บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

Chapter 3

แอร์เย็นๆ ที่ปะทะเข้ากับร่างกาย ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมา ดวงตาของเขาค่อยๆ ลืมขึ้นมาช้าๆ ภาพที่ไม่คุ้นตาปรากฏขึ้น สมองของเขารับรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขาแน่

“เฮ้ย” ยอเรกุลีกุจอลุกขึ้นพลางมองไปรอบๆ ตัว ความทรงจำของเขาค่อยๆ กลับมาจนเขาจำเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

“นึกว่าตายไปซะแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนจะปรากฏกายชายอีกคนที่กำลังเดินถือแก้วน้ำออกมาจากห้องครัว

“คุณเป็นใคร” ชายแปลกหน้าทำหน้าฉงนกับคำถามของยอเร เขานั่งยังโซฟาตัวตรงข้ามพลางวางแก้วน้ำลง

“ฉันต่างหากที่ต้องถาม ว่าแกเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาวิ่งตัดหน้ารถฉัน” พอได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ยอเรก็จำได้ทันทีว่าชายคนนี้คือคนที่เขาวิ่งตัดหน้ารถนั่นเอง

“ผมจะกลับบ้าน” ยอเรว่าพลางหยัดกายลุกขึ้นยืน แต่แล้วชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสองคนก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรนัก

“อยู่คุยกันก่อนสิ” ชายแปลกหน้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นั่นทำให้ยอเรต้องนั่งลงยังโซฟาอีกครั้ง

“คุณเป็นใคร” ยอเรถามคำถามเดิมอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชื่อตัวเองออกมา

“ฉันชื่อไซคิล” พอได้ยินชื่อของชายแปลกหน้า เขาก็จำได้ทันทีว่านี่เป็นใคร แม้จะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ชื่อนี้คงมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

“ไซคิล” เขาทวนชื่อซ้ำด้วยเสียงอันแผ่วเบา ลูกชายคนเล็กของตระกูลบุหลันขาว ใครจะไม่รู้จักชื่อนี้กัน

“แกชื่ออะไร” ยอเรมองลูกน้องร่างยักษ์ของไซคิลพลางกลืนน้ำลายลงคอ

“ยอเร”

“ดื่มน้ำก่อนสิยอเร” ไซคิลดันแก้วน้ำมาทางยอเร ก่อนเอ่ยปากเชิญชวน

“คุณมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า” ยอเรเร่งรัด ยิ่งรู้ว่าเป็นพวกบุหลันขาว เขายิ่งไม่อยากยุ่งด้วยนัก

“ใจร้อนจังเลยนะ”

“ถ้าคุณจะคิดค่าเสียหายที่ผมวิ่งตัดหน้ารถคุณ คุณก็คิดมาเลย ผมจะหาเงินมาให้” ยอเรว่าเสียงแข็ง เพราะไม่มีเหตุผลใดเลยที่ไซคิลจะต้องรั้งเขาไว้แบบนี้

“เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหานักหรอก แต่ฉันอยากจะถามอะไรหน่อย”

“ถามอะไร”

“ถามเรื่องคนที่แกกำลังวิ่งตามยังไงล่ะ” ยอเรโล่งใจไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้

“การิม”

“ใช่ เรื่องของการิม”

“คุณอยากรู้อะไร”

“แกวิ่งตามมันทำไม” ไซคิลถามเข้าประเด็นทันที ตอนที่เขาเห็นการิมวิ่งผ่านหน้ารถไป เขาเองก็กะว่าจะขับรถตามไปเช่นกัน แต่ยอเรกลับวิ่งมาตัดหน้ารถเขาซะก่อน

“คุณจะอยากรู้ไปทำไม” ลูกน้องทั้งสองคนทำท่าจะเข้ามากระชากคอเขา เพราะคำพูดที่ไร้มารยาทนั่น แต่ไซคิลก็ยกมือห้ามไว้ซะก่อน

“การิมเคยเป็นลูกน้องเก่าของฉัน มันขโมยของของที่นี่ไปและก็ไปอยู่กับพวกบุหลันดำ”

“...”

“ตอนแรกฉันก็ว่าจะปล่อยไป แต่ว่ามันกลับไปอยู่กับพวกบุหลันดำ ฉันก็เลยอยากสั่งสอนมันสักหน่อย” พอได้ฟังเรื่องราว ยอเรก็ยิ้มออกมาอย่างกวนประสาท ตอนนี้เขาคิดแผนอะไรบางอย่างออกเสียแล้ว แม้จะได้ยินชื่อเสียงความชั่วร้ายของคนตรงหน้ามามากแค่ไหน แต่เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

“มันหลอกเงินผมไปเป็นแสน มันบอกว่าจะเอาไปลงทุนแล้วแบ่งกำไรให้ แต่มันก็โกงเงินผมไป” ยอเรเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น พลางยิ้มเยาะ

“แล้วยังไงต่อ”

“พวกคุณนั่นแหละต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว หากโยนความผิดให้พวกบุหลันขาวไป เขาอาจจะได้เงินคืนก็เป็นได้

“ทำไมฉันต้องรับผิดชอบ”

“ก็...” ยอเรพยายามคิดหาคำตอบ นี่มันเป็นเหตุการณ์ที่นอกเหนือสิ่งที่เขาคิดเอาไว้

“ก็อะไร”

“ก็การิมบอกว่าจะเอาเงินมาลงทุนกับพวกบุหลันขาว ผมก็เลยให้เงินนั่นไป” ลูกน้องของไซคิลมองยอเรด้วยความไม่ไว้ใจ หนึ่งนั้นกระซิบข้างหูของไซคิลอยู่พักใหญ่ หลังจากจบการกระซิบกระซาบ ไซคิลกลับเป็นฝ่ายยิ้มออกมา

“แกก็เลยเอาคืน โดยการเข้าไปขโมยของที่โรงแรมอย่างนั้นหรอ” เมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมา ยอเรก็ทำได้เพียงโวยวายตามน้ำไปเรื่อยๆ เท่านั้น

“ก็เพราะผมคิดว่าพวกคุณโกงเงินผมไปไง ผมถึงได้ทำแบบนั้น”

“เลิกโกหกสักทีน่า!!” ไซคิลตะคอกกลับอย่างเหลืออด ก่อนหน้านี้เขาได้สืบประวัติชายหนุ่มมามากพอสมควร และตอนนี้เขาก็รู้แล้ว ว่ายอเรไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด

“แกกับพี่สาวแกเสียเงินให้มัน แล้วแกก็เข้าใจว่ามันอยู่กับพวกบุหลันขาว แกก็เลยเข้ามาขโมยของเพื่อหาเงินใช้หนี้ที่แกไปกู้มาให้การิม ถูกต้องไหมล่ะ”

“...”

“แกไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าการิมอยู่พวกไหนกันแน่ แต่แกคิดจะโยนให้ฉันรับผิดชอบรึไง” เขาเคยได้ยินมาว่าไซคิลฉลาดมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะรู้ทันเขาเร็วขนาดนี้

“คือ...”

“จัดการมัน” ร่างของยอเรถูกกระชากลงจากโซฟา ก่อนเท้าหนักๆ ของชายฉกรรจ์ทั้งสองจะถูกส่งมายังร่างกายเขาอย่างหนักหน่วง

“โอ้ย” ร่างเล็กถูกซ้อมอยู่พักใหญ่ เขาทำได้เพียงเอามือป้องกันตัวเองไว้ก็เท่านั้น

“พอก่อน เดี๋ยวมันได้ตายก่อนพอดี” ยอเรนอนเจ็บอยู่ที่พื้นอย่างน่าเวทนา ใบหน้านวลมีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด

“รอยบนหน้าแก ก็คงเป็นฝีมือของลูกน้องพี่ชายฉันสินะ”

“...” ยอเรไม่ได้ตอบกลับ ตอนนี้เขาเจ็บจนจุกไปหมด

“ฉันสืบประวัติแกมาหมดแล้ว แกกับการิมเป็นเพื่อนสนิทกัน แถมยังรวมหัวกันขโมยของจากคนอื่นๆ มานับไม่ถ้วน แกคิดว่าฉันควรจะเชื่อคำพูดของแกรึไงยอเร” ร่างสูงเอ่ยถามพลางจิบไวน์ด้วยความใจเย็น

“ผมไม่ได้ขโมย”

“พี่สาวแกอยู่ที่ไหนล่ะ เขารู้รึป่าวว่าแกเคยทำอะไรไว้บ้าง”

“อย่ายุ่งกับเธอนะ” แม้จะไร้เรี่ยวแรงขัดขืน แต่เรื่องนี้เขายอมไม่ได้จริงๆ ลัลลามีนไม่ควรต้องมารับรู้เรื่องแย่ๆ ที่เขาเคยทำไว้เลยสักนิด

“เงินแค่แสนเดียว ถึงขนาดต้องเข้าไปขโมยของที่โรงแรมเลยหรอวะ”

“...”

“ถึงพี่เซตัลจะไม่เอาเรื่อง แต่ฉันไม่ปล่อยแกไปง่ายๆ แน่”

“...”

“เขาอุตส่าห์ปล่อยแกไป แต่แกกลับมาโยนความผิดให้บุหลันขาว เพราะหวังจะเอาเงินนั่นอีก”

“...”

“ทำแบบนี้ ไม่เกินไปหน่อยรึไง” ยอเรค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดที่มุมปากพร้อมรอยเจ็บ ไม่ได้ทำให้เขาเป็นกังวลนัก

“สำหรับพวกคุณมันอาจจะเป็นเงินแค่แสนเดียว แต่สำหรับผม...มันคือทั้งชีวิต” เงินแสนนึงที่เขาหวังจะเอามาลงทุน เพื่อให้เขาและผู้เป็นพี่สาวมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม มันไม่ใช่เงินแค่แสนเดียว แต่มันเป็นเงินที่แลกมาด้วยความเชื่อใจ สุดท้ายมันก็พังลง

“ฉันไม่อยากฟัง”

“คนอย่างพวกคุณที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง คงไม่เข้าใจถึงความยากลำบากนี้หรอก”

“ฉันบอกให้หุบปาก” ร่างสูงตรงเข้ามากระชากคอเสื้อร่างเล็กตรงหน้า เขาเกลียดคนโกหก เขาเกลียดพวกที่เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ยิ่งยอเรพูดเขาก็ยิ่งไม่พอใจ คนขี้ขโมยอย่างยอเร ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาราวกับจะสั่งสอนเขาแบบนี้

“ปล่อยผม” ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เขาเจ็บไปทั้งร่างกาย แถมยังโดนดูถูกแบบนี้ จะให้เขาทนได้ยังไงกัน

“ได้ ฉันจะปล่อย” ไซคิลปล่อยยอเรตามที่เขาร้องขอ เขาเดินมากระดกไวน์จนหมดแก้ว พลางสูดลมหายใจเข้าหวังสงบอารมณ์ที่กำลังจะปะทุ

“คนของพวกบุหลันดำรู้จักคนของบุหลันขาวเป็นอย่างดี สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือตัวของการิม”

“...”

“แกต้องไปเอาตัวมันมาให้ฉันให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม”

“...”

“ไม่อย่างนั้น ฉันนี่แหละ จะเป็นคนเอาแกกับพี่สาวของแกเข้าคุก” สายตาดุดันถูกส่งมายังร่างเล็กที่นั่งเจ็บอยู่ที่พื้น ยอเรไม่ได้โต้เถียงกลับ เขากลัวว่าเรื่องจะแย่กว่าเดิม แค่นี้เขาก็หาเรื่องเพิ่มให้ผู้เป็นพี่สาวอีกแล้ว

“พาไปส่งที่บ้าน แล้วก็จับตาดูเอาไว้ หากมันคิดตุกติกเมื่อไหร่ ก็จับมันกับพี่สาวส่งเข้าคุกได้เลย” เสียงเข้มยื่นคำขาด ก่อนจะเดินไปรินไวน์ด้วยท่าทีไร้ความรู้สึก ร่างของยอเรถูกหิ้วปีกขึ้นโดยชายฉกรรจ์ทั้งสอง เขาเดินตามแรงดึงไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะถูกพาตัวขึ้นรถตู้คันสีดำ เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง รถคันดังกล่าวก็มาจอดหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขา อันที่จริงเขาไม่เคยพาใครมาบ้านเลยสักครั้ง เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมายุ่งย่ามกับเขาและพี่สาว แต่ครั้งนี้เลี่ยงไม่ได้จริงๆ

“ลงไป” ยอเรเดินลงจากรถ แต่รถตู้กลับนิ่งเฉย พวกมันทั้งสองต่างรอให้ยอเรเดินเข้าบ้าน เพื่อให้แน่ใจว่านี่เป็นบ้านของยอเรจริงๆ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ยิ่งช้าก็รังแต่จะสร้างความหงุดหงิดให้กับชายฉกรรจ์สองคนบนรถ

“ไปไหนมายอเร ทำไมกลับเอาป่านนี้” เสียงของลัลลามีนดังขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในตัวบ้าน หญิงสาวมองรถตู้ที่เพิ่งออกตัวไป ก่อนจะหันมามองหน้าน้องชาย

“ใครมาส่ง แล้วทำไมหน้าเป็นแบบนี้” เธอจับใบหน้าของยอเรก่อนจะหันซ้ายขวา รอยฟกช้ำเมื่อวานยังไม่ทันหาย แต่วันนี้กลับมีรอยฟกช้ำขึ้นอีกเต็มไปหมด

“ไม่มีอะไรหรอกพี่ลามีน แค่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ”

“อุบัติเหตุอะไร”

“ช่างเถอะน่า ดึกแล้วพี่ไปนอนได้แล้ว” ยอเรตอบปัดๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ลัลลามีนทำได้เพียงมองตามผู้เป็นน้องชายไปก็เท่านั้น ตั้งแต่เกิดมา หากมีเรื่องอะไรที่ไม่ค่อยสบายใจยอเรก็มักจะไม่บอกอะไรเธอเลย แบบนี้เธอจะช่วยน้องชายของเธอได้อย่างไร

ลัลลามีนเดินขึ้นมายังห้องนอนของตัวเอง เธอทิ้งตัวลงยังเตียงนอนพลางเอามือก่ายหน้าผาก เรื่องเงินหนึ่งแสนที่ไปยืมมายังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ เธอคิดไม่ตกเลยว่าจะหาเงินจากไหนไปใช้หนี้ก้อนนี้ได้ มือบางเลื่อนมายังสร้อยคอ เธอหยิบมันออกมาก่อนจะมองดูจี้พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีมรกต เธอได้รับสิ่งนี้ตอนออกจากบ้านเด็กกำพร้า สิ่งของชิ้นสุดท้ายที่พ่อกับแม่ได้ฝากเอาไว้ให้เธอ หญิงสาวมองมันด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโหยหาพ่อแม่มาโดยตลอด เธอหวังแค่ว่าสักวันหนึ่ง เธอจะได้พบเจอพ่อแม่อีกครั้ง แต่ยิ่งนานวันเข้า ความหวังของเธอก็เริ่มลิบหรี่ลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายในตอนนี้ เธอไม่คาดหวังอะไรอีกแล้ว

......................................................................

มือหนากระดกไวน์ในแก้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า แววตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำตาที่เขาได้มองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนั้น มันยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกของเขา เขาเคยเห็นคนร้องไห้มากนักต่อนัก แต่แววตาเมื่อครู่มันช่างดูเจ็บปวด เสียจนเขาไม่อาจลืมได้

“คิดอะไรอยู่” เสียงคุ้นเคยของผู้เป็นพี่ชายดังขึ้น ไซคิลวางแก้วไวน์ในมือลงพลางเอนกายพิงพนักเบาะ

“คิดอะไรไปเรื่อยน่ะพี่เซตัล”

“ได้ข่าวว่าแกไปขู่คนที่เข้ามาขโมยของที่โรงแรมเมื่อวานหรอ”

“ผมไม่ได้ขู่สักหน่อย”

“...”

“ผมเอาจริงต่างหาก” เขารู้ว่าไซคิลเป็นคนพูดจริงทำจริง เขาถึงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง

“เอาเถอะ ที่ฉันมาวันนี้ เพราะฉันมีเรื่องอยากจะบอก”

“เรื่องบุหลันมรกตหรอครับ”

“อือ”

“พี่เซตัลตามพวกนั้นเจอแล้วรึไง”

“ก็ไม่เชิงหรอก ฉันอาจจะต้องลองพิสูจน์อะไรดูหน่อย เพราะฉันก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันเห็นมันเป็นของจริงรึป่าว”

“แล้วตอนนี้คนที่พี่คิดว่าเป็นพวกบุหลันมรกต อยู่ที่ไหนล่ะครับ” ไซคิลถามพลางยิ้มออกมา เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ เพราะพ่อของเขาตามหากลุ่มคนพวกนี้มาตั้งแต่เขาเกิดเลยก็ว่าได้ จนตอนนี้ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว พ่อเขายังหาไม่เจอแม้แต่เงา

“ก็คนที่แกกระทืบไปเมื่อไม่นานนี่ไง” คำตอบของพี่ชายทำเอาเขาชะงักไปครู่ใหญ่ ไซคิลกระดกไวน์ในมือใส่ปากอีกครั้ง ก่อนหันไปมองหน้าเซตัล

“พี่อย่าล้อเล่นน่า”

“ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่อีกไม่นานหรอก ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ฉันเห็นมันจริงรึเปล่า”

“พี่เห็นบุหลันมรกตมาหรอ”

“สิ่งที่ฉันเห็น เป็นแค่บุหลันครึ่งเสี้ยว”

“แล้วทำไมผมไม่เห็น” วันนี้เขากระชากคอเสื้อยอเร แต่ทำไมเขาถึงไม่เห็นอะไรเลย

“ของนั่นไม่ได้อยู่ที่เด็กหนุ่มคนนั้นหรอก”

“แล้วมันอยู่ที่ใครล่ะ”

“อยู่ที่พี่สาวของเด็กนั่นต่างหาก”

“เรื่องจริงหรอเนี่ย” ไซคิลยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ที่แท้คนที่เขากำลังตามหา คือคนที่มาหาเขาถึงที่นี่เอง

“แกเองก็อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามละกัน ฉันไม่อยากให้ไก่ตื่น”

“พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง นี่พี่จะเอาบุหลันมรกตมาเก็บไว้เองอย่างนั้นหรอ”

“แกไม่คิดอย่างนั้นรึไง” ไซคิลมองหน้าผู้เป็นพี่พักใหญ่ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“ผมว่าแล้วเชียว สมแล้วที่พี่เป็นพี่ผม” ไซคิลหัวเราะชอบใจ ใครจะอยากปกป้องพวกคนดีอย่างบุหลันมรกตกัน ใครๆ ก็อยากได้เพียงแค่ทับทิมมรกตนั่นมาครอบครองต่างหาก

“เอาไว้ฉันแน่ใจว่าทับทิมนั่นเป็นของจริง ฉันจะบอกแกก็ละกัน ตอนนี้ก็อย่าเพิ่งใจร้อน”

“ได้เลยครับพี่ชาย” ไซคิลยิ้มกว้างก่อนจะกระดกไวน์ในมืออีกหน ดูเหมือนตอนนี้เขากำลังเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่ดูน่าสนใจกว่าการิมเสียแล้วสิ

“แกคือคนของบุหลันมรกตอย่างนั้นหรอ...ยอเร”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel