ตอนที่ 1 ผู้หญิงแสนเชยที่ไม่ถูกชะตา (4)
“พี่จะพยายาม” บอกเสียงแผ่วพลางหลับตา ก่อนจะรีบลืมตาขึ้น และปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุดเมื่อนางธยานีหันมาคุยด้วย
“อาว่าทั้งสองคนมานั่งอ่านหนังสือดูทีวีรอดีกว่านะ อีกไม่นานคุณหมอคงพาตารามมาส่งแล้วละ…อาว่าเดี๋ยวอาไปเอาผลไม้มากินเล่นด้วยดีกว่า”
“หนูช่วยค่ะ” ว่าแล้วนิพาดาก็ลุกขึ้นเดินตามนางธยานีไปปอกผลไม้ใส่จาน หวังให้การที่ได้ทำโน่นทำดีจะช่วยลดความประหม่าลงดีกว่านั่งอยู่เฉย ๆ และมันเหมือนจะได้ผล เธอลืมเรื่องรามิลไปพักใหญ่จนกระทั่งร่างสูงของรามิลที่นั่งอยู่บนรถเข็นถูกบุรุษพยาบาลเข็นกลับเข้ามาในห้อง โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามมาไม่ห่าง
ธนภูมิหรี่ตามองผู้หญิงคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างพิจารณา เขาไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน เธอเป็นใคร จะว่าพยาบาลก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ใส่ชุดพยาบาล หุ่นก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ผมเกล้ารัดตึงไว้ตรงท้ายทอยกับแว่นตาราวกับคนแก่นั่นมันอะไร การแต่งตัวก็เรียบร้อยได้อีก กระโปรงทรงเอสีดำยาวเหนือเข่าเล็กน้อยเสื้อคอปิดสีขาวแขนยาวที่มีเข็มขัดเล็ก ๆ รัดที่เอวครูระเบียบหลุดมาจากโรงเรียนไหนเนี่ย
แต่ทั้งหมดทั้งมวล โดยรวมของหญิงสาวก็ไม่ทำให้เขาขัดหูขัดเท่ากับมือของเจ้าหล่อน ที่วางอยู่บนท่อนแขนของรามิลตลอดเวลา แถมหน้าตาที่เคยนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ของรามิลกับมีรอยยิ้มบาง ๆ แตะอยู่ที่ริมฝีปากด้วย ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ และแน่ใจว่ายังไงก็ไม่ใช่ญาติของว่าที่พี่เขยหน้าตายของเขาแน่นอน เพราะตอนงานหมั้นที่จัดขึ้นเล็ก ๆ มีเฉพาะคนในครอบครัวไม่มีผู้หญิงคนนี้ในงาน ธนภูมิคิดพลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“อ้าว กะทิมาด้วยเหรอจ๊ะ…แล้วไปไงมาไงถึงได้มาพร้อมตารามละเนี่ย” นางธยานีทักคนมาใหม่ด้วยท่าทีสนิทสนม
ธิษณามดีผละจากรามิลที่ถูกเข็นเข้าห้องพัก แล้วยกมือไหว้นายอชิตพลและนางธยานี “ระหว่างจะมาที่นี่เจอพี่รามกำลังถูกเข็นมาพอดีน่ะค่ะ เลยได้มาพร้อมกัน”
“แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ”
คนถูกถามก้มลงมองตัวเองยิ้ม ๆ “หนูเพิ่งกลับมาจากไปพบผู้ปกครองของเด็กคนหนึ่งนะคะ เขาอยากฝากลูกของเขาที่โรงเรียนแต่อยากคุยด้วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หนูเลยต้องไปคุยกับเขาหน่อย” ธิษณามดีเจ้าของโรงเรียนเตรียมอนุบาล ‘ธิษณามดี’ แต่คนส่วนใหญ่ชอบเรียกสั้น ๆ ว่าโรงเรียน ‘ครูกะทิ’ มากกว่า ซึ่งรับดูแลและสอนเด็กตั้งแต่อายุสองขวบครึ่งไปจนถึงหกขวบบอกกับผู้สูงวัยที่รักและเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่ด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ มิน่าล่ะ” พูดเพียงเท่านั้น อย่างรู้กันดีว่าธิษณามดีต้องแต่งตัวอย่างนี้ก็เพราะเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลที่อายุยังไม่มากเท่าไหร่ กอปรกับใบหน้าที่เด็กกว่าอายุจริง เวลาไปโรงเรียนหรือไปพบผู้ปกครองของเด็กเป็นการส่วนตัว หญิงสาวก็จะแต่งตัวในลักษณะนี้เพื่อให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ ก่อนนางจะหันมาแนะนำหนุ่มสาวที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนให้ได้รู้จักกันเอาไว้
“เอ่อนี้กะทิ ป้าจะขอแนะนำให้รู้จัก นี่หนูนีน่าเป็นคู่หมั้นของตาราม และนี้น้องชายของหนูนีน่าชื่อไทนี่จ้ะ แล้วก็หนูนีน่า ไทนี่ นี่หนูกะทิเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกับครอบครัวของอามาก ๆ จ้ะ”
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้คนที่นางธยานีเพิ่งแนะนำให้รู้จักด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร แต่มันก็คงเป็นมิตรกับเฉพาะคนพี่ละมั้ง เพราะตอนเธอหันไปไหว้คนน้องหน้าตาบ่งบอกเลยว่าไม่ได้ยินดีที่จะรู้จักกับเธอสักเท่าไหร่ แล้วใครสน เธอคิดแล้วหันไปยิ้มให้กับนิพาดา “ได้ยินชื่อพี่นีน่าจากคุณลุงคุณป้าและพี่รามมาหลายครั้งแล้ว ดีใจมาก ๆ เลยค่ะที่วันนี้ได้เจอตัวจริงเสียที สวยอย่างที่กะทิคิดเอาไว้เลยนะคะเนี่ย” ธิษณามดีเอ่ยปากชมนิพาดาอย่างจริงใจ หากแต่ในสายตาธนภูมิกลับคิดว่าหญิงสาวกำลังเสแสร้งแกล้งทำดีตบตามากกว่า ไว้พี่สาวเขาเผลอเมื่อไหร่ แม่ครูระเบียบคงแทงข้างหลังแน่ ๆ แอ๊บแบ้วใสซื่ออย่างนี้ละตัวดี