14. บอกเป็นนัยแต่ไม่รู้
“ก็..พี่นูรีนไงเพคะ ท่านแม่ไม่ทราบหรือเพคะว่าพี่นูรีนเป็นหลานรักของท่านป้ามัสซูเมห์ ท่านป้าทรงปรารถนาที่จะได้พี่นูรีนเป็นสะใภ้ที่สุด”
“ท่านลุงซาบาห์ก็ทรงปรารถนาที่จะได้ลูกหญิงของแม่เป็นสะใภ้มากที่สุด ลูกหญิงของแม่เป็นหลานรักของท่านลุง ฉะนั้นลูกจะต้องได้รับการคัดเลือกแน่นอน เพราะท่านลุงซาบาห์ของลูกเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของแม่ ท่านย่อมเลือกหลานรักของตัวเองให้เป็นสะใภ้หลวงที่วังคอลซาเดสที่รัฐมัสกัสตา”
“แต่เจ้าหญิงนูรีนก็เป็นหลานท่านลุงเหมือนกันนี่คะ.ต้องให้ความเป็นธรรมแก่พี่นูรีนด้วยเช่นกัน”
เจ้าหญิงรีบแย้งทันที
“ใช่..นูรีนก็เป็นหลานของท่านลุงเหมือนกันแถมยังเป็นหลานรักท่านป้าของลูกด้วย แต่เรื่องนี้แม่สามารถที่จะพูดกับท่านป้ามัสซูเมห์ได้ว่าแม่กำลังจะจับจองนูรีนไว้ให้เป็นชายาของฮาเฟห์ เพราะเจ้าหญิงนูรีนเหมาะที่จะเป็นสะใภ้ของแม่ มาอยู่ที่รัฐโฮดาห์ของเรามากกว่า”
“ท่านแม่!..ไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ลูกถูกงูกัดตายดีกว่าจะให้เอาหญิงนูรีนมาเป็นชายา”
เจ้าชายฮาเฟห์ทรงโบกพระหัตถ์ไปมาด้วยสีพระพักตร์หวาดหวั่น
“นูรีนแย่ขนาดที่ลูกยอมให้งูกัดตายเชียวหรือฮาเฟห์ ถ้านูรีนมาได้ยินเข้าคงจะเสียใจมาก เจ้าอย่าได้ไปพูดแบบนี้ต่อหน้านูรีนเชียวนะ”
พระมารดาทรงเตือนพระโอรส
“ก็ลูกไม่ชอบนูรีน ผู้หญิงที่ชอบบังคับคนอื่นลูกไม่ชอบ” เจ้าชายทรงนินทาให้ฟัง
“อะไรกัน แม่นึกว่าลูกโตพอที่จะแยกแยะได้แล้วเสียอีก เรื่องที่ลูกกับนูรีนไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก ๆ นั่น ยังลามมาถึงตอนโตอยู่อีกหรือ ตอนนี้นูรีนก็คงลืมไปแล้ว แต่ลูกเป็นผู้ชายแท้ ๆ กลับจำฝังใจ มันน่าเกลียดนะฮาเฟห์”
“ท่านแม่แน่ใจหรือว่านูรีนจะลืม ยัยนั่นน่ะจำมากกว่าลูกเสียอีก”
เจ้าชายทรงพูดถึงคนที่พระองค์ไม่โปรดอย่างหมั่นไส้
เหตุที่ทำให้เจ้าชายไม่ชอบเจ้าหญิงนูรีนตั้งแต่เด็กก็เพราะว่าทุกครั้งที่บรรดาราชวงศ์ทั้ง 3 รัฐ ไปพบปะกันที่พระราชวังคอลซาเดส ของท่านชีคซาบาห์ที่รัฐมัสกัสตา บรรดาพระโอรสธิดาของท่านชีคทั้งสามรัฐ ก็จะมีการเล่นกันตามประสาเด็ก ๆ เจ้าชายฮาเฟห์ ก็จะถูกเจ้าหญิงนูรีนทรงบังคับให้สวมกระโปรงแต่งตัวแบบผู้หญิง แล้วก็เล่นบทเป็นสาวใช้ของเจ้าหญิงนูรีน ต้องยอมให้เจ้าหญิงนูรินจิกใช้งานเยี่ยงทาส บางครั้งเจ้าชายฮาเฟห์ไม่ทรงยินยอมทำตาม เจ้าหญิงนูรีนก็จะวิ่งกรรแสงไปฟ้องพวกผู้ใหญ่ให้จัดการ ด้วยการ กล่าวหาว่าเจ้าชายฮาเฟห์ทำร้ายบ้างล่ะ กลั่นแกล้งให้ได้รับบาดเจ็บบ้างล่ะ แล้วแต่จะเพ็จทูล จนทำให้เจ้าชายถูกลงโทษบ่อย ๆ
“ถึงจะจำยังไงก็คงเป็นความทรงจำที่ดีแหล่ะจ๊ะ เพราะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของลูกกับนูรีนที่มีมาตั้งแต่ในวัยเด็ก แม่จึงอยากจะเห็นลูกได้แต่งงานกับนูรีน มีหลานให้แม่อุ้มไว ๆ ลูกจะบ่ายเบี่ยงไม่แต่งงานไม่ได้หรอก อย่าลืมว่าลูกคือรัชทายาทของเจ้าผู้ครองรัฐต่อจากท่านพ่อ”
“แต่ลูกขอเวลาอีกสักสองสามปีก่อนพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็ให้ลูกอายุสัก 27 ปีเท่าเจ้าชายอัสเซนก่อน”
“ไม่ได้จ๊ะ..ถ้าลูกไม่ผ่านพิธีเลือกคู่ก่อน จะทำให้
ไลล่าห์ไม่สามารถที่จะแต่งงานกับเจ้าชายอัสเซนได้”
“ทำไมละเพคะท่านแม่เกี่ยวกับหญิงด้วยหรือเพคะ”
เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงสงสัย
“เกี่ยวสิจ๊ะ ตามธรรมเนียมแล้วจะต้องมีการออกเรือนตามลำดับ ลูกคนโตต้องแต่งงานก่อนใครเพื่อน ดังนั้นฮาเฟห์จะต้องแต่งงานก่อนน้อง จึงจะทำให้ไลล่าห์สามารถเข้าพิธีแต่งงานกับอัสเซนได้”
“อุ๊ย!..ถ้าอย่างนั้นหญิง ไม่ต้องไปเข้าพิธีคัดเลือก
ที่มัสกัสตาแล้วน่ะสิเพคะ ต้องรอให้พี่ชายได้เข้าพิธีเลือกชายาก่อน”
“ไม่จำเป็นหรอกจ๊ะ”
คำพูดพระมารดาทำให้พระพักตร์เจ้าหญิงซีดไปทันที
“ทำไมละเพคะท่านแม่ ก็เมื่อกี้ท่านแม่บอกเองว่าน้องจะแต่งงานก่อนพี่ไม่ได้ จะต้องแต่งตามลำดับ”
“ใช่จ๊ะ..พี่ชายของลูกจะต้องแต่งงานก่อน ส่วนลูกจะแต่งงานกับเจ้าชายอัสเซนในตอนหลัง แต่ว่าสามารถที่จะทำพิธีจองตัวเป็นชายาได้ก่อน พูดง่าย ๆ ว่าหมั้นกันไว้ก่อน แล้วค่อยแต่งงานหลังจากที่พี่ชายของหญิงแต่งงานแล้ว ซึ่งแม่จะทำให้เสร็จสิ้นภายในปีเดียวกันจ๊ะ”
เจ้าชายฮาเฟห์ทรงหันไปสบพระเนตรกับพระขนิษฐาด้วยความห่อเหี่ยว
“แม่บอกลูกทั้งสองเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้”
พระมเหสีตรัสเสร็จแล้วก็ทรงลุกขึ้นและเสด็จกลับห้องส่วนพระองค์ทันที ปล่อยให้สองพี่น้องได้พูดคุยกันตามลำพัง
“เธอต้องช่วยพี่แล้วล่ะไลล่าห์”
เจ้าชายตรัสกับพระขนิษฐาเมื่อพระมารดาออกไปแล้ว
“พี่ชายก็ต้องช่วยน้องเหมือนกัน น้องไม่อยากเป็นชายาของเจ้าชายอัสเซน”
“แต่พี่ว่า น้องควรจะดีใจนะที่จะได้เป็นชายาของเจ้าชายอัสเซน สาว ๆ ทั้งประเทศต่างก็ปรารถนากันทั้งนั้น น้องโชคดีแค่ไหนที่จะได้ถูกเลือก”
“น้องจะดีใจ..ถ้า..น้องรักหรือชอบเจ้าชายอัสเซน..แต่นี่น้องไม่ได้รักเจ้าชายอัสเซน”
“น้องหญิงพูดเหมือนกับว่าน้องกำลังรักใครอยู่อย่างนั้นแหละ”
เจ้าชายทรงสบพระเนตรพระขนิษฐา
“เอ้อ..ปละ..เปล่านะคะ..น้องไม่ได้รักใคร”
เจ้าหญิงตอบแบบตะกุกตะกักหลบพระเนตรอีกฝ่าย
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไรนี่นา พี่อัสเซนเป็นถึงเจ้าชายแห่งมัสกัสตาและยังเป็นญาติของเราอีกด้วย น้องไม่เห็นจะต้องกังวลใจอะไรเลยนะไลล่าห์”
“แล้วพี่ชายล่ะ ไม่เห็นจะต้องกังวลใจอะไรเลยที่จะต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงนูรีน เพราะเธอก็เป็นญาติเราเหมือนกัน”
“มันไม่เหมือนกันหรอก เธอกับเจ้าชายอัสเซนไม่ได้มีปัญหากันเหมือนพี่กับนูรีน”
“ถึงไม่มีปัญหากัน แต่น้องก็ไม่ได้รักเจ้าชายอัสเซน
นี่คะ น้องมีคนที่น้องรักอยู่แล้ว ถึงเขาจะเป็นเพียงคนธรรมดาไม่ได้มีเชื้อพระวงศ์ แต่หญิงก็รักเขาด้วยหัวใจค่ะ”
เจ้าหญิงทรงเผลอเล่าออกมาจนได้
“ว่าไงนะ!..ไหนลองพูดใหม่สิไลล่าห์”
เจ้าชายตกพระทัยไม่น้อย
“มะ..ไม่ค่ะ..ไม่มีอะไร น้องก็แค่..พูดเล่นน่ะ”
“แต่พี่ดูหน้าตาของเธอแล้วไม่ได้พูดเล่นแน่ ๆ บอกความจริงกับพี่มาเดี๋ยวนี้นะไลล่าห์ ว่าน้องรักอยู่กับใคร”
ทรงจ้องพระพักตร์คาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ เจ้าหญิงไลล่าห์พระทัยเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่เจ้าหญิงทรงหวาดวิตกคือความเดือดร้อนของเมห์ดิชายคนรัก
“ไม่ค่ะ น้องบอกไม่ได้ ขอให้พี่ชายรู้ไว้แต่เพียงว่าเรารักกันมาก น้องรักเขามาก แม้แต่ชีวิตน้องก็ให้เขาได้เพราะว่า..น้อง..น้องกับเขา เรา..มีอะไรกันแล้ว”
เจ้าหญิงทรงคิดว่าการสารภาพความจริงนี้จะทำให้พระเชษฐาทรงหาทางช่วยเหลือได้
“บ้าไปแล้ว น้องหญิงรู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรอยู่”
เจ้าชายฮาเฟห์ทรงตำหนิพระขนิษฐาที่พูดจาไม่ระวัง
“น้องรู้ค่ะ น้องอยากจะให้ท่านแม่รู้ว่า น้องไม่บริสุทธิ์แล้ว ไม่ควรส่งน้องไปเป็นชายาที่รัฐมัสกัสตา”
“น้องพูดอะไรออกมารู้ตัวไหมไลล่าห์ เรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหน”
“น้องรู้ดีค่ะ น้องถึงได้บอกไงคะว่าน้องไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว”
เจ้าหญิงทรงย้ำให้พระเชษฐาได้รับรู้
“โธ่..เด็กโง่เอ๊ย..ที่แท้ก็หลอกพี่ให้ตกใจนี่เอง เพราะไม่อยากจะเป็นชายาของเจ้าชายอัสเซนล่ะสิ ถึงได้สร้างเรื่องไม่บริสุทธิ์นี้ขึ้นมา ยังไงพี่ก็ไม่เชื่อเราหรอกว่าจะไปทำตัวเหลวไหลอย่างนั้นได้ ชีวิตของหญิงอยู่ในสายตาของทุกคนในวังนี้ จะไปเอาเวลาไหนไปทำเรื่องไม่ดีไม่งามได้จริงไหม”
เจ้าชายทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เจ้าหญิงไลล่าห์ได้แต่แย้มโอษฐ์แบบแหย ๆ อุตส่าห์เล่าเรื่องจริงแล้วยังไม่เชื่ออีก แต่ก็ดีเหมือนกัน เมห์ดิจะได้ไม่เดือดร้อนถูกลงโทษ
“เอาล่ะ พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องหญิงดีเพราะพี่ก็กำลังจะถูกบังคับเหมือนกัน พี่ว่าตอนนี้เรามาช่วยกันให้รอดพ้นจากการคลุมถุงชนนี้ดีกว่า”
เจ้าชายทรงเริ่มปรึกษาหารือกับพระขนิษฐาอย่างเป็นเป็นเป็นจัง
