11. เจ้าหญิงไลล่าห์ผู้บูชารักแท้แม้ต้องเสี่ยง
ที่รัฐโฮดาห์ ภายในพระราชวังของชีคอุมม์กัส เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงแกล้งหลับพระเนตรอยู่บนพระแท่นบรรทม จนกระทั่งได้ยินเสียงคนรับใช้เดินออกไปจากห้องบรรทมแล้ว เจ้าหญิงก็รีบพรวดพราดออกจากพระแท่นบรรทมทันที ก่อนจะตรงไปยังพระบัญชร ค่อย ๆ เปิดแง้มพระบัญชร ยื่นพระพักตร์ไปกวาดพระเนตรรอบบริเวณด้านนอกอย่างระแวด
ระวัง พอเห็นว่าทุกอย่างเงียบกริบไม่มีคนอยู่บริเวณนั้นแล้ว เจ้าหญิงก็หันไปคว้าเสื้อคลุมสีดำมาสวมทับชุดนอนแบบกางเกงพร้อมกับผ้าคลุมศีรษะที่สามารถคลุมหน้าจนเหลือแต่ตา ทรงก้าวพระบาทไปที่พระบัญชรอีกครั้ง แล้วก็ปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วชำนาญ เจ้าหญิงแอบหนีไปทางนี้หลายครั้งเมื่อต้องนัดพบกับชายอันเป็นที่รักในอุทยานด้านหลังที่ติดกับห้องพระบรรทมของพระองค์เอง
เจ้าหญิงทรงปีนออกจากพระบัญชรห้องบรรทมชั้นสองมาที่ระเบียงทางเดิน จากนั้นก็ย่องพระบาทลัดเลาะไปทางที่มืด เพื่อเกาะกิ่งไม้จากต้นไม้ใหญ่ในอุทยาน ทรงปีนต้นไม้อย่างรวดเร็ว สายพระเนตรทอดมองลงไปยังพื้นล่างเพื่อให้แน่พระทัยว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้น
“เจ้าหญิง...”
เสียงกระซิบเรียกดังขึ้นมาบนต้นไม้ เจ้าหญิงไลล่าห์ทรงทราบได้ทันทีว่าเสียงนั้นมาจากเมห์ดิ ชายคนรักของเจ้าหญิงนั่นเอง พระองค์จึงรีบปีนลงมาที่พื้นทันที และหล่นตุ๊บไปอยู่ในอ้อมแขนของเมห์ดิที่รอรับอยู่ข้างล่างอย่างพอดิบพอดีราวกับมีการฝึกซ้อมเอาไว้อย่างดี
“เจ้าหญิง กระหม่อมคิดถึงเจ้าหญิงเหลือเกิน”
เมห์ดิกอดจูบเจ้าหญิงไลล่าห์ราวกับพลัดพรากจากกันไปแสนนานแล้วเพิ่งจะได้พบกัน
“อุ๊ย!..เมดิห์ ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะเธอกอดฉันแน่นไปแล้ว”
เจ้าหญิงทรงกระซิบเตือนเสียงสั่นพร่า ทว่าทรงมีความสุขอย่างท่วมท้นไม่ต่างกับเมห์ดิ
“กระหม่อมขอโทษที่เผลอตัวไปหน่อย แต่กระหม่อมอยากจะกอดเจ้าหญิงเอาไว้อย่างนี้ตลอดไปไม่อยากให้ใครมาพรากเจ้าหญิงไปจากกระหม่อมเลย”
เมห์ดิยอมคลายอ้อมกอดเล็กน้อย
“ไม่มีใครจะมาพรากเราไปจากกันได้หรอกนะเมห์ดิ ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด”
เจ้าหญิงทรงให้ความมั่นใจแก่คนรัก
“แต่..กระหม่อมได้ยินมาว่าท่านชีคอุมม์กัส พระบิดาของเจ้าหญิงจะยกเจ้าหญิงให้เป็นชายาของเจ้าชายอัสเซน”
“เธอได้ยินมาจากใครกัน”
“เจ้าชายฮาเฟห์บอกกระหม่อม”
“พี่ชายของฉันบอกเธออย่างนั้นจริงหรือเมห์ดิ”
เจ้าหญิงทรงถามด้วยน้ำเสียงตกพระทัย
“พ่ะย่ะค่ะ..แล้วเจ้าหญิงไม่ทราบเรื่องนี้หรือ”
“ฉันได้ยินเรื่องที่ท่านพ่อกับท่านแม่อยากจะให้ฉันแต่งงานกับเจ้าชายอัสเซนมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่นั่นเป็นความประสงค์ของท่านพ่อกับท่านแม่ ไม่ใช่ความต้องการของฉันสักนิด”
เจ้าหญิงไลล่าห์รีบบอกให้คนรักได้สบายใจ
“แต่เวลานี้เจ้าหญิงโตเป็นสาวแล้วแถมยังสวยอีกด้วย ท่านชีคกับพระมเหสีชาห์ล่า คงจะทรงจริงจังมากขึ้นที่จะให้เจ้าหญิงได้อภิเษกกับเจ้าชายอัสเซน กระหม่อมกลัวเหลือเกิน
ว่า...”
ไม่ทันที่เมห์ดิจะได้พูดจนจบประโยค เจ้าหญิงไลล่าห์ก็ก้มพระพักตร์ไปจุมพิตปิดปากของเขาทันที เพื่อให้หยุดพูด และทั้งคู่ก็ดื่มด่ำอยู่กับรสจูบนั้นเนิ่นนาน กระทั่งเจ้าหญิงเป็นฝ่ายหยุดด้วยตัวเอง
“อย่าพูดอะไรในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีกนะเมห์ดิ ขอให้เธอจำไว้อย่างเดียวว่าเธอเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักมากที่สุด ฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับใครทั้งนั้นนอกจากเธอ”
เจ้าหญิงสบตากับเมห์ดิด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น
“แต่..มันจะเป็นไปได้หรือในเมื่อกระหม่อมเป็นเพียงองครักษ์ของเจ้าชายฮาเฟห์ที่ไม่มีอะไรคู่ควรเหมาะสมกับฐานันดรศักดิ์ของเจ้าหญิงแม้แต่น้อย”
เมห์ดิพูดด้วยความสิ้นหวังและน้อยใจในวาสนาของตนเอง
“ฉันไม่สนใจเรื่องความเหมาะสมสักนิด ฉันสนแต่ว่าฉันรักเธอและเธอก็รักฉันเท่านั้นก็พอแล้ว”
“เจ้าหญิงไม่สน แต่คนอื่น ๆ ล่ะพ่ะย่ะค่ะ เขาจะคิดยังไง หากเจ้าหญิงทรงเลือกกระหม่อมเป็นสวามี”
“ฉันไม่แคร์ความคิดของใครทั้งนั้น”
เจ้าหญิงทรงย้ำให้เมห์ดิได้เชื่อมั่น
“แต่กระหม่อมแคร์พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเจ้าหญิงมีคนรักที่ต่ำต้อยเป็นเพียงองครักษ์ที่ไม่มียศตำแหน่งอะไรเลย” เมห์ดิบอกความในใจแก่เจ้าหญิง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอร้องให้พี่ฮาเฟห์ช่วยผลักดันเธอให้มียศมากขึ้นไปกว่านี้ดีไหมล่ะ”
“ยศขององครักษ์ประจำตัวเจ้าชายฮาเฟห์คงไม่มากกว่าที่เป็นอยู่นี้อีกแล้ว”
เมห์ดิบอกอย่างไม่มีความหวัง
“ไม่หรอก มันจะต้องเป็นได้มากกว่านี้สิ แล้วฉันจะพูดกับพี่ฮาเฟห์ให้เองเธอไม่ต้องกังวลไปหรอกจ๊ะ”
“ถึงแม้เจ้าชายฮาเฟห์จะทรงเลื่อนตำแหน่งให้กระหม่อม แต่ก็คงไม่สามารถทำให้กระหม่อมได้รับการยอมรับให้เป็นสวามีของเจ้าหญิงได้หรอกพ่ะย่ะค่ะเพราะกระหม่อมเป็นเพียงสามัญชน พระบิดามารดาของเจ้าหญิงทรงต้องการให้เจ้าหญิงอภิเษกกับเจ้าชายอัสเซนเท่านั้น”
เมห์ดิบอกด้วยความขมขื่นใจ
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลยนะเมห์ดิ ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
“แล้วถ้าพระบิดาของเจ้าหญิงทรงบังคับเจ้าหญิงล่ะ เจ้าหญิงจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ฉันก็จะหาทางหลบเลี่ยงน่ะสิ..เธอเชื่อใจฉันนะเมห์ดิแล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วย”
“กระหม่อมจะเชื่อเจ้าหญิงแล้วก็จะเป็นกำลังใจให้พ่ะย่ะค่ะ..”
“ดีมากที่รัก..”
เจ้าหญิงตรัสจบก็กอดคอเมห์ดิโน้มตัวเขาให้ลงไปกับพื้นหญ้า แล้วทั้งคู่ก็พรอดรักกันอย่างมีความสุขเหมือนกับทุกครั้งที่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นนี้
