บทที่ 4
หลังจากที่ความรื่นรมณ์ในการชมดอกไม้ของหยางอิงฮวาถูกทำลายไปเพราะชายหน้าดุที่แสนปากร้าย หญิงสาวจึงชวนเหลียงอิ๋งอิ๋งเดินกลับบ้านตระกูลหยางไป
แต่แล้วระหว่างที่ทั้งสองเดินออกมาจากตลาดดอกไม้ได้ไม่ไกลนัก ก็มีลมหอบใหญ่พัดเข้ามาอย่างแรงจนทำให้ฝุ่นบนพื้นฟุ้งไปทั่วจนทั้งสองคนต้องหยุดเดินใช้มือปิดหน้าปิดหน้ากันฝุ่นเข้าตาอย่างช่วยไม่ได้
“ลมอะไรเนี่ยพัดแรงจริง”
เมื่อลมพัดผ่านไปแล้ว ภาพที่หญิงสาวทั้งสองคนลืมตาขึ้นมาเห็นก็คือกระดาษปลิวเกลื่อนทั่วถนนตรงนั้น โดยมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ รีบเก็บพวกมันอยู่
หยางอิงฮวาที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปช่วยเก็บด้วย โดยมีเหลียงอิ๋งอิ๋งเข้ามาช่วยเก็บด้วยอีกแรง
ทั้งสามคนช่วยกันเก็บกระดาษจนหมดช่วยให้การจราจรที่หน้าตลาดกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลังจากที่บรรดารถม้าและเกวียนขนสินค้าติดกันเป็นทางยาวเพราะมีสิ่งกีดขวางการเดินทาง
หยางอิงฮวารวบรวมกระดาษพวกนั้นแล้วเดินไปรับเอากระดาษจากเหลียงอิ๋งอิ๋งด้วย ก่อนจะเดินไปยื่นคืนให้ชายวัยกลางคนผู้นั้น
“นี่ของท่านเจ้าค่ะ”
“โอ๊ะ ขอบคุณขอรับคุณหนู”
มือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาไปบ้างเอื้อมออกมารับเอากระดาษปึกนั้นจากหยางอิงฮวาพร้อมกับโค้งขอบคุณเป็น
การใหญ่
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
หยางอิงฮวาส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ขณะที่กำลังจะเดินเลี่ยงออกมาแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อชายคนนั้นพูดบางอย่างขึ้นมา
“คุณหนูหยาง ท่านคือคุณหนูหยางใช่หรือไม่ขอรับ”
คิ้วบางได้รูปขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยเมื่ออีกฝ่ายนั้นรู้จักตนจึงหันกลับไปหาอีกฝ่ายทันที
ซึ่งความจริงเมื่อก่อนนั้นโจวเฟิงถือว่าเป็นหมอที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของฉางอันคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งเขานั้นสามารถจำคนไข้ของตัวเองได้ทุกคน และเขาเองก็มั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่เพราะหญิงสาวตรงหน้านี้เหมือนกับคนไข้ของตนมากราวกับว่าเป็นคนเดียวกัน
“เอ่อ ท่านรู้จักข้าด้วยหรือเจ้าคะ”
“รู้จักสิ ก็ข้าเป็นคนทำคลอดเจ้ากับมือ”
คุณหนูหยางได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตัวชาวาบหัวใจเริ่มกระหน่ำเต้นแรงขึ้นมาด้วยความดีใจ งั้นก็หมายความว่าท่านหมอผู้นี้ย่อมต้องรู้รายละเอียดเมื่อครั้งเรื่องที่มารดาของนางเสียชีวิตตอนที่คลอดนางด้วยสินะ
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นท่านหมอพอจะมีเวลาไปนั่งดื่มชากับข้าสักเดี๋ยวไหมเจ้าคะ”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
“งั้นเชิญท่านหมอทางนี้เจ้าค่ะ”
เหลียงอิ๋งอิ๋งผายมือเชิญหมอโจวเฟิงให้เดินเข้าไปในร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่แถวนั้น ตามแผ่นหลังบางของหยางอิงฮวาที่เดินนำเข้าไปก่อนแล้ว