5. ความหวัง
“ที่หลานมาหาป้าแบบไม่บอกล่วงหน้านี้ คงไม่ใช่แค่จะมาถามหาอัสเซนหรอก ใช่ไหม”
พระมเหสีจ้องพระพักตร์ของเจ้าหญิงนูรีนด้วยแววพระเนตรล้อเลียน
“แหม..ท่านป้าล่ะก็ รู้ใจหลานเสมอเลยนะเพคะ”
เจ้าหญิงทรงแย้มโอษฐ์ประจบ
“นูรีนเป็นหลานสาวคนเดียวของป้า ที่ป้าดูแลมาตั้งแต่เล็กนี่จ๊ะ มีอะไรจะบอกป้าก็เล่ามาเถอะ”
“งั้นหลานขอถามเลยนะเพคะ คือที่หลานมาครั้งนี้ก็เพื่ออยากจะถามความคืบหน้าเรื่องการเลือกคู่ของเจ้าชายอัสเซนเพคะ..คือ..หลานจะได้เตรียมตัวไว้ให้พร้อมแต่เนิ่น ๆ”
คำพูดของพระภาคิไนยคนโปรดทำให้พระมเหสีถึงกับทรงนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ พระนางจะบอกหลานรักคนนี้ได้อย่างไรว่า เจ้าชายอัสเซนนั้น ขอเวลาไปทำพระทัยด้วยการเดินทางไปท่องเที่ยว จึงขอให้พระมารดายืดระยะเวลาการคัดเลือกจัดการหาคู่ครองให้ออกไปก่อน และเวลานี้เจ้าชายอัสเซน ก็ได้หลบพระพักตร์ทุกคนไปแล้ว แถมยังสั่งไม่ให้ติดต่อหากไม่จำเป็นอีกด้วย
“ว่าอย่างไรเพคะท่านป้า..”
เจ้าหญิงนูรีนทูลถามย้ำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป
“เอ้อ..นูรีน..ฟังป้านะ..คือช่วงนี้อัสเซน เขาขอเวลาเป็นส่วนตัวก่อน เขาขอไปท่องเที่ยวให้สบายใจก่อน ป้าจึงรอให้อัสเซนกลับมาก่อน แล้วป้าจะให้เขารีบตัดสินใจเลือกคู่ทันทีจ๊ะ”
“ไม่ใช่ว่าท่านป้ากำลังจะหันไปสนับสนุนเจ้าหญิงไลล่าห์ใช่ไหมเพคะ”
เจ้าหญิงนูรีนทรงถามในสิ่งที่อยากทราบ
“อะไรทำให้หลานคิดมากเช่นนั้นล่ะนูรีน”
“ก็หลานได้ยินข่าวลือมาน่ะสิเพคะ”
“ข่าวลืออะไรหรือนูรีน”
“ข่าวลือจากรัฐโฮดาห์ ที่ไปไกลถึงรัฐดิมัชก์ของหลานไงเพคะ ที่บอกว่าท่านลุงซาบาห์โปรดเจ้าหญิงไลล่าห์มากกว่าหลาน จนอาจจะเลือกเจ้าหญิงไลล่าห์เป็นชายาของเจ้าชาย”
“ที่แท้..มาหาป้าก็เพราะเรื่องนี้เองหรอกหรือ..”
พระมเหสีทรงพระสรวลออกมา
“แล้วจริงหรือเปล่าเพคะ..ทรงตอบหลานมาก่อน”
เจ้าหญิงนูรีนแสดงความเป็นคนเอาแต่พระทัยออกมา แต่พระมเหสีไม่ทรงถือสา ทว่า..กลับแย้มโอษฐ์ด้วยความเอ็นดูเจ้าหญิง
“ใครจะเห็นคนอื่นดีกว่าหลานในไส้ของตัวเองเล่า”
พระมเหสีมัสซูเมห์ ทรงยื่นพระหัตถ์ไปลูบเกศาเจ้าหญิงเบา ๆ
“แต่ไลล่าห์ ก็เป็นหลานของท่านป้าเช่นกัน แล้วก็ยังเป็นหลานคนโปรดของท่านลุงซาบาห์ด้วยนะเพคะ”
“นูรีนก็เป็นหลานคนหนึ่งของท่านลุงเช่นกัน อย่าลืมสิว่า ชีคดูบาห์ พ่อของหลานก็เป็นน้องชายของท่านลุงอยู่นะจ๊ะ”
“แต่ท่านพ่อก็เป็นเพียงน้องชายต่างมารดาของท่านลุงดูบาห์นะเพคะ ไม่เหมือนพระมเหสีชาห์ล่า ที่มีแม่เป็นน้องสาวแท้ ๆ แถมเป็นน้องสาวคนโปรดของท่านลุงซาบาห์อีกต่างหาก แล้วอย่างนี้หลานจะไปเทียบรัศมีของไลล่าห์ได้อย่างไรเพคะ”
เจ้าหญิงทรงตรัสด้วยความน้อยพระทัย
“ทำไมจะเทียบรัศมีไม่ได้ล่ะจ๊ะ..ไลล่าห์เป็นลูกของน้องสาวท่านลุงซาบาห์ ส่วนหลานก็เป็นลูกของน้องชายท่านลุงเช่นกัน ถึงจะเป็นน้องคนละแม่ก็ได้ชื่อว่ามีพ่อคนเดียวกันอยู่ดี แต่หลานก็ยังเป็นลูกของน้องสาวแท้ ๆ ของป้าด้วย ทั้งเจ้าหญิงไลล่าห์ แล้วก็หลาน ต่างก็สูงศักดิ์พอกัน ไม่มีใครต่ำต้อยไปกว่าใครเลยนะจ๊ะ แล้วที่สำคัญเราต่างก็เป็นญาติกันทั้งนั้น”
พระมเหสีมัสซูเมต์ ตรัสให้เจ้าหญิงได้สบายพระทัย
“แล้วท่านลุงกับท่านป้า จะเลือกใครเป็นคู่ครองของเจ้าชายอัสเซนล่ะเพคะ” เจ้าหญิงทรงต้องการความมั่นพระทัย
“ถ้าให้ป้าเลือกเอง ป้าก็ต้องเลือกหลานนูรีน สิจ๊ะ..แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าชายอัสเซน ด้วยเช่นกัน”
“เจ้าชายอัสเซนไม่เคยสนใจหลานสักนิด คอยแต่จะหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอด หลานคงไม่ถูกเลือก”
“อัสเซนไม่ได้หลบหน้าหลานเลยนะ หลานคิดมากไปเอง” พระมเหสีทรงปลอบพระทัย
“ไม่ได้คิดมากหรอกเพคะ แต่หลานสังเกตเห็นเจ้าชายอัสเซนทำเช่นนั้นจริง ๆ แถมเจ้าอัมมาน องครักษ์ตัวดีนั่น ก็รู้เห็นเป็นใจคอยกีดกันหลานไม่ให้เข้าใกล้เจ้าชายอีกด้วย”
เจ้าหญิงทรงพูดไปถึงองครักษ์ที่ไม่ชอบพระทัยด้วยสีพระพักตร์บึ้งตึง
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนูรีน ที่อัสเซนไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับหลานก็เพราะยังไม่คุ้นเคย”
“ไม่คุ้นเคยได้อย่างไรเพคะ ตอนเด็ก ๆ หลานก็เคยมาเล่นกับเจ้าชายอัสเซนที่วังนี้บ่อย ๆ”
“แต่ตอนนั้นอัสเซนอายุเจ็ด แปดขวบ ส่วนหลานก็เพิ่งจะสามสี่ขวบเอง พออัสเซนได้สิบกว่าปีก็ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ต่างประเทศ ปิดเทอมทีถึงได้กลับมาเยี่ยมบ้าน แล้วก็ไม่ได้พบหน้าหลานบ่อย ๆ จึงทำให้ดูเหมือนจะห่างเหินกัน อัสเซนก็คงจะรู้สึกเขินอยู่บ้างที่จะต้องอยู่กับหลานตามลำพัง ยังไงก็ให้เวลาอัสเซนเขาหน่อย เขาก็เพิ่งจะกลับมาอยู่ซีนาเบียได้ไม่ถึงปีเลย”
“ก็ได้เพคะ แต่หลานจะมีสิทธิได้เป็นชายาของเจ้าชายอัสเซนแน่หรือเพคะ ในเมื่อหลานก็ยังมีไลล่าห์ เป็นคู่แข่งอยู่ด้วย”
“ป้าจะเชียร์ให้อัสเซนสนใจหลานให้ได้ แล้วก็จะโน้มน้าวให้ท่านลุงสนับสนุนหลานด้วย”
“จริงนะเพคะ..อย่าทรงหลอกให้หลานดีใจนะเพคะ”
เจ้าหญิงซบพระเศียรเข้าสู่อ้อมพระอุระของพระมเหสีด้วยความดีพระทัย
“ป้าจะหลอกหลานรักของป้าได้อย่างไรล่ะ ทีนี้ก็สบายใจแล้วสินะ”
คำตรัสรับรองเช่นนั้นสร้างความมั่นพระทัยให้กับเจ้าหญิงนูรีนมากพอที่จะไปพูดอวดกับใครต่อใครแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหญิงไลล่าห์ ที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้าหญิงนูรีน ซึ่งทำให้เจ้าหญิงนูรีน ทรงหวาดหวั่นพระทัยจนต้องเสด็จมาเข้าเฝ้าพระมเหสีมัสซูเมห์เพื่อขอความมั่นใจ
