บทที่ 6
“จิบน้ำขิงอุ่น ๆ สักหน่อยนะเจ้าคะคุณหนู”
เหลียงอิ๋งอิ๋งยกชามน้ำขิงที่ส่งกลิ่นหอมฉุยเข้ามาวางลงเบื้องหน้าคนร่างบางที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างหน้าต่างริมห้องโถงของเรือน
เด็กสาวเห็นผู้เป็นนายนั่งเหม่อลอยอยู่แบบนั้นก็เป็นห่วงขึ้นมาไม่น้อย เมื่อตัดสินใจดีแล้วเด็กสาวที่รักเจ้านายยิ่งกว่าชีวิตก็ยอบกายลงนั่งไม่ห่างกันเท่าไรนัก
“คุณหนูเจ้าคะ คือจริง ๆ แล้ว บ่าวที่ท่านหมอโจวเฟิงบอกเมื่อวานนางก็คืออาหญิงของข้าเจ้าค่ะ”
หยางอิงฮวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หันขวับมามองหน้าเหลียงอิ๋งอิ๋งด้วยความไม่เชื่อหูตัวเอง
“เจ้าพูดจริงอย่างนั้นหรืออิ๋งอิ๋ง ล้าเจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้อาหญิงของเจ้าอยู่ที่ใด”
มือบางเอื้อมไปคว้าไหล่ของบ่าวคนสนิทด้วยอารามความดีใจมาเขย่าอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตพราวระยับราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้นผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ
“แต่ว่าข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะว่าตอนนี้ท่านอาหญิงอยู่ที่ไหน”
“ไม่เป็นไร ข้าจะให้คนไปตามหาอาของเจ้าจนเจอไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ยอมแพ้เรื่องแม่หรอกนะอิ๋งอิ๋ง ขอบคุณนะที่บอกข้า”
อิงฮวายิ้มให้เหลียงอิ๋งอิ๋งทั้งปากทั้งตา รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาไม่น้อย
ทั้งสองคนนายบ่าวยังคงนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องของหลิวเจี้ยนหลิง ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยางต่อไป โดยหยางอิงฮวาเองก็ตั้งใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร นางก็จะพยายามสืบหาสาเหตุการตายของผู้เป็นมารดาให้ได้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าที่ด้านนอกห้องโถงของเรือนนั้นมีใครบางคนยืนฟังอยู่จนครบถ้วนกระบวนความ
จ้าวเซิ่งเหม่ยที่หมายมาดจะเดินมาเล่นงานกับลูกเลี้ยงซึ่งอายุห่างกับตัวนางเพียงยี่สิบปี ได้ยินเรื่องที่เจ้าของเรือนอย่างหยางอิงฮวาและเหลียงอิ๋งอิ๋งกำลังคุยกันอยู่ก็รีบหยุดเดินยืนแอบฟังอยู่ตรงนั้นด้วยความตั้งใจ
อนุจ้าวหญิงวัยสี่สิบปียืนแอบฟังเรื่องที่ทั้งสองคุยกันก็เกิดเป็นความกังวลขึ้นมาในใจ คิ้วที่ได้รับการกันให้เข้ากับ
โครงหน้าสวยคมนั้นขมวดมุ่น
ริมฝีปากที่แต้มชาดสีแดงเลือดนกกำลังแทะเล็มเล็บตัวเองด้วยความลืมตัว
“ไม่ได้ จะปล่อยให้หยางอิงฮวาสืบเรื่องการตายของหลิวเจี้ยนหลิงไม่ได้เด็ดขาด”
เมื่อยืนฟังจนจบนางก็พึมพำกับตัวเองในเงามืด รีบหุนหันเดินหน้าเครียดออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ
บ้านสกุลจ้าว
“เจ้ามาหาข้าเวลานี้มีเรื่องอะไรงั้นรึ”
เถ้าแก่จ้าว จ้าวจื่อหานพี่ชายแท้ ๆ ของจ้าวเซิ่งเหม่ยอนุของเถ้าแก่หยางกระซิบถามเสียงเบา สายตาก็ลอบสังเกตใบหน้าของน้องสาวของตนไปด้วย
ร้อยวันพันปีชายวัยกลางคนอย่างจ้าวจื่อหานนั้นแทบไม่เคยเห็นน้องสาวตัวเองจะทำหน้าเคร่งเครียดขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
พอวันนี้นางกลับมาหาถึงบ้านในยามซวีแบบนี้ เขาจึงอดจะเป็นกังวลไปด้วยไม่ได้
“มีแน่เจ้าค่ะ ข้าได้ยินอิงฮวาพูดกับบ่าวบอกว่าจะสืบเรื่องที่ฮูหยินหยางตายตอนคลอดนาง ท่านพี่ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
จ้าวเซิ่งเหม่ยเขย่าแขนของพี่ชายด้วยความร้อนรนระคนเครียด ใบหน้าของนางเต็มปรากฏความวิตกกังวลอย่างชัดเจน ในใจร้อนรุ่มนึกกลัวความผิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หยางอิงฮวานั้นเป็นคนฉลาด อีกทั้งนางยังมีเงินทองของตระกูลหยางมากมาย แม้ว่าเถ้าแก่หยางหลิงเซ่อจะแสดงออกว่าชังลูกตัวเองมากมายแค่ไหนแต่เงินทองของคุณหนูเพียงหนึ่งเดียวของสกุลหยางก็ไม่เคยขาดมือเลยสักครั้ง
หากว่าคุณหนูหยางคิดจะสืบเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะก็ เพียงชั่วเวลาไม่ถึงปี ไม่สิ ไม่ถึงครึ่งปี เรื่องที่นางลอบวางยาฮูหยินหยางได้แดงขึ้นมาอย่างแน่นอน!
“จะสืบเรื่องการตายของฮูหยินหยางอย่างนั้นรึ เป็นไปได้อย่างไร นางไปได้เบาะแสมาจากไหนกัน”
จ้าวจื่อหานที่สีหน้ามีความวิตกไม่ต่างกัน ถามน้องสาวของตนเสียงเครียด ในหัวก็พยายามคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้
ไปด้วย