21. โอกาสเป็นใจ
“เป็นอย่างไรบ้างคะพี่ชาย ได้พบกับเจ้าชายอัสเซนหรือเปล่า”
เจ้าหญิงไลล่าห์รีบถามพระเชษฐาทันทีที่เจ้าชายฮาเฟห์กลับจากรัฐมัสกัสตา
“พี่อัสเซนไปเที่ยว แต่อัมมานโทรไปบอกให้พี่อัสเซนโทรหาพี่แล้วล่ะ ถ้าเจ้าชายโทรมา พี่จะชวนเขามาเที่ยวที่รัฐเราแล้วก็ถือโอกาสพูดคุยปรึกษาเขาด้วย”
“น้องจะพูดให้เจ้าชายอัสเซนทรงเห็นใจไม่เลือกน้องเป็นชายา และเราสองคนก็ต้องช่วยกันพูดโน้มน้าวใจให้เจ้าชายอัสเซนเลือกพี่นูรีนนะคะ”
“เรื่องที่จะพูดให้เจ้าชายอัสเซนไม่เลือกเธอเป็นชายาน่ะคงพอได้ แต่เรื่องที่จะไปพูดโน้มน้าวใจให้เลือกนูรีนคงยาก”
“ทำไมล่ะคะ”
“อัมมานบอกว่าพี่อัสเซน หนีการตามตื้อของนูรีนไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วก็บ่ายเบี่ยงที่จะพบหน้านูรีนด้วย ท่าทางคงจะกลัวนูรีนจับปล้ำ เพราะมีท่านป้ามัสซูเมห์คอยสนับสนุน
พร้อมที่จะรับนูรีนเป็นสะใภ้อยู่แล้ว”
“ท่านแม่ของเราก็พร้อมที่จะรับพี่นูรีนเป็นสะใภ้เหมือนกันนะคะ”
“ท่านแม่พร้อม แต่พี่ไม่พร้อมหรอกจ๊ะน้องหญิง ยังไงพี่ก็ไม่ยอมแต่งกับนูรีน”
เจ้าชายฮาเฟห์รีบตรัสเสียงหนักแน่น
“น้องก็เหมือนกัน ไม่ยอมให้ท่านพ่อท่านแม่บังคับจิตใจเลือกคู่ให้เด็ดขาด นี่ถ้าน้องเป็นผู้ชายป่านนี้น้องก็คงหาเรื่องเดินทางออกไปท่องเที่ยวเหมือนเจ้าชายอัสเซนแล้วล่ะค่ะ แต่เพราะความเป็นหญิงนี่สิ ที่น้องทำไม่ได้”
เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ เจ้าหญิงทรงทราบดีว่าสตรีในประเทศซีนาเบีย ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ตามลำพังได้ จะต้องมีผู้ชายที่เป็นบิดาหรือพี่น้องผู้ชาย หรือจะเป็นสามีเท่านั้นไปด้วย หากใครที่ไปตามลำพังก็จะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ไม่มีชาติตระกูล อาจจะถูกแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับไปสอบสวนได้ แม้ว่าเจ้าหญิงจะเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ก็ตาม สถานที่ที่เจ้าหญิงสามารถไปได้โดยไม่ถูกเพ่งเล็งก็คือบ้านญาติพี่น้องอย่างเช่นเดินทางไปที่วังคอลซาเดส แต่เจ้าหญิงไลล่าห์ก็ไม่เคยไปวังคอลซาเดสที่รัฐมัสกัสตา ตามลำพังสักครั้ง ส่วนใหญ่ก็จะไปพร้อมกับพระบิดามารดาหรือไม่ก็กับพระเชษฐาฮาเฟห์
ระหว่างนั้นเมห์ดิ ก็เดินเข้ามาโค้งคำนับเจ้าชายฮาเฟห์ เพื่อทูลให้เจ้าชายได้ทราบถึงภารกิจที่จะต้องทำในวันนี้
“เมห์ดิ..แล้วเรื่องที่ให้สืบหาคนร้ายที่ปีนระเบียงห้องหญิงไลล่าห์ล่ะไปถึงไหนแล้ว”
เจ้าชายฮาเฟห์ทรงถามขึ้น เมห์ดิแอบหันไปสบตากับเจ้าหญิงไลล่าห์อย่างหวาดหวั่นใจ
“เอ้อ..ยังไม่มีความคืบหน้าเลยพ่ะย่ะค่ะ”
อัมมานตอบเสียงแผ่ว
“อะไรกัน ป่านนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลยหรือ”
“แหม..พี่ชาย..คนร้ายที่ไหนจะทิ้งเบาะแสอะไรให้ตามแกะรอยได้ง่าย ๆ ล่ะคะ”
เจ้าหญิงรีบตรัสเพื่อให้พระเชษฐาหยุดคาดคั้นกับคนรักของตน
“เอาเถอะ..ยังไงก็ต้องพยายามตามหาให้ได้ ตอนนี้พี่ไปก่อนนะน้องหญิง ถ้ามีอะไรคืบหน้าเรื่องเจ้าชายอัสเซนพี่จะมาบอก”
เจ้าชายฮาเฟห์หันมาตรัสกับเจ้าหญิงก่อนจะเสด็จออกไป อัมมานแอบส่งสายตาหวานซึ้งให้กับเจ้าหญิงไลล่าห์ เช่นเดียวกับที่เจ้าหญิงก็ทรงขยิบพระเนตรแย้มโอษฐ์ให้คนรัก เมห์ดิยิ้มตอบก่อนจะค่อย ๆ เดินตามเจ้าชายออกไป
“เมห์ดิ..เดี๋ยวก่อนสิ”
เจ้าหญิงทรงเรียกอัมมานเอาไว้ ทำให้เจ้าชายฮาเฟห์ที่กำลังเสด็จออกไปได้ยินเข้าจึงหันมา
“มีอะไรกับเมห์ดิหรือ หญิงไลล่าห์”
เจ้าชายทรงหันมาตรัสถามพระขนิษฐา
“คือ..น้องมีเรื่องจะขอถามเมห์ดิหน่อยน่ะค่ะ เดี๋ยวหญิงจะให้เมห์ดิตามพี่ชายไปนะคะ”
เจ้าชายฮาเฟห์ไม่สงสัย จึงพยักพระพักตร์แล้วก็เสด็จออกไปทันที
เจ้าหญิงกระซิบให้เมห์ดิปิดประตูห้อง เมห์ดิทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินมาหาเจ้าหญิงด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“เจ้าหญิงจะทรงทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหวังว่าเจ้าหญิงคงจะไม่ชวนเขาทำอะไรกันในห้องนี้หรอกนะ
“ดูทำหน้าเข้าสิ..ไม่ต้องตกใจหรอก ฉันก็แค่อยากจะพูดคุยอะไรกับเธอน่ะ”
“กระหม่อมนึกว่า..เจ้าหญิงจะ..” เมห์ดิใช้สายตาหยอกเย้าเจ้าหญิง
“ก็พูดออกมาสิ..”
เจ้าหญิงทรงใช้สายตาหยอกล้อกลับไปเช่นกัน
“กระหม่อมนึกว่าจะชวนกระหม่อมพลอดรักเสียอีก”
“นี่แน่ะ..ทำเป็นพูดดี เธอก็รู้ว่าตอนนี้กำลังมีเรื่องที่จะทำให้เราร้อนใจ” เจ้าหญิงทรงตีแขนเมห์ดิเบา ๆ
“กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะเรื่องนี้แหละที่ฉันอยากจะพูดกับเธอ ท่านแม่กับพี่ชายกำลังให้สืบหาคนร้ายที่ปีนระเบียงห้องของฉันอยู่”
เจ้าหญิงรีบตรัสอย่างรวบรัด ทั้งคู่กวาดตามองไปที่ประตูด้วยเกรงว่าจะมีใครมาได้ยินการสนทนา
