บทที่ 6

หลังจากนั้นสองชั่วโมงอัศนัยก็กลับมาถึงบ้านเขาจอดรถไว้ข้างรถของน้องสาว และก็รู้สึกแปลกใจที่วันนี้น้องสาวของเขาเปิดไฟสว่างทั้งหลัง ทั้งที่ปกติแล้วไอยวริญท์จะเปิดไฟเฉพาะดวงที่จำเป็นเท่านั้นมิใช่เปิดไฟทิ้งไว้เช่นนี้ เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้านเขาก็พบเห็นสิ่งผิดปกติ ภายในบ้านถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจายและมีร่องรอยของการต่อสู้ อัศนัยเดินสำรวจไปทั่วบริเวณบ้านพร้อมกับตะโกนเรียกน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาไปด้วยแต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ

“ไปไหนของเขานะในห้องนอนก็ไม่มี”

ชายหนุ่มบ่นพึมพำอยู่เพียงลำพัง เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่าน้องสาวของเขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย เพียงแต่เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกและยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของการหายตัวไปของไอยวริญท์ อัศนัยตัดสินใจโทรเข้ามือถือของน้องสาวแต่ไม่มีคนรับสาย เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม สุดท้ายจึงเดินกลับลงมาด้านล่างอีกครั้งด้วยความร้อนใจ

คราวนี้อัศนัยได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของไอยวริญท์ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงเดินตามเสียงนั้นไปจนพบโทรศัพท์มือถือของน้องสาวตกอยู่ข้างโซฟา เขาจึงหยิบขึ้นมารับสายปรากฏว่าคนที่โทรเข้ามาคือรุ่งฉัตร หญิงสาวขอพูดสายกับไอยวริญท์เกี่ยวกับบุษราคัมที่เธอเอามาให้ดู อัศนัยบอกว่าตั้งแต่เขากลับเข้าบ้านมายังไม่เจอตัวไอยวริญท์เลย

ที่สำคัญข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นและมีร่องรอยของการต่อสู้ เขาจึงถามรุ่งฉัตรว่าน้องสาวของเขาบอกอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า

“ไม่เห็นพูดอะไรนี่คะ ไอซ์แค่แวะเอาของบางอย่างที่ได้มาโดยบังเอิญจากการไปทำงานที่อัลบาฮาร์มาให้ปู่ของฉัตรดู และบอกว่าอยากรู้ประวัติความเป็นมาของบุษราคัมชิ้นนั้น เพื่อที่จะตามหาเจ้าของที่แท้จริงและส่งมอบของสิ่งนี้คืนให้กับเจ้าของ แต่ปู่ของฉัตรไม่อยู่ไอซ์จึงฝากของสิ่งนั้นไว้ที่ฉัตรเพื่อให้ปู่ดู เผื่อว่าจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบหาเจ้าของที่แท้จริง หลังจากปู่ของฉัตรดูอัญมณีชิ้นนั้นแล้วก็ให้ฉัตรโทรตามไอซ์ให้มาพบท่านเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้”

อัศนัยถามรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับที่มาของอัญมณีชิ้นดังกล่าว ซึ่งรุ่งฉัตรก็เล่าสิ่งที่รับรู้มาจากปากของเพื่อนสาวให้พี่ชายของเพื่อนฟังโดยไม่ปิดบัง ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าน้องสาวเพียงคนเดียวของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย

เขาขอร้องให้รุ่งฉัตรเก็บรักษาบุษราคัมชิ้นนั้นไว้ก่อนจากนั้นก็วางสาย และลงมือตรวจดูภายในบ้านอย่างละเอียดอีกครั้งเผื่อว่าจะมีเบาะแสอะไรบางอย่าง เมื่อไม่พบเห็นอะไรที่จะเป็นเบาะแสว่าใครเป็นคนลงมือทำการอุกอาจ บุกเข้ามาจับตัวน้องสาวของเขาถึงในบ้านเช่นนี้ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะโทรไปขอความช่วยเหลือจากคามินเพื่อนชาวอัลบาเรียเพียงคนเดียวที่เขารู้จัก ที่สำคัญเพื่อนของเขาคนนี้มีอิทธิพลมากพอควรในอัลบาฮาร์ ถ้าขอร้องให้เขาช่วยสืบหาตัวไอยวริญท์คิดว่าน่าจะได้เรื่อง หรือได้เบาะแสภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

มือไวเท่าความคิดอัศนัยรีบโทรติดต่อคามินตามเบอร์โทรศัพท์ที่เขาเคยให้ไว้ รอสายอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับสาย หลังจากที่พูดจาทักทายถามไถ่ทุกข์สุขกันอยู่พักใหญ่อัศนัยก็พูดเข้าเรื่องที่เขาตั้งใจโดยไม่อ้อมค้อม เขาขอความช่วยเหลือจากคามินให้ช่วยตามหาตัวน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้รับรู้มา

เริ่มตั้งแต่น้องสาวของเขาต้องเดินทางไปเดินแบบและถ่ายแบบที่รัฐอัลบาฮาร์ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสาธารณรัฐอัลบาเรียซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของคามิน

หลังจากเดินทางกลับมาเมืองไทยไอยวริญท์ก็เพิ่งจะรู้ว่าตนเองได้ครอบครองของสิ่งหนึ่ง ต่อมาน้องสาวของเขาก็ได้นำของสิ่งนั้นไปให้เพื่อนรักดู เพื่อสอบถามถึงประวัติความเป็นมาของมันจากนั้นน้องสาวของเขาก็หายตัวไป

ที่สำคัญภายในบ้านมีร่องรอยของการต่อสู้และถูกรื้อค้นจนทั่วทุกตารางนิ้ว เขาไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของพวกไหนและก็รู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นค้นหาน้องสาวของตนเองจากตรงจุดไหน แต่จากข้อมูลที่ได้รู้มาเขาคิดว่าไอยวริญท์น่าจะถูกจับตัวกลับไปที่อัลบาฮาร์ เขาจึงจำเป็นต้องขอร้องให้คามินช่วยตามหาตัวน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นยุ่งมากเพียงไรแต่ในเมื่อไม่มีวิธีอื่นจึงจำเป็นต้องขอร้องให้เขาช่วย

คามินสอบถามข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับไอยวริญท์ และขอให้อัศนัยส่งภาพถ่ายของเธอมาให้เขาดู เมื่อชายหนุ่มได้รับทราบข้อมูลและภาพถ่ายเหล่านั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็บอกให้อัศนัยวางใจเขาจะเป็นคนออกติดตามหาตัวหญิงสาวให้เอง ตอนแรกอัศนัยจะรีบเดินทางไปที่อัลบาฮาร์แต่คามินห้ามไว้

เขาบอกให้อัศนัยรอฟังข่าวอยู่ที่เมืองไทยจะดีกว่า และยังบอกอีกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้เอง ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะรีบแจ้งให้ทราบทันที