหรือคะ ศรทำชีสเค้กได้อร่อยจริงหรือคะ”
“จริงสิ พี่จะโกหกศรทำไม ศรเปิดร้านเบเกอรี่ขายขนมเค้กได้สบายๆ เลย”
คำชมของพี่ชายทำเอาวรรณศรยิ้มหน้าบาน ดวงตาเป็นประกายกับคำแนะนำในตอนท้ายของพี่ชาย
“เปิดร้านเบเกอรี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ ศรจะได้มีอะไรทำ ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวใจ”
ธิติตบเบาๆ ลงบนบ่าของวรรณศรเพื่อเป็นการให้กำลังใจ รู้ว่าน้องสาวเสียใจและช้ำใจมากเพียงใดกับการกระทำของสามีที่เจ้าชู้ไม่เลือกหน้า
“ถ้าศรคิดจะเปิดร้าน เดี๋ยวเปิดในชั้นล็อบบี้ของโรงแรมเราก็ได้ รับรองว่ามีลูกค้ามากมายที่ติดใจรสชาติชีสเค้กแสนอร่อยของศร”
“ค่ะพี่ธิ แต่ศรขอคิดดูก่อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจได้เมื่อไรก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่จะจัดการทุกอย่างให้”
“ค่ะ” วรรณศรรับคำ สังเกตเห็นว่าพี่ชายเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือหลายครั้งแล้วจึงเอ่ยไล่พี่ชายว่า “พี่ธิไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวศรจะไปหัดทำเค้กต่อค่ะ”
“ถ้ายังงั้นพี่ไปก่อนนะ”