15. ยังมีหวังมุ่งมั่นต่อไป
เดชศักดิ์เดินอย่างอ่อนระโหยโรยแรงออกจากห้องนอน มาทิ้งตัวลงนั่งพิงโซฟาห้องรับแขกที่มีนัทธมนกับปัทมานั่งดูทีวีกันอยู่แล้ว ทั้งสองสาวดูสภาพของเพื่อนแล้วได้แต่นึกสงสัย
“ต๊าย..เพิ่งจะเสด็จออกมาจากห้องพระบรรทมหรือเจ้าชาย เอ๊ย เจ้าหญิงเดรซซี่..นี่มันเก้าโมงเช้าแล้วนะเพคะ”
ปัทมาพูดหยอกล้อ เธอกับนัทธมนต่างก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะฟังข่าวร้ายแต่เป็นข่าวดีของเดชศักดิ์ที่จะบอกว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างเดชศักดิ์กับอัลเฟรด ยิ่งสองสาวดูเวลาแล้ว ไม่เห็นว่าทั้งสองหนุ่มจะออกจากห้องนอนมาเสียทีก็ได้แต่คาดเดากันว่าทั้งคู่คงจะทำอะไรกันทั้งคืนจนอ่อนเพลียกระทั่งหลับไหลไม่ยอมตื่นมาให้ทันอาหารเช้าเหมือนกับสองสาวที่สั่งอาหารเช้ามารับประทานกันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่แปดโมงเช้า
“ฉันลุกมาได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เมื่อคืนอ่อนเพลียจะตายพอตื่นมาก็ยังไม่หายเพลียเลยเนี่ย”
เดชศักดิ์กึ่งนอนกึ่งนั่งเอนหลังบนโซฟาหลับตาพูดให้เพื่อนรับรู้
“หมั่นไส้ อยากจะอวดพวกฉันล่ะซี้ ว่าเมื่อคืนนี้อ่อนเพลียทั้งคืนเพราะอะไร อยากจะให้พวกฉันอิจฉาแกใช่ไหมล่ะ”
ปัทมาค่อนขอดพร้อมค้อนเดชศักดิ์
“แกเป็นโรคจิตหรือไงยะยัยเอ๋อู้ด ๆ ถึงได้อิจฉาที่ฉันท้องเสียจนหมดแรงอ่อนเพลียเนี่ย” เดชศักดิ์ต่อว่างง ๆ
“ตกลงแกอ่อนเพลียเพราะท้องเสียเหรอ...พวกฉันนึกว่า....”
ปัทมาพูดค้างเอาไว้แต่สายตามองไปทางห้องนอนที่เดชศักดิ์ นอนห้องเดียวกับอัลเฟรดเมื่อคืน
“นึกว่าอะไรยะ”
เดชศักดิ์หันไปจ้องหน้าสองสาวสลับกันไปมา
“ก็นึกว่าแกปล้ำกับคุณแฟรงก์จนเหนื่อยหมดแรงน่ะสิ” นัทธมนเป็นคนพูดขึ้น
“ปล้ำได้ก็ดีสิยะ..เมื่อคืนพวกแกสองคนก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฉันท้องเสียทั้งคืนจนไม่มีแรง ฉันได้งีบหลับเอาแรงตอนตีสองเองนะ ถึงได้ตื่นสายไงล่ะ”
เดชศักดิ์เฉลย สองสาวหันไปมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม
“ถ้าแกไม่ได้ปล้ำคุณแฟรงก์ แล้วทำไมคุณแฟรงก์ถึงยังไม่ตื่นอีกล่ะ”
นัทมธนอดสงสัยไม่ได้
“ใครบอกว่ายังไม่ตื่นยะ เขาอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องไปตั้งแต่ไก่โห่แล้ว”
เดชศักดิ์บอกอย่างเซ็งในอารมณ์
“จริงเหรอ แล้วเขาไปไหนล่ะป่านนี้ยังไม่ขึ้นมาอีก” ปัทมาสงสัยบ้าง
“ฉันไม่ใช่เมียเขานะ จะได้รู้เรื่องของเขาทุกอย่าง เอาไว้ฉันปลุกปล้ำจนได้เขาเป็นสามีเมื่อไหร่รับรองฉันจะต้องรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว แล้วฉันจะเล่าให้หล่อนฟัง
ดีไหมล่ะยัยเอ๋” เดชศักดิ์พูดประชดปัทมา.
“ไม่ต้องย่ะ..ฉันอยากรู้แค่ว่าเมื่อคืนนี้..แกยังไม่ได้ทำอะไรคุณแฟรงก์ใช่ไหม”
ปัทมารีบถามให้แน่ใจอีกที
“ทำบ้าอะไรล่ะ ฉันจู๊ด ๆ เทียวเข้าส้วมไม่รู้กี่รอบ กว่าจะหยุดท้องเสียก็หมดแรงไปแล้ว” เดชศักดิ์ค้อนเพื่อนแก้เซ็ง
“อย่างนี้คุณแฟรงก์ของฉันก็ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่น่ะสิ ว้าว..ดีใจจังเลย”
ปัทมาทำท่าลิงโลดดีใจขึ้นมาทันที
“นี่ยัยหมอนตู..เกรงใจว่าที่ภรรยาของแฟรงก์บ้างนะ นั่งหัวโด่อยู่เนี่ย” เดชศักดิ์ขัดคอ
“ใครวะ ว่าที่ภรรยาของแฟรงก์”
นัทธมนถามขึ้นด้วยความขบขัน
“ก็ฉันนี่ไง พวกหล่อนสองคนไม่มีสิทธิ์ย่ะ”
เดชศักดิ์ ออกอาการกันท่าเอาไว้ก่อน
“ถามคุณแฟรงก์หรือยังว่าเขาจะยอมเป็นสามีตุ๊ดอย่างแกหรือเปล่า”
ปัทมาขัดคอด้วยความสะใจ
“ยอมหรือไม่ยอม คืนนี้ก็จะได้รู้กัน ฉันจะต้องทำให้แฟรงก์เป็นของฉันให้ได้คอยดู”
เดชศักดิ์กล่าวอย่างมั่นใจ แววตามุ่งมั่นเอาจริง
“ยี้..น่าเกลียดจ้องปล้ำผู้ชาย” ปัทมาว่า
“แล้วหล่อนล่ะยะ ไม่จ้องอยากจะเป็นแฟนแฟรงก์รึไง ฉันเห็นสายตาหล่อนจ้องแฟรงก์ของฉัน ตาเป็นมันเชียว”
“แต่ฉันไม่ได้จ้องจะปล้ำเขาเหมือนแก..ฉันจะใช้ความสวยที่มี ทำให้แฟรงก์เขาหันมาสนใจฉันย่ะ” ปัทมาเถียง
“ความสวยที่มี หรือน้ำหนักที่มีกันแน่ยะ ถ้าคุณแฟรงก์จะสนใจแก ก็คงสนใจพาแกไปสมัครมวยปล้ำมากกว่า”
“แกก็เหมือนกันแหล่ะ คุณแฟรงก์สนใจจะพาแกไปสมัครทำงานที่บาร์เกย์มากกว่า”
ปัทมาโต้ตอบทันควัน
“ว้าย..ชอบฮ่ะ..”
เดชศักดิ์ทำท่าชอบอกชอบใจหัวเราะคิกคัก
“นี่..เลิกจิกกัดกันได้แล้ว ยัยเดรซ..แกควรจะกินอาหารเช้าให้มีแรงนะ ก่อนที่คุณแฟรงก์จะพาพวกเราไปเที่ยวต่อในวันนี้ ส่วนแกยัยเอ๋..ถ้าสนใจจะลงไปเดินเล่นข้างล่างกับฉันก็ไปเปลี่ยนชุดใหม่ ฉันให้เวลาแกสิบนาที”
นัทธมนเป็นกรรมการเข้ามาตัดสิน และจัดแจงหากิจกรรมให้เพื่อนทั้งสองเลือก
“ฉันไม่อยากไป จะดูหนังเคเบิ้ลสักเรื่อง”
ปัทมาพูดจบก็หันไปกดรีโมททีวีหาสิ่งที่ต้องการดู
“ส่วนฉันก็จะโทรไปสั่งอาหารขึ้นมากิน แกอยากจะลงไปเดินหาเนื้อคู่ข้างล่างก็ตามสบายเลยจ๊ะยัยส้ม แต่ถ้าเจอคุณแฟรงก์ของฉัน ก็ห้ามตีท้ายครัวนะยะ”
เดชศักดิ์สั่งเสียงหวาน นัทธมนส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไป
