20. เที่ยวไปกับไกด์ผู้สูงศักดิ์
อัลเฟรดขับรถพาสามคนไทยออกจากตัวเมืองเพื่อไปเยี่ยมชนชนบทบ้าง ทำให้ทั้งสามตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นผืนทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แทบจะหาสิ่งก่อสร้างไม่เจอเลย นาน ๆ ครั้งก็จะพบกับคาราวานอูฐที่บรรทุกสิ่งของ ผู้คนผ่านมาให้เห็นเป็นกลุ่ม ซึ่งอัลเฟรดคอยเล่าให้ฟังว่าเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่กลางผืนทรายนำสินค้าจากหมู่บ้านหนึ่งไปขายยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งจะนิยมใช้อูฐเป็นพาหนะในการขนสินค้าแทนรถ เพราะเส้นทางระหว่างหมู่บ้านในบางแห่งไม่เหมาะที่รถจะวิ่งได้
“ต๊าย..สมัยนี้แล้วยังใช้อูฐเป็นพาหนะอยู่อีกหรือเนี่ย”
เดชศักดิ์นั่งคู่กับคนขับอย่างอัลเฟรดอยู่ด้านหน้าพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แต่เขาพูดภาษาไทย อัลเฟรดจึงไม่เข้าใจ ได้แต่ขับรถยิ้มไป ทว่า..สายตาของอัลเฟรดแอบมองสบตากับนัทธมน ที่นั่งคู่กับปัทมาอยู่เบาะหลังทางกระจก
“แหม..ยัยเดรซ อูฐเขามีไว้ใช้แรงนะยะ ไม่ได้มีเอาไว้โชว์ นอกจากใช้บรรทุกสัมภาระแล้วเดี๋ยวนี้เขาก็มีอูฐไว้ให้นักท่องเที่ยวขี่ชมวิวด้วยย่ะ”
ปัทมาพูดขึ้น
“รู้ย่ะ..เหมือนกับเพื่อน ๆ ของหล่อนไง ที่ต้องใช้แรงลากไม้ลากซุงอยู่ในป่า แต่เดี๋ยวนี้เพื่อนหล่อนหลายเชือก ก็ถูกจับมาฝึกเต้นระบำ ฝึกวาดรูป บางทีก็ฝึกเล่นฟุตบอลโชว์ตามสวนสัตว์ สวนสามพรานให้นักท่องเที่ยวชมไงยะ”
เดชศักดิ์หันมาแขวะปัทมาด้วยความสนุกปาก
“ยัยเดรซ..แกไม่แขวะฉันสักวันจะได้ไหม..แหม..พอมีเรี่ยวมีแรงหายท้องเสียก็เริ่มปากดีขึ้นมาเชียวนะ อยากโดนด่านักใช่ไหม ยัยตุ๊ดเทอร์โบ”
ปัทมาต่อว่ากลับด้วยแววตาดุ
“ว้าย..ช้างตกมัน น่ากลัวจุง อิอิ”
เดชศักดิ์ทำท่าตัวสั่นหวาดกลัว แต่หัวเราะคิกคักถูกใจที่ได้ล้อเลียนปมด้อยของเพื่อน
“ถ้าฉันเป็นช้างตกมันจริง ๆ ฉันจะเหยียบแกเป็นคนแรก”
ปัทมาค้อนประหลับประเหลือก เดชศักดิ์หัวเราะถูกใจพลอยทำให้นัทธมนขำก๊ากไปด้วย รวมทั้งคนที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องอย่างอัลเฟรดก็ยังอดที่จะหัวเราะตามไม่ได้
“พวกคุณหัวเราะอะไรครับ” อัลเฟรดถามขึ้น
“อ้าว..ไม่รู้ว่าพวกเราหัวเราะอะไร แล้วคุณหัวเราะตามทำไมล่ะฮ้า..แฟรงก์”
เดชศักดิ์หันมาถามคนขับข้าง ๆ เสียงหวาน
เวลานี้เดชศักดิ์ไม่ได้แอ๊บแมนหรือเก็บอาการอีกแล้ว เขาแสดงความกระตุ้งกระติ้งอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นว่าอัลเฟรดไม่ได้มีท่าทีรังเกียจตน เดชศักดิ์วาดหวังเอาไว้ว่าคืนนี้ ถ้าอยู่ห้องนอนสองต่อสองกับอัลเฟรดจะสารภาพความในใจให้หมดเลย เผื่อฟลุ้คได้เป็นแฟนกับอัลเฟรดอย่างเปิดเผยเสียที
“ไม่รู้สิครับ ผมเห็นพวกคุณหัวเราะกันก็เลยอยากหัวเราะด้วย”
อัลเฟรดบอกแล้วก็หัวเราะเบา ๆ
“ต๊าย..สามีฉัน..น่ารักซะไม่มีล่ะ”
เดชศักดิ์อุทานตื่นเต้นด้วยภาษาไทย
“อยากให้คุณแฟรงก์รู้จริง ๆ เล้ย ว่าแกตู่เรียกเขาว่าสามี ถ้าเขารู้เข้าคงเผ่นหนีไม่ทันแน่” ปัทมาพูดขัดคอ
“ใช่..แกไม่ควรเรียกคุณแฟรงก์ ว่าสามีนะยัยเดรซ เพราะเขาไม่ได้ชอบเพศเดียวกันกับแก”
นัทธมนแอบบอกความนัย
“แกรู้ได้ยังไงยะยัยส้มปั่น” เดชศักดิ์ย้อนถาม
“ถ้าเขาชอบแก แบบชายรักตุ๊ด..เมื่อคืนนี้เขากับแกก็คงจะซาบาลาฮึ่มกันไปแล้วล่ะ จริงไหม”
นัทธมนไม่ได้บอกความจริงว่าเธอรู้มาจากปากของอัลเฟรดโดยตรง
“เมื่อคืนฉันเพลียเพราะท้องเสียย่ะ แต่คืนนี้ฉันกับแฟรงก์..มีฟิชเจอริ่งกันแน่นอน..พวกแกคอยอิจฉาก็แล้วกัน”
เดชศักดิ์มั่นใจพร้อมปรายตาหวานใส่อัลเฟรด
นัทธมนแอบซ่อนยิ้มเพราะรู้ว่าอัลเฟรดไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ หากคืนนี้เดชศักดิ์ คิดจะเผด็จศึกปลุกปล้ำอัลเฟรดขึ้นมา นัทธมนก็คิดว่าคนฉลาดอย่างอัลเฟรดคงเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน
“คุณส้มยิ้มอะไรหรือครับ”
อัลเฟรดเห็นนัทธมนทางกระจกก็อดถามไม่ได้
“อ๋อ..เปล่าค่ะ..แค่พวกเราพูดเรื่องตลกน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรครับ ให้ผมรู้ด้วยสิครับ” อัลเฟรดสบตาเธอ
“ฉันบอกให้ก็ได้ค่ะคุณแฟรงก์ คือ คืนนี้เดรซจะ..”
ไม่ทันที่ปัทมาจะพูดได้จบประโยคก็ถูกเดชศักดิ์เอี้ยวตัวเอามือมาปิดปากได้ทันท่วงที นัทธมนหัวเราะขบขันเช่นเดียวกับอัลเฟรดที่หัวเราะออกมา เขาพอจะเดาออกว่า
คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงอย่างไรเขาก็เตรียมแผนเอาไว้แล้วเช่นกัน
“ยัยเอ๋บ้า..ไปพูดให้เขาตกใจทำไมยะ..เดี๋ยวเขาก็ขอแยกห้องนอนกับฉันหรอก”
เดชศักดิ์ต่อว่าปัทมาด้วยภาษาไทย
“อย่าไปฟังคำพูดเพ้อเจ้อของยัยเอ๋เลยนะฮ้าแฟรงก์..”
เดชศักดิ์หันมาทำตาหวานใส่อัลเฟรดก่อนจะยอมปล่อยมือจากปากของปัทมา
“พวกคุณสามคนนี่ ทำให้ผมมีความสุขจังเลย มาเที่ยวด้วยแล้วไม่เครียดเลย”
อัลเฟรดบอกจากใจจริง
“แต่อาจจะเพี้ยนแทนได้ค่ะ” นัทธมนว่า
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเพี้ยนแล้วทำให้มีความสุขลืมปัญหาในชีวิตได้”
อัลเฟรดบอก อดกังวลใจกับการที่จะต้องกลับไปยังวังคอลซาเดส เขายังไม่พร้อมที่เลือกคู่เพื่อแต่งงานเลย
“คุณแฟรงก์พูดเหมือนกับว่ามีปัญหาชีวิตอย่างนั้นแหละ บอกได้ไหมฮ้าว่ามีอะไร เผื่อพวกเราจะช่วยได้”
เดชศักดิ์ถามด้วยความอยากรู้
“พวกคุณคงช่วยผมไม่ได้หรอกครับ มันเป็นปัญหาในครอบครัว”
พออัลเฟรดพูดมาแบบนั้นทุกคนก็เลยต้องนิ่งเงียบไปชั่วคราว ก่อนที่เดชศักดิ์จะหาเรื่องคลายเครียดมาเล่าให้ทุกคนในรถได้หัวเราะกันไปตลอดทาง
