ตอนที่ 1 ผู้หญิงแสนเชยที่ไม่ถูกชะตา (3)
“เจ้นีน่า !” ธนภูมิเรียกพร้อมกับเดินเข้าไปดึงพี่สาวเข้ามามองใกล้ ๆ ตั้งหัวจรดปลายเท้า จากนั้นก็เดินเอามือไพล่หลังเดินมองวนไปจนรอบร่างเพรียวระหงในแบบที่แตกต่างไปจากทุกวันอย่างพิจารณา หาข้อแตกต่างระหว่างพี่สาวฝาแฝดสองคน แต่ก็ไม่มีเลย “เหมือนสุด ๆ เลยพี่รีน่า มองยังงั้ยยังไงก็เจ้นีน่ามิผิดเพี้ยน”
“จริงเหรอ” หญิงสาวยังคงถามอย่างไม่มั่นใจ แม้คนอื่น ๆ จะบอกว่าบอกว่าเธอกับน้องสาวนั้นหน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ แต่พอมาเป็นแบบนี้ไม่รู้ทำไมมันรู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย
“จริงสิครับ ถ้าไม่รู้ว่าเจ้นีน่าหนีเที่ยวนะ ผมคงคิดว่าพี่รีน่าเป็นเจ้นีน่าแน่ ๆ” พอธนภูมิบอกย้ำความมั่นใจที่ดูท่าจะติดลบก็เริ่มดีขึ้น และยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อคนเป็นพ่อและแม่เอ่ยปากชมขึ้นมาเหมือนกัน
“พ่อเองเห็นแล้วยังตกใจเลยนะ ไม่คิดว่าพอแต่งตัวแบบนี้แล้ว รีน่ากับนีน่าแทบจะหาความต่างไม่เจอเลย”
“แม่ว่านาน ๆ รีน่าเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวก็สวยดีนะ” นางประณาลีเอ่ยชมพลางมองนิพาดาที่วันนี้อยู่ในชุดเดรสสั้นแขนกุด ตัวเสื้ออัดพลีทตัดต่อกระโปรงเข้ารูปสีน้ำตาลบวกกับการแต่งหน้าออกโทนสีดำเน้นความคมชัดโฉบเฉี่ยวของดวงตา ทำให้สาวหวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวในทันที
“ขอบคุณค่ะ” คนถูกชมยิ้มรับแบบเขิน ๆ กำลังใจมาเต็ม เอาละปัญหาเรื่องรูปลักษณะภายนอกตัดไป ต่อไปเธอก็แค่พยายามทำตัวให้เป็นนิภาธรให้แนบเนียนที่สุด และหวังว่าอีกไม่นาน พ่อของเธอจะตามตัวน้องสาวสุดแสบเจอ
“แต่ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะเหมือนกันราวกับคนเดียว พี่รีน่าก็อย่าประมาทไปละ ว่าที่พี่เขยหน้าตายนั่นน่ะดูท่าทางฉลาดทีเดียว และยิ่งเงียบเรายิ่งไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ระวังให้ดีละ” คำเตือนของธนภูมิ ทำให้ความประหม่าที่เกือบจะหมดไปจากใจของนิพาดากลับเข้ามาอีกครั้ง และคราวนี้ยิ่งเพิ่มความกดดันหนักเข้าไปอีก จนคิ้วเรียวสวยแทบจะผูกกันเป็นโบ
“ไทนี่ก็อย่าไปพูดให้พี่เขาหมดความมั่นใจสิ จะไปเยี่ยมคุณรามไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะนี่มันก็สายมากแล้วนะ” นางประณาลีไล่ เพราะยิ่งอยู่ลูกชายก็ยิ่งพูดมาก
“จริงด้วย” นิพาดาพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วหันไปสะกิดน้องชายที่วันนี้ เธอลากตัวไปโรงพยาบาลด้วย เพราะยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับรามิลในนามของนิภาธรเพียงลำพัง อีกทั้งเผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว และน้องชายของเธอคนนี้ก็ได้ชื่อว่าลื่นเป็นปลาไหล โกหกเป็นไฟ เรียกทั่วไปก็คือ ‘ตอแหล’ เก่งนั่นเอง
“ไปกันเถอะไทนี่ เอ่อ พ่อคะถ้าได้ความคืบหน้าเรื่องนีน่ายังไงโทรบอกหนูด้วยนะคะ” หันมาบอกกับคนเป็นพ่อที่ใช้เส้นสายของคนรู้จัก ให้ตรวจสอบการเดินทางของนิภาธรว่าได้ออกนอกประเทศหรือยังอยู่ที่เมืองไทย คนตามจะได้ตามตัวถูกที่
“ได้ ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวพ่อจะรีบโทรบอกทันที”
“งั้นหนูไปนะคะ ไปไทนี่” ว่าแล้วก็ลากแขนน้องชายที่ไม่ค่อยจะเต็มใจไปด้วยเท่าไหร่นัก เพราะต้องยกเลิกนัดกับสาว ๆ ไปถึงสองคน ไปที่รถ แล้วตรงไปยังโรงพยาบาล โดยตลอดทางธนภูมิที่ทำหน้าที่พลขับก็จะคอยชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปทั่ว ทั้งนี้ก็เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายและลดความประหม่าลงบ้าง
สองพี่น้องไปถึงห้องพักฟื้นก็พบเพียงคุณอาทั้งสองของรามิล ส่วนตัวรามิลนั้นคุณหมอนำตัวไปสแกนสมองเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง ตามความต้องการของคนเป็นญาติ และนั่นทำให้นิพาดาที่หวาดหวั่นการเผชิญหน้ากับรามิลลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่สามารถยืดเวลาออกไปได้อีกแม้เล็กน้อยก็ตามที
“ผมว่าพี่ทำตัวตามปกติก็ได้นะ อย่าเกร็งนักเลย เชื่อเถอะ ไม่มีใครรู้หรือคิดระแคะระคายหรอกน่าว่าพี่นะไม่ใช่เจ้นีน่า เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วอย่างนี้” ธนภูมิกระซิบปลอบ เมื่อเห็นพี่สาวนั่งตัวเกร็งแทบจะลืมหายใจเลยละมั้ง สีหน้าก็ดูกังวลเกินเหตุ แถมมือก็ยังเย็นเฉียบราวกับซากศพ