บทที่ 2 (1)
ไบรอันกลับบ้านพร้อมกับพกอาการหงุดหงิดหัวเสียมาอย่างเต็มที่ ตอนออกจากบ้าน เขาหวังว่าจะได้ขึ้นสวรรค์กับอคิราสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ทำให้เลือดในการของเขาเดือดพล่านได้ในตลอดเวลา แต่พอหญิงสาวเล่นตัวและบ่ายเบี่ยงทุกอย่าง ทำให้เขาเต็มไปด้วยความโมโห หงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อไม่ได้ฟันอคิราตามที่ต้องการ
“บ้าชะมัด! นังอคิรา จะเล่นตัวไปถึงไหน สักวัน! เธอจะต้องนอนร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของกู”
ไบรอันสบถอย่างหัวเสีย โดยไม่รู้ว่าผู้เป็นภรรยาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง และได้ยินคำพูดของเขาทุกถ้อยคำ
‘วรรณศร’ กำมือแน่นขบกรามเข้าหากันเมื่อได้ยินสามีเพ้อถึงผู้หญิงอื่น
“ออกไปสมสู่กันยังไม่พอ กลับมายังเพ้อถึงมันอีกหรือ”
ไบรอันหันขวับตามที่มาของน้ำเสียง ตีสีหน้าบึ้งตึงถลึงตาใส่ภรรยา ก่อนจะตะคอกต่อว่าเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้า
“ใครไปสมสู่กับใคร พูดจาให้ดีๆ หน่อย”
“หรือมันไม่จริง คุณออกไปล่อกับนังผู้หญิงคนนั้น พอกลับมาก็เพ้อถึงมันอีก มันมีอะไรดีนัก คุณถึงได้คิดถึงมันตลอดเวลา”
วรรณศรโยนภาพถ่ายของอคิราในทุกอิริยาบถ ซึ่งเธอได้ภาพจากนักสืบที่จ้างให้คอยติดตามผู้หญิงคนนี้ ใส่หน้าอกของสามีด้วยความโกรธจัด
ไบรอันหลุบสายตามองภาพของอคิราที่ปลิวตกอยู่บนพื้น ซึ่งบางภาพมีภาพของเขากับอคิราระหว่างนั่งดินเนอร์ด้วยกันในร้านอาหารด้วย
“นี่คุณสั่งให้นักสืบคอยติดตามผมยังงั้นหรือ”
“ใช่! ฉันจ้างนักสืบให้สะกดรอยตามคุณและนังผู้หญิงคนนี้ ฉันอยากรู้ทุกอย่าง
ที่เกี่ยวกับมัน อยากรู้ว่าคุณกับมันไปสมสู่กันที่ไหน เวลาไหนบ้าง ยิ่งมีภาพระหว่างคุณกับมันสมสู่กันด้วยยิ่งดี ฉันจะได้ประจานให้อายกันไปข้างว่ามันมาแย่งผัวของฉัน”
เผียะ!
ไบรอันโกรธจนลืมตัว ยกมือตบลงบนใบหน้าของภรรยาเต็มแรงจนร่างบางเซถลาล้มลงกองกับพื้นไม่ต่างจากนกปีกหัก
“ไบรอัน! คุณตบหน้าฉัน!”
วรรณศรยกมือกุมใบหน้าของตัวเอง ร้องไห้โฮเสียงดัง ไม่คิดว่าสามีจะกล้าทำกับเธอถึงเพียงนี้
แรงของผู้ชายที่ตบใบหน้าของภรรยาเต็มแรงเพราะความโกรธจัด ถึงกับทำให้เลือดกบปาก แต่แทนที่จะรู้สึกผิดและสงสารผู้เป็นภรรยา ไบรอันกลับชี้นิ้วด่าต่อ
“หยุดพูดหยาบคายใส่ร้ายอคิราได้แล้ว และไม่จำเป็นต้องจ้างนักสืบให้เปลืองเงิน ถ้าอยากรู้ว่าผมพาอคิราไปเสวยสุขด้วยกันในโรงแรมไหน เวลาใด ผมจะบอกคุณกับเอง”
“กรี๊ดดด...”
วรรณศรกรีดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดหัวใจ เมื่อผู้เป็นสามีปกป้องผู้หญิงอื่นและทำร้ายจิตใจของเธอไม่เลิก
“ทำไม...ทำไมต้องปกป้องมันด้วย ที่ผ่านๆ มามีผู้หญิงให้เสพสุขไม่พอหรือยังไง ทำไมคุณถึงไม่หยุดสักที”
“ผมจะหยุด! ก็ต่อเมื่อผมได้แต่งงานกับอคิราแล้ว”
คำตอบที่เป็นดั่งเส้นแส้พาดลงบนหัวใจให้เลือดอาบนอง ทำเอาวรรณศรถึงกับอ้าปากกว้าง น้ำตาไหลริน ขณะละล่ำละลักเอ่ยถามกลับคืน
“มะ...หมายความ...ว่ายังไง...”
“ทำไมถึงเกิดโง่ขึ้นมาละ” ไบรอันตะคอกด่าดังลั่น ย้ำคำพูดให้วรรณศรต้องร้อง
ไห้โฮมากกว่าเดิม “ผมต้องการหย่ากับคุณ และแต่งงานกับอคิรา”
“ไม่! ฉันไม่หย่า...ฉันรักคุณนะคะไบรอัน ฉันไม่หย่า...”
“แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้ว และจะหย่าให้ได้” แต่ละคำที่เค้นออกมาไม่มีถนอมน้ำ
ใจของภรรยาแม้แต่นิดเดียว
“ไบรอัน!”
วรรณศรเรียกสามีด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากสามีที่เธอรักมากกว่าชีวิตของตัวเอง และก็ต้องร้องไห้เจ็บหนักกว่าเดิม เมื่อไบรอันยื่นคำขาดว่า
“กำหนดวันหย่ามาเลย ไม่เช่นนั้นผมจะฟ้องหย่ากับคุณ!”
“ไบรอัน!”
วรรณศรตะโกนลั่น และเมื่อเห็นสามีเดินออกจากบ้านโดยไม่สนใจเธอ ก็ตะโกนเรียกตามหลัง
“คุณจะไปไหน คุณไบรอัน”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีคุณ รู้เอาไว้ด้วยว่าผมเบื่อคุณจวนจะอาเจียนเต็มทนแล้ว”
ไบรอันตะโกนตอบโดยไม่หันมามองหน้าภรรยา ไม่สนใจภรรยาที่ยังคงนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นพรม
“ไบรอัน...”
วรรณศรครางเรียกสามีด้วยใบหน้าที่นองด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากยังคงมีเลือดแห้งกรังและบวมเจ่อจากพิษฝ่ามือของสามีที่เธอรักหนักหนา
และเมื่อเหลือบสายตาเห็นรูปภาพของผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุของความแตกแยกระหว่างเธอกับสามี ซึ่งตกอยู่บนพื้น ก็เค้นเสียงห้วนเพราะความเคียดแค้น
“เพราะมึง! เพราะมึงคนเดียวทำให้ครอบครัวของกูต้องเป็นแบบนี้ กูจะไม่เก็บมึงไว้ให้เป็นมารหัวใจแน่ นังอคิรา”
วรรณศรคว้ารูปภาพของอคิรามาขย้ำเป็นก้อนกลม บางภาพที่มีภาพของไบรอันคู่กับอคิรา ก็ฉีกทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยความโกรธจัด กระทั่งไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ที่แล่นมาจอดอยู่หน้าบ้าน และไม่รับรู้ถึงการมาถึงของผู้เป็นพี่ชาย
‘ธิติ ไคลน์’ นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวและคาสิโนในลาสเวกัส และเป็นพี่ชายของวรรณศร ได้รับข้อความจากน้องสาวว่าไม่ค่อยสบาย จึงรีบมาหาน้องสาวในทันทีที่จัดการเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว
แต่กว่าจะขับรถฝ่าด่านรถติดในชั่วโมงเร่งด่วนได้ ก็มาถึงคฤหาสน์ของน้องสาวที่อยู่ชานเมืองเป็นเวลาสามทุ่มกว่า
“สามทุ่มเกือบสี่ทุ่มแล้ว ศรจะรอกินข้าวกับพี่หรือเปล่านะ”
ธิติบ่นอุบด้วยความเป็นกังวลขณะหลุบสายตามองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนแพง ตอนที่อ่านข้อความและรับโทรศัพท์จากน้องสาว เขาสัญญาว่าจะมาทานมื้อค่ำกับเธอด้วย แต่เพราะการจราจรที่ไม่เป็นใจ ทำให้เขามาถึงบ้านของน้องสาวล่าช้า จึงเกรงว่าน้องสาวอาจจะหิวข้าวจนทนรอไม่ไหวและรับประทานมื้อค่ำไปก่อนแล้วก็ได้
“ศรคงโกรธแน่ๆ ที่เราผิดนัดเกือบหนึ่งชั่วโมง” ธิติยังคงบ่นไม่เลิก สีหน้าติดกังวลขณะก้าวเท้าลงจากรถ
หลังจากบุพการีหมดอายุขัยแล้ว ชายหนุ่มก็เหลือน้องสาวเพียงคนเดียว ซึ่งเขาทั้งรักและเป็นห่วงวรรณศรมาก แม้วรรณศรจะออกเรือนแต่งงานไปแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนมาหาน้องสาวไม่มีขาด และไม่ว่าวรรณศรต้องการอะไร แค่เพียงให้บอก เขาก็พร้อมทำตามความต้องการของน้องสาวทุกอย่าง
แน่นอนว่า คฤหาสน์หลังงามมูลค่านับสิบล้านแห่งนี้ เขาก็เป็นคนสร้างให้กับน้องสาว เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานกับไบรอัน
และด้วยเป็นห่วงน้องสาว พอก้าวลงจากรถยนต์แล้ว ธิติก็เดินเร็วๆ เข้ามาภาย
ในคฤหาสน์หรู กำลังจะตะโกนเรียกน้องสาว แต่แล้วก็ต้องชะงักงัน เมื่อสายตามองปะ
ทะกับร่างบางของวรรณศร ที่นั่งอยู่บนพื้นพรมและมีเสียงสะอื้นร่ำไห้เล็ดลอดออกมาให้ได้ยินด้วย
“ศร...เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม”
ธิติรีบเข้าไปประคองร่างบางของน้องสาว และเมื่อวรรณศรเงยหน้าอันนองด้วยน้ำตาขึ้นมอง ชายหนุ่มก็ต้องตกใจ กัดฟันกรอดกับสภาพขอบตาที่บวมแดงก่ำ ซ้ำร้ายตรงมุมปากยังบวมเจ่อมีเลือดแห้งกรังติดอยู่ด้วย
“พี่ธิ...” วรรณศรเงยหน้ามองพี่ชาย เอ่ยเรียกได้เพียงเท่านั้นก่อนจะร้องไห้โฮเสียงดัง สวมกอดพี่ชายไว้แน่น
“บ้าชะมัด! ทำไมมีเลือดตรงมุมปาก ไอ้ไบรอันมันทำร้ายศรใช่ไหม”
ธิติถามเสียงดัง กัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ แม้วรรณศรยังไม่ตอบ แต่เขาก็มั่น
ใจว่ารอยฝ่ามือที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของน้องสาวเป็นฝีมือของสามีเธอ
แม้ไม่อยากบอกความจริงกับพี่ชาย แต่วรรณศรก็รู้ว่าไม่มีทางปิดบังได้ จึงพยักหน้ารับทั้งน้ำตานองใบหน้า
“ไบรอัน...ตบ...ตบหน้าศรค่ะ”
“นรก! ไอ้ไบรอัน มันได้เจอกับพี่แน่”
ธิติสบถลั่นสีหน้าถมึงทึงดวงตาลุกวาวน่ากลัว ขณะเค้นเสียงถึงน้องเขยที่ลงไม้ลงมือกับน้องสาวของเขา