บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ไอยวริญท์ถือโอกาสนี้เดินดูของสะสมซึ่งเป็นของโบราณล้ำค่าหายากที่อยู่ภายในร้าน หญิงสาวเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจกเงาบานหนึ่ง ซึ่งเป็นกระจกโบราณบานใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมหนึ่งของร้าน ไอซ์หยิบบุษราคัมชิ้นนั้นขึ้นมาดูอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองในกระจก

แสงของอัญมณีสูงค่าชิ้นนั้นส่องสะท้อนกับกระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเธอ ทันใดนั้นเองเธอก็เห็นภาพของตนเองที่อยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยดูคล้ายชุดของนางระบำกำลังยืนอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังเห็นภาพของชายหนุ่มหน้าตาดีที่ดูคล้ายชาวอาหรับปรากฏตัวขึ้นในกระจกเงาบานนั้นเช่นกัน ไอยวริญท์ส่ายหัวและกะพริบตาฉับพลันภาพเหล่านั้นก็หายไป

“สงสัยเราจะตาฝาดหรือไม่ก็อินไปกับตำนานที่ฉัตรเล่าให้ฟัง ก็เลยทำให้จินตนาการจนเห็นภาพสะท้อนในกระจก” หญิงสาวพึมพำกับตนเอง

ไอยวริญท์ไม่ได้ติดใจกับภาพที่ตนเองเห็นจากในกระจกเงาบานนั้น เพราะคิดว่าตนเองนั้นอาจจะตาฝาดหรือไม่ก็เป็นเพราะอินไปกับตำนานเรื่องสร้อยเพชรแห่งอัลราจีที่ 4 ที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าอาจจะมีความเกี่ยวพันถึงบุษราคัมล้ำค่าที่เธอได้มาโดยบังเอิญ และยังไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง

เมื่อหญิงสาวเห็นเพื่อนท่าทางจะยุ่งกับลูกค้าอีกนาน จึงตัดสินใจเดินไปบอกเพื่อนว่าจะขอตัวกลับบ้านก่อนและจะโทรกลับมาหาอีกครั้ง อีกทั้งยังฝากบุษราคัมชิ้นนั้นให้ปู่ของเพื่อนช่วยดูให้เผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม รุ่งฉัตรรับอัญมณีชิ้นนั้นไปเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดี

เมื่อไอยวริญท์กลับเข้ามาในตัวบ้านก็พบว่าข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้น เรียกได้ว่าแทบจะทุกซอกทุกมุม ทำให้เธอตระหนักได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัว

ทันใดนั้นเองก็มีชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งประมาณห้าถึงหกคนปรากฏตัวให้เธอเห็น ทุกคนล้วนแล้วแต่แต่งชุดอาหรับและใบหน้าของแต่ละคนก็เต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรัง ทำให้หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ว่าคนพวกนี้มาจากที่ไหน เพียงแต่ไม่กระโตกกระตากว่าตนเองรู้และเลือกที่จะถามกลับไป

“พวกแกเป็นใคร!? ต้องการอะไรและมาทำอะไรที่นี่ ที่สำคัญมีสิทธิอะไรมารื้อค้นข้าวของโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ไม่มีใครตอบคำถามของเธอ แต่หนึ่งในกลุ่มนั้นถามเธอเกี่ยวกับอัญมณีที่เธอครอบครองอยู่ มันขู่เธอว่าถ้าไม่อยากตายก็ให้รีบเอาของชิ้นนั้นคืนให้พวกมัน ตอนแรกไอยวริญท์ก็คิดจะคืนให้พวกมันแต่มาคิดอีกที คนพวกนี้ไม่น่าจะเป็นเจ้าของอัญมณีล้ำค่าที่เธอได้มาโดยบังเอิญ เธอจึงตัดสินใจปฏิเสธไปว่าไม่รู้ไม่เห็นและไม่เคยได้รับอัญมณีที่พวกมันกำลังตามหาอยู่

“โกหก”

“ฉันจะโกหกพวกแกทำไม ฉันไม่ได้ครอบครองอัญมณีที่พวกแกพูดถึง อย่าว่าแต่ครอบครองเลยแม้แต่เห็นฉันก็ยังไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ”

ชายคนหนึ่งในกลุ่มกระชากกระเป๋าถือจากมือของเธอ เพื่อค้นหาสิ่งของที่พวกมันต้องการ แต่เมื่อหาไม่พบมันก็เททุกอย่างออกจากกระเป๋าและเหวี่ยงกระเป๋าแบรนด์เนมใบนั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดี

“นางตัวดีบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเอาของชิ้นนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน”

“ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่เคยได้รับของอะไรที่พวกแกพูดถึง ถ้าของชิ้นนั้นมันอยู่ที่ฉันจริงพวกแกก็ต้องหาเจอแล้วสิ เพราะเล่นเข้ามาค้นข้าวของของฉันทุกซอกทุกมุมแบบนี้”

“อยากเจ็บตัวนักใช่ไหม...พูดกันดีดีไม่ชอบ...ชอบให้ใช้กำลัง” หนึ่งในนั้นเดินย่างสามขุมตรงเข้าไปหาไอยวริญท์

“พวกแกจะทำอะไรฉันอย่าเข้ามานะ”

แต่ใครจะเชื่อคำพูดของเธอพวกมันต่างก็เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวเพื่อที่จะจับตัวเธอไว้ แต่ไอยวริญท์ไม่ยอมจึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น สุดท้ายหนึ่งในชายกลุ่มดังกล่าวก็ตรงเข้ามาล็อคตัวเธอไว้พร้อมกับใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเธอ

ไอยวิรญท์พยายามดิ้นรนอยู่พักใหญ่ก่อนจะสายตาพร่าเลือนและหมดสติไปในที่สุด ในขณะที่ชายฉกรรจ์ทั้งหกคนกำลังเคลื่อนย้ายตัวเธออยู่นั้น

เป้ผู้จัดการส่วนตัวของหญิงสาวก็เข้ามาเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเข้าพอดี เป้รีบโวยวายพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาเพื่อจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ชายกลุ่มนั้นตัดสินใจนำตัวเป้ไปด้วยเพราะเป้เห็นใบหน้าของพวกมัน ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็อาจจะสร้างปัญหาได้ ลูกพี่ของพวกมันจึงสั่งให้ลูกน้องจับตัวเป้ไปด้วย ชายคนที่ได้รับคำสั่งเดินตรงเข้าไปต่อยเป้จนสลบหมัดเดียวจอดเพื่อให้ง่ายต่อการนำตัวไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel