๓ ธรรมดาที่แสนพิเศษ (๔)
“หนูอยากให้น้าบุ้งไป พอก็อนุญาตแล้วด้วย บอกว่าให้มาขอน้าบุ้งเองเพราะวันนั้นพ่อต้องไปต่างจังหวัดไปด้วยไม่ได้” รุกเข้ามากอดคุณน้าเอาไว้แล้วอ้อนเสียงหวาน ก่อนจะมาขอเธอก็ขออนุญาตคนเป็นพ่อก่อนแล้ว คราวนี้เล่นเอาเลศยาทำตัวไม่ถูก
ถ้าตรีภพไม่ว่าอะไร จะผิดหรือเปล่าหากหล่อนอยากขอฉวยโอกาสนี้เอาไว้ การได้เป็นแม่ของเด็กหญิงตรงหน้าแค่วันเดียวก็ดี
“แล้ว...น้าต้องทำอะไรบ้าง”
เธอนั่งทำตาปริบฟังหนูน้อยบอกว่าต้องทำอะไรวันงาน ก่อนตัดสินใจหาผู้ช่วยเพื่อมาแปรงโฉมตัวเอง น่าจะเป็นครั้งแรกที่หล่อนจริงจังกับการแต่งตัวมากขนาดนี้ ทั้งที่ปกติจะสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เท่านั้น เดรสสีหวานหรือชุดอย่างสาวน่ารักเขาสวมกันไม่เคยมีในตู้เสื้อผ้าของเลศยาหรอก
มาวันนี้ต้องนั่งนิ่งให้เพื่อนช่วยแต่งหน้าก็ค่อนข้างเกร็งพอสมควร “ดูแกจะรักหลานสาวคนนี้มากเลยนะ” คล้อยหลังหนูน้อยที่เดินไปหยิบไอศกรีมออกไปกินข้างนอก เพื่อนสนิทที่รู้จักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็เอ่ยขึ้น
“ลูกสาวของเพื่อนสนิทฉันนี่น่า...”
“จริงเหรอ ไม่ใช่เพราะแอบชอบพ่อของหลานนะจ๊ะ” เพียงแค่นั้นดวงตาก็เบิกกว้าง รีบตีมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พิรุธออกเมื่อโดนจับได้
“บ้าเหรอ ฉัน ฉันจะไปชอบได้ยังไง...เปล่าสักหน่อย อย่ามั่วหน่อยเลย” นอกจากจะหลบตาแล้วยังพูดติดอ่างอีกต่างหาก คนที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดียิ้มกริ่มแล้วจ้องดวงหน้าหวานที่สลัดแว่นตา เปลี่ยนมาสวมคอนแทคเลนส์
“แกน่ะดูออกง่ายจะตาย รักใครชอบใครก็แสดงออกจนหมด ปิดไม่มิดหรอก...และตอนนี้แกแอบชอบชายหนุ่มข้างบ้านใช่หรือเปล่า”
“หยุดพูดเลยนะ ถ้าแกไม่หยุดฉันไล่ออกจากบ้านจริงด้วย” ท่าทีขึงขังทำให้เพื่อนยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิม พยักหน้ายอมจำนนโดยไม่ถามอะไรต่อ แต่มินทิราก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหัวใจของเพื่อนไม่ว่างอีกต่อไป
เพราะมอบให้พ่อของหลานสาวไปแล้ว!
โชคดีที่เลศยาไม่ได้จมกับรักครั้งเก่า ตอนแรกยังนึกเป็นห่วงกลัวนอนซมอย่างเดียว พอเห็นว่ามีคนมาดามใจค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เหลือเพียงอย่างเดียวคือฝ่ายชายคิดเช่นไรกับเพื่อนของหล่อน
“คิดจะบอกเขาหรือเปล่า” ยกแปรงขึ้นปัดแก้มนวล คนฟังชะงักกับคำถาม
เธอรู้ดีว่าเขาคิดเช่นไรกับตน ชายหนุ่มเห็นเธอเป็นแค่น้องสาว และซาบซึ้งในน้ำใจเรื่องที่ช่วยดูแลดลญาดา เขาไม่ได้รักชอบหล่อนในสถานะอื่น จึงไม่คิดจะบอกเพื่อทำลายความสัมพันธ์ของเรา อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว
“อยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้ว” พูดจบก็คะยั้นคะยอให้เพื่อนรีบแต่ง กลัวจะไปโรงเรียนสาย
มินทิราจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่งหน้าให้เธอจนเสร็จแล้วนำชุดเดรสสีฟ้าแขนพองมาให้เปลี่ยน ไม่น่าเชื่อว่าจากคนเฉิ่มเฉยจะกลายเป็นนางฟ้าในพริบตา เล่นเอาเด็กหญิงเผยอปากค้างไม่อยากเชื่อว่าคนสวยตรงหน้าคือคุณน้าของตัวเอง
“น้าบุ้งสวยมากๆๆ หนูจะถ่ายรูปไปอวดพ่อ น้ามิ้นขา...ถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ” พูดจบก็หันมาอ้อนคุณน้าอีกคน เธอก็พยักหน้ารับคำ มองเด็กเล็กวิ่งไปกอดคุณแม่จำเป็นพลางฉีกยิ้มให้กล้อง เตรียมพร้อมสำหรับถ่ายรูป
ภาพตรงหน้าทำให้มินทิราปลาบปลื้มจนน้ำตารื้น หวังเหลือเกินว่าวันหนึ่ง...เลศยาจะมีครอบครัวที่สุขสมบูรณ์อย่างที่วาดหวังเอาไว้สักที
พิธีการไหว้แม่ของเด็กอนุบาลเสร็จสิ้นลงในช่วงเช้า เพื่อนต่างชมแม่ของดลญาดาไม่หยุดว่าสวยมาก ทำให้หนูน้อยหน้าบานเป็นจานเชิง ยิ้มกว้างแล้วอวดว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อย ขับรถนุ่มแล้วก็ใจดีมาก เด็กๆ จึงไปรุมล้อมเลศยาจนไม่ได้ไปไหน
ถึงเวลากลับค่อยพาเด็กตัวเล็กที่เล่นจนเหนื่อยแล้วมาหลับบนรถกลับบ้าน เธอไม่คิดเหมือนกันว่าวันนี้ตัวเองจะได้เป็นแม่คน
มีความสุขจนยิ้มไม่หุบ พอมาถึงบ้านก็เลือกจะพาหนูน้อยไปนอนที่บ้านของตน เปิดเครื่องปรับอากาศและปิดผ้าม่านไม่ให้แสงส่องเข้าข้างใน จากนั้นจึงไปล้างหน้าเปลี่ยนชุด ค่อยกลับมานอนกอดหลานสาวเอาไว้ด้วยความรัก
ก่อนหลับได้ยินคนข้างกายละเมอเสียงเบา “แม่บุ้ง แม่บุ้ง...” เบิกตากว้างด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายเรียกหล่อนว่าแม่เต็มปากเต็มคำ ดวงตากลมถึงกับน้ำตาคลอแล้วตระกองกอดเด็กหญิงเอาไว้ จุมพิตที่หน้าผากมนด้วยความรักใคร่
เหมือนว่าเด็กหญิงดลญาดาจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตของหล่อน
ให้มีสีสันและความสุขมากขึ้น...