23. คู่ฮันนีมูนกำมะลอ
อัลเฟรดตั้งใจว่าคืนนี้จะพาลูกทัวร์ทั้งสามคนไทยไปพักตัวเมือง แต่เมื่อถึงเวลาค่ำแล้ว สองข้างทางของหมู่บ้านทะเลทรายไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างทำให้การขับรถในเวลากลางคืนจะไม่ปลอดภัย เขาจึงคิดว่าน่าจะแวะพักที่หมู่บ้านข้างหน้าซึ่งจะมีที่พักแบบกระโจมเป็นหลัง ๆ กระจายอยู่รอบหมู่บ้านเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสชีวิตของชาวทะเลทราย และมีอูฐไว้บริการนักท่องเที่ยวขี่ชมบรรยากาศในตอนเช้าและตอนเย็นอีกด้วย
“คืนนี้เราจะพักกันที่นี่ พวกคุณคิดว่าเป็นไงกันบ้าง”
อัลเฟรดถามความเห็นกับลูกทัวร์ทั้งสาม
“ฉันอยากพักที่นี่ค่ะ จะได้สัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านทะเลทรายจริง ๆ บ้าง”
นัทธมนบอกเป็นแรก เช่นเดียวกับปัทมาที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ของสถานที่ท่องเที่ยวที่มาเยือน
“แล้วคุณเดรซล่ะครับ..”
อัลเฟรดหันไปถามความเห็นเดชศักดิ์บ้าง
“ถ้าคุณแฟรงก์โอเค..ฉันก็โอเคอยู่แล้วฮ่ะ”
เดชศักดิ์ส่งสายตาหยาดเยิ้มตอบอัลเฟรด
“เป็นอันว่าเราพักค้างคืนกันที่นี่นะครับ”
อัลเฟรดสรุป ก่อนจะเข้าไปติดต่อขอพัก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งมาถึงพร้อมกันพอดี พวกเขามากันห้าคนเป็นผู้ชายชาวอาหรับทั้งหมด แต่กระโจมที่พักเหลือเพียงสามหลัง
“พวกเราห้าคนจะพักด้วยกัน อีกสองหลังเราให้พวกคุณสองคู่ก็แล้วกัน”
นักท่องเที่ยวชาวอาหรับหนึ่งในห้าคน เป็นคนบอกอย่างใจดี ทำให้เดชศักดิ์ดีใจมากที่เขาจะได้พักสองคนกับอัลเฟรด แต่อัลเฟรดก็พูดดับความหวังของเดชศักดิ์ว่า
“ที่พวกเขายอมให้ที่พักเราสองหลังก็เพราะคิดว่าเรามาฮันนีมูนกันสองคู่ครับ เพราะฉะนั้นเราต้องแสดงเป็นคู่สามีภรรยาที่มาฮันนีมูนกันสองคู่ครับ คุณเดรซต้องคู่กับคุณเอ๋ ส่วนผมกับคุณส้ม”
อัลเฟรดจัดแจงจับคู่ให้ทุกคนเสร็จสรรพ
“ได้ไงฮ้าแฟรงก์..คุณจะนอนกระโจมเดียวกับยัยส้มไม่ได้นะฮ้า”
เดชศักดิ์รีบโวยวายทันที เช่นเดียวกับที่นัทธมนก็ตกใจเช่นกัน เธอคงไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
“นั่นน่ะสิคะ..ฉันคงพักกับคุณสองต่อสองไม่ได้หรอกค่ะคุณแฟรงก์”
นัทธมนก็รีบบอกด้วยสีหน้าแดงปลั่ง
“อย่าเพิ่งเสียงดังสิครับ..ฟังผมอธิบายก่อน คือธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศผมโดยเฉพาะในเขตชนบทแห่งนี้ เขาจะไม่ค่อยแบ่งแยกว่าเป็นผู้หญิงต่างชาติเหมือนในเมืองใหญ่ครับ อย่างในเมืองหลวง คุณเอ๋กับคุณส้ม สามารถที่จะเดินทางท่องเที่ยวและพักกับคุณเอ๋ในห้องพักของโรงแรมได้ แต่เมื่อมาเขตชนบทที่ยึดถือธรรมเนียมเคร่งครัดแบบนี้จะไม่ได้เลยครับ การมาเที่ยวและพักแบบนี้พวกผู้หญิงจะพักตามลำพังไม่ได้ พวกคุณจะต้องมีสามีมาพักด้วยจึงจะไม่มีปัญหา”
“ปัญหายังไงคะ..” นัทธมนถามด้วยความอยากรู้
“เอ่อ..ขอโทษนะครับ พวกเขาจะคิดว่าพวกคุณเป็นผู้หญิงขายตัว หรือไม่ก็ฟรีเซ็กส์น่ะครับ อาจจะทำให้พวกผู้ชายอาหรับบางคน คิดจะลวนลามหรือทำอะไรพวกคุณก็ได้”
“ว้าย..ทำไมน่ากลัวแบบนี้คะ”
ปัทมาร้องเสียงหลง นัทธมนก็ตกใจจนหน้าซีดเช่นกัน
“แบบนี้เพื่อนฉันก็แย่สิ..คืนนี้ยัยส้มก็ต้องนอนเตียงเดียวกับคุณ จะไม่ยิ่งแย่หรือฮ้า ยัยส้มเป็นผู้หญิงไทยนะฮ้า”
เดชศักดิ์ชักจะกังวลใจทั้งห่วงเพื่อนตัวเอง ทั้งหวงอัลเฟรดที่หมายตาไว้
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เอาไว้ให้พวกผู้ชายห้าคนนั่น เข้าที่พักกันหมดแล้ว เราก็ค่อยเข้านอนกัน ผมจะนอนกระโจมเดียวกับคุณเดรซ ส่วนคุณเอ๋ก็นอนกับคุณส้ม แต่ตอนนี้เรานั่งเล่นกันนอกกระโจมก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวก็สั่งอาหารเย็นมานั่งทานด้วยกันที่หน้ากระโจม เวลานั่งอยู่ด้วยกันก็พยายามนั่งใกล้กันเป็นคู่นะครับ เพื่อให้ดูเหมือนเป็นคู่สามีภรรยากัน”
“ต๊าย..ฉันต้องเล่นบทเป็นสามีของยัยอ้วนนี่ด้วยหรือ”
เดชศักดิ์ทำหน้าแหยเกหันไปมองหน้าปัทมา
“ทีฉันต้องทนเล่นบทเป็นเมียตุ๊ดอย่างแก ไม่เห็นจะบ่นเลยนะยัยเดรซ” ปัทมาต่อว่า
“เล่นบทเมียตุ๊ด แต่แกปลอดภัยจากพวกผู้ชายหื่นกามไม่ดีรึไงยะ” เดชศักดิ์สวนกลับ
“จะดีกว่านี้ ถ้าแกจะทำตัวแมน ๆ ให้มันสมบทบาทคนที่เป็นสามีหน่อย ถ้าเกิดใครจับได้ว่าแกเป็นตุ๊ด ฉันจะซวยเอาน่ะสิ” ปัทมาเตือนเพื่อนด้วยความหวาดหวั่น
“ผมเห็นด้วยนะครับคุณเดรซ คุณควรจะปกป้องเพื่อนด้วยการแสดงออกให้ดูเป็นผู้ชายกว่านี้จะได้ไม่มีใครสงสัย”
อัลเฟรดช่วยปัทมาพูดอีกแรง
“นี่เห็นแก่คุณหรอกนะแฟรงก์..ฉันจะพยายามแอ๊บแมนก็แล้วกัน..แต่ถ้าเข้าไปอยู่ในกระโจมสองคนกับคุณเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นตัวของตัวเองเต็มที่เลยนะ”
เดชศักดิ์หันไปส่งสายตาบอกความนัยแก่อัลเฟรดในตอนท้าย เล่นเอาคนถูกมองเสียววาบด้วยความหวาดเสียว
“เห็นแก่คุณแฟรงก์ที่คืนนี้แกจะได้นอนเตียงเดียวกับเขาใช่ไหมล่ะ” ปัทมาแกล้งแซว
“ทำเป็นรู้ทัน แต่ความจริงฉันสบายใจต่างหากล่ะ ที่ยัยส้มปั่นไม่ต้องนอนห้องเดียวกับแฟรงก์จริง ๆ ฉันเป็นห่วงแกหรอกนะยัยส้มปั่น เพราะแกเป็นสาวเป็นแส้จะนอนห้องเดียว เตียงเดียวกับผู้ชายได้ยังไงล่ะ”
เดชศักดิ์หันไปพูดให้นัทธมนซึ้งใจ
“แล้วแกล่ะ ไม่ได้เป็นสาวเป็นแส้หรือยะทำไมถึงกล้านอนเตียงเดียวกับคุณแฟรงก์”
ปัทมาถามด้วยความหมั่นไส้แกมขบขัน
“ฉันเป็นตุ๊ด ไม่เป็นไรย่ะ”
เดชศักดิ์ตอบสีหน้ายิ้มแย้ม อัลเฟรดอมยิ้มกับคำพูดของเดชศักดิ์เพราะเขามองว่าเดชศักดิ์เป็นสีสันของชีวิตจึงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับเดชศักดิ์ที่คิดหวังอย่างเต็มที่ว่าคืนนี้อัลเฟรดจะยิมยอมพร้อมใจกับตน จนยอมรับในความสัมพันธ์แบบใหม่ที่ไม่ใช่เพื่อนทั่วไปอีกต่อไป
“คุณเอ๋ คุณส้ม..ชอบบรรยากาศแบบนี้หรือเปล่าครับ”
อัลเฟรดหันมาถามสองสาวเป็นการชวนคุย
“ฉันชอบค่ะ ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบทะเลทรายนี้มาก่อน” นัทธมนบอก
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ เคยอ่านแต่ในเน็ทได้มาอยู่จริง ๆ ก็ตื่นเต้นดีค่ะ” ปัทมาพูดบ้าง
“ไม่อยากถามฉันบ้างหรือฮ้าแฟรงก์” เดชศักดิ์อยากจะบอกความรู้สึกบ้าง
“ถามก็ได้ครับ..คุณเดรซชอบหรือเปล่า”
อัลเฟรดหันไปถามด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ฉันชอบมากกว่ายัยสองคนนั่นอีกฮ่ะ โดยเฉพาะได้มาพักอยู่กับคุณด้วย ยิ่งทำให้ได้บรรยากาศแบบอาหรับของแท้เลยล่ะแฟรงก์”
เดชศักดิ์ส่งสายตาเจ้าชู้ให้กับอัลเฟรด ก่อนจะหันมาพูดภาษาไทยกับเพื่อนทั้งสองว่า
“ฉันจะทำให้บรรยากาศค่ำคืนนี้เป็นบรรยากาศของการฮันนีมูนระหว่างฉันกับแฟรงก์”
“คืนนี้คุณเสร็จเพื่อนฉันแน่เลยค่ะ”
นัทธมนแอบกระซิบเตือนอัลเฟรด แต่ฝ่ายนั้นกลับหัวเราะชอบใจ
“กระซิบกระซาบอะไรคุณแฟรงก์บอกมา ยัยส้มปั่น”
เดชศักดิ์หันไปทำตาเขียวใส่เพื่อน
“สงสัยยัยส้มปั่นจะบอกให้คุณแฟรงก์ระวังตัวว่ะ” ปัทมาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“จริงหรือเปล่ายะ ยัยส้มเน่า..” เดชศักดิ์ถามย้ำ
“ฉันไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ก็แค่บอกให้แฟรงก์เตรียมหายาแก้ท้องร่วงไว้ให้แกกินแค่นั้นเอง” นัทธมนบอก
“ไม่ต้องมาแช่งฉันย่ะ..คืนนั้นที่ฉันท้องเสียก็เพราะกินอาหารที่ไม่คุ้นกระเพาะมากไปหน่อย แต่คืนนี้ฉันจะระวังไม่กินอะไรพร่ำเพรื่อ รับรองไม่ท้องเสียท้องร่วงแน่นอนย่ะ”
เดชศักดิ์บอก แต่นัทธมนหันไปสบตากับอัลเฟรดและยิ้มแบบรู้กันสองคน
“หวังว่าคืนนี้คุณคงไม่วางยาเพื่อนฉันอีกนะคะ”
นัทธมนแอบกระซิบอัลเฟรด แต่เขาไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวของชีวิตชาวทะเลทรายให้กับสามคนไทยฟัง ทุกคนตื่นเต้นกับเรื่องราวที่เขาเล่า
