12. สืบหาคนร้ายที่ลอบเข้าวัง
วันรุ่งขึ้น เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงพระดำเนินมายังท้องพระโรงตำหนักใหญ่ตามที่มีบัญชาให้เข้าเฝ้าพระมเหสีชาห์ล่า เมื่อไปถึงเจ้าหญิงก็เห็นเจ้าชายฮาเฟห์ผู้เป็นพระเชษฐาทรง
ประทับอยู่กับพระมารดาแล้ว สีพระพักตร์ของทั้งคู่ออกจะเคร่งเครียดราวกับถกปัญหาอะไรสักอย่างกันอยู่
“มานั่งนี่เลยไลล่าห์..”
พระมเหสีชาห์ล่าทรงตบที่โซฟาข้างวรกายให้กับพระธิดาด้วยความร้อนรนพระทัย
“มีอะไรหรือเพคะท่านแม่ ทำไมหน้าตาท่านแม่กับพี่ชายดูซีเรียสจังเลย”
เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงมาประทับข้างพระมารดาด้วยสีพระพักตร์สดชื่นมีความสุข หลังจากเมื่อคืนนี้ได้พลอดรักกับเมห์ดิ หลายชั่วโมง
“จะไม่ให้ซีเรียสได้ยังไงล่ะ เมื่อคืนนี้มีคนเห็นคนร้ายแอบปีนอยู่ที่ระเบียงหน้าต่างใกล้กับห้องนอนของเธอ”
เจ้าชายฮาเฟห์ ตรัสกับพระขนิษฐาด้วยสุรเสียงกังวล เจ้าหญิงทรงมีอาการพิรุธหน้าซีดขึ้นมาทันที ทว่า..พระมารดากับพระเชษฐาก็เข้าใจว่าเจ้าหญิงคงจะตกพระทัยที่ได้ยินเช่นนั้น แต่หารู้ไม่ว่าที่เจ้าหญิงทรงตกพระทัยนั้นมิใช่ได้ยินว่ามีโจรผู้ร้ายแต่อย่างใด เจ้าหญิงทรงกลัวว่าจะมีคนจับได้ต่างหากว่าเมื่อคืนนี้ปีนพระบัญชรห้องบรรทมออกไปหา
เมห์ดิที่อุทยาน
“ตายจริง..แล้ว..จับได้หรือเปล่าเพคะ”
เจ้าหญิงตั้งพระสติได้ก็ทรงแสร้งตกพระทัยตรัสถาม
“ไม่ได้น่ะสิ เช้านี้ก็เลยให้เมห์ดิกับอาวีฟไปสืบหาตัวคนร้ายดู”
เจ้าชายฮาเฟห์ตรัสตอบเจ้าหญิง
“ต่อไปนี้ แม่จะให้มหาดเล็กไปประจำที่ด้านหลังอุทยานตรงหน้าต่างห้องนอนของลูกทุกคืน เพื่อความปลอดภัย”
พระมเหสีตรัสกับพระธิดาด้วยความห่วงใยตามประสามารดาที่รักลูก แต่ทำให้เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงอึดอัดขึ้นมาได้ นั่นเท่ากับว่านับจากนี้ไปเจ้าหญิงจะไม่มีโอกาสได้ปีนออกไปหาเมห์ดิได้อีกแล้ว คราวนี้จะทำอย่างไรดีหนอ เจ้าหญิงได้แต่ครุ่นคิดหาวิธีที่จะได้พบกับเมห์ดิตามลำพัง
“อย่าทำหน้าวิตกอย่างนั้นสิลูกหญิง แม่บอกแล้วไงว่าจะให้คนไปเฝ้าตำหนักของลูกเพิ่มขึ้น”
พระมารดาตรัสเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นสีพระพักตร์ที่วิตกกังวลของพระธิดา หากพระมเหสีทรงทราบว่าพระธิดาของพระนางนั้นวิตกกังวลว่าจะไม่ได้พบกับชายคนรัก พระนางคงจะช็อกไปเลยก็ได้ เพราะเจ้าหญิงไลล่าห์ในสายพระเนตรของพระบิดามารดา คือ เจ้าหญิงสูงศักดิ์เพียบพร้อมด้วยความเป็นกุลสตรี มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีเรื่องด่างพร้อยเรื่องผู้ชายเลย เจ้าหญิงครองชีวิตโสดมาได้ 23 ชันษาในปีนี้แล้ว และท่านชีคอุมม์กัสกับพระมเหสีชาห์ล่ากำลังจะให้เจ้าหญิงได้เข้ารับการคัดเลือกเป็นพระชายาของเจ้าชายอัสเซนแห่งมัสกัสตาในไม่ช้านี้แล้ว พระนางหมายมั่นอย่างมากว่าพระธิดาผู้แสนเพอร์เฟ็คของพระนางจะต้องได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัสเซนอย่างแน่นอน
“แล้วพี่ก็จะจับตัวไอ้คนที่มันแอบปีนขึ้นไประเบียงห้องของน้องหญิงให้ได้ด้วย”
เจ้าชายฮาเฟห์ตรัสด้วยความดุดันจนเจ้าหญิงต้องแอบลอบกลืนพระเขฬะด้วยความหวาดหวั่นพระทัย
“ใครเป็นคนเห็นคนร้ายหรือคะพี่ชาย”
เจ้าหญิงจ้องพระพักตร์พระเชษฐาอย่างใคร่รู้
“ก็อาวีฟ องครักษ์ของเธอน่ะสิ อาวีฟบอกว่ากำลังจะออกเวรดึกเมื่อคืนนี้ก็เห็นคนร้ายในชุดดำผ้าคลุมหน้าก็สีดำกำลังเดินย่องบนระเบียงไปทางหน้าต่างห้องนอนของเธอ
อาวีฟจึงวิ่งไปเรียกเพื่อนทหารให้ไปจับคนร้ายแต่พอวิ่งกลับมาก็ไม่เห็นมันแล้ว จะว่ามันงัดเข้าไปทางหน้าต่างห้องนอนของเธอก็ไม่น่าจะเป็นไปได้”
เจ้าหญิงแทบจะกลั้นหายใจเมื่อทรงได้ยินพระเชษฐาเล่าให้ฟัง ช่างเป็นโชคดีเหลือเกินที่อาวีฟจับคนร้ายที่ว่านั้นไม่ได้ เพราะหากจับตัวได้แล้วอาวีฟก็คงจะตกใจแบบคาดไม่ถึงทีเดียวที่หน้าตาคนร้ายในชุดดำนั้น คือเจ้าหญิงไลล่าห์นี่เอง ช่วงนั้นคงจะเป็นเวลาที่เจ้าหญิงกำลังเสด็จกลับห้องบรรทมแล้วหลังจากที่ผละออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของเมห์ดิที่อุทยานใต้ต้นไม้นั้น
“ใครก็งัดหน้าต่างห้องน้องไม่ได้หรอกค่ะ น้องใส่กลอนแน่นหนาทุกคืน”
เจ้าหญิงรีบขัดขึ้นทันที
“ถ้าเรื่องนี้ได้ยินไปถึงท่านพ่อของลูก จะกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน” พระมเหสีชาห์ล่าตรัส
“อย่านะเพคะท่านแม่ อย่าได้ทูลท่านพ่อเด็ดขาด”
เจ้าหญิงรีบกล่าวทักท้วงด้วยความตกพระทัย
“ทำไมล่ะลูก มันเป็นเรื่องความปลอดภัยของลูกนะ
คนร้ายมันซ่อนตัวอยู่ในอุทยานด้านห้องนอนของลูก”
“แต่เรื่องนี้เราก็จัดการกันเองได้นี่เพคะท่านแม่ ลูกไม่อยากให้ท่านพ่อต้องมากังวลเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ ท่านพ่อก็มีภารกิจที่จะต้องคิด ต้องทำตั้งเยอะแยะแล้ว อย่าทำให้ท่านพ่อต้องเครียดอีกเลยนะเพคะ”
เจ้าหญิงทูลให้พระมารดาทรงเห็นด้วย
“ก็เพราะอย่างนี้แหละ พี่กับท่านแม่ถึงได้ปรึกษากันเองไงล่ะน้องหญิง”
เจ้าชายตรัสกับพระขนิษฐา
“ใช่จ๊ะ..และที่แม่เรียกหญิงมาหาก็เพื่อจะบอกให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ เวลากลางค่ำกลางคืนก็อย่าเปิดหน้าต่างเอาไว้”
“แล้ว..จะมีการสอบสวนเรื่องนี้อย่างไรเพคะ”
เจ้าหญิงทรงหันไปสบพระเนตรพระมารดาก่อนจะเลยไปยังพระเชษฐา
“พี่จะให้อาวีฟ กับ เมห์ดิ ช่วยกันจับพิรุธทหารที่เข้าเวรเมื่อคืนนี้ทุกคน”
“ก็..ก็ดีค่ะ แต่ว่า พี่ชายอย่าทำให้เอิกเกริกนะคะ เดี๋ยวคนร้ายจะรู้ตัวเสียก่อน ทางที่ดีก็ให้ทำแบบเงียบ ๆ”
เจ้าหญิงทรงแนะนำทั้งที่ใจคอไม่ค่อยจะดีนักเกรงว่าจะมีใครล่วงรู้ความจริง
“เรื่องนี้ก็เอาตามที่ลูกหญิงบอกก็แล้วกัน ทีนี้ก็มาพูดเรื่องของเราสองคนบ้าง”
พระมเหสีชาห์ล่าเริ่มหันไปจ้องพระพักตร์พระโอรสก่อน
“มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะท่านแม่”
เจ้าชายฮาเฟห์ชักจะไม่สบายพระทัยที่เห็นพระมารดาจ้องพระพักตร์เช่นนั้น
