บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 องค์ชายสี่

วันต่อมา ยามเว่ยหนึ่งเค่อ[1]

ศิษย์ที่ประจำชั้นเรียนซ่งจวินถูกเรียกมารวมตัวกันในห้องเพื่อแจ้งการสอบแข่งขัน

หัวหน้าชั้นเรียนกล่าว “กลุ่มที่ชนะจะได้รับเลือกให้เข้าเรียนร่วมชั้นกับองค์ชาย”

“เข้าสำนักศึกษาหลวงหรือ?”

คนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย วันนี้ชั้นเรียนคึกคักยิ่งนัก มีศิษย์ใหม่ย้ายชั้นเรียนเข้ามานามว่าว่านลู่ชิงที่งดงามเก่งกาจไม่พอยังได้รับสิทธิ์ประเมินฝีมือเพื่อเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงร่วมกับองค์ชายอีก

หัวหน้าชั้นเรียนส่ายหน้าว่า “ไม่ใช่”

“อ้าว แล้วไปเรียนที่ใดหรือ?” ศิษย์อีกคนถาม

“เป็นตำหนักองค์ชาย ศิษย์ทุกคนที่ได้รับคัดเลือกจะต้องเข้าไปเรียนร่วมกันในตำหนักองค์ชายแบบกินนอน พวกเราแค่นั่งรอให้อาจารย์จากสำนักศึกษาหลวงเป็นฝ่ายเดินทางไปสอนถึงที่นั่นด้วยตัวเอง”

“โอว!”

ครั้งก่อนคัดเลือกนี้เป็นการเรียนร่วมชั้นกับองค์ชายคนอื่น ท่านอ๋อง ท่านชาย ร่วมถึงองค์หญิงกับท่านหญิงแต่เป็นชั้นเรียนอื่นได้รับเลือกไม่ใช่ชั้นเรียนซ่งจวิน พวกเขายังตื่นเต้นร่วมด้วยปานนั้น

ทั้งที่แค่ได้เข้าสำนักศึกษาหลวงด้วยซ้ำ มิได้เข้าตำหนักองค์ชาย

แต่ครั้งนี้ ได้เรียนร่วมกับองค์ชายสูงศักดิ์ทั้งยังได้อาจารย์ระดับประจำราชสำนักที่สูงส่งเหนือชั้นกว่าอาจารย์ประจำในสำนักศึกษาชิ่นหลันวนเวียนสลับกันมาสอนถึงที่ ยังมีสิ่งใดดีกว่านี้อีกเล่า?

คนเดิมถามอีกว่า “ครั้งนี้เป็นองค์ชายคนใด?”

“องค์ชายสี่!”

“โอ้!”

ทุกคนมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจกว่าเดิมร้อยเท่า

โดยเฉพาะเหล่าสตรี ดวงตาของพวกนางเบิกโต  เต็มไปด้วยประกายวิบวับระยิบระยับวาดหวัง

มีใครไม่รู้บ้างว่าองค์ชายสี่รูปงามปานใด น่าหลงใหลแค่ไหน เชื้อพระวงศ์มีองค์ชายหลายคนก็จริงแต่องค์ชายสี่คือบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุด งามสง่าเก่งกาจและเปี่ยมเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายชาญที่อันตรายถึงชีวิต ตราตรึงใจที่สุดเหนือองค์ชายและเชื้อพระวงศ์ทุกคน

ไม่ว่าสตรีใดหากมีโอกาสได้เห็นเพียงครั้งเป็นต้องเก็บไปเพ้อฝันละเมอหาแทบสิ้นสติ ดีเหลือเกิน ตื่นเต้นๆ อยากให้ถึงวันคัดเลือกเต็มที!

ในขณะที่ทุกคนกำลังฮือฮาตื่นเต้นดีใจกันยกห้อง หลิ่งหลินเพียงนิ่งมองสตรีที่เพิ่งได้ย้ายมาเรียนชั้นเดียวกัน

เมื่อวานหลิ่งหลินไม่สะดวกกระชากหนังหัวว่านลู่ชิงไปประทุษร้ายหลังพุ่มไม้เพราะอาจารย์ซ่งเดินผ่านมาพอดี จึงทำได้แค่ปฏิเสธอย่างสันติเย็นชา

ทว่าว่านลู่ชิงไม่ลดละ พยายามใช้มารยาสาไถย แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวสวีหลิงเยี่ยนที่ไม่มีกลุ่มร่วมแสดงฝีมือทั้งอ้างเหตุผลในฐานะสหายรักหนึ่งเดียว หมายช่วยเหลือในการสอบให้ผ่านทุกครั้งที่มีการประเมิน

ช่างน่าเจ็บใจที่มันได้ผล อาจารย์ซ่งหลงกลว่านลู่ชิง ถึงขั้นไปเจรจากับอาจารย์เฉินด้วยตนเอง อาจารย์เฉินผู้นั้นก็ช่างใจกว้าง ยกศิษย์ของตนให้อีกคนดูแลทันที ไม่มีตระหนี่

ภายใต้ความคิดเรื่อยเปื่อยของหลิ่งหลิน ในห้องเรียนยังคงมีเสียงดังเซ็งแซ่ต่อเนื่อง

“ข้าจะต้องเตรียมตัวโดยไว”

“ข้าก็เช่นกัน”

“ข้าต้องบำรุงผิวพรรณให้งดงามกว่าเดิม”

“ข้าจะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้น”

“ข้าต้องได้รับคัดเลือกเท่านั้น”

“ว่าแต่ยามนี้คุณหนูสวีเหลือตัวคนเดียวคนในกลุ่มลาออกสามคน มีผู้ใดจะรับนางเข้ากลุ่มหรือไม่?”

ทุกคนส่ายหน้าพรืด ปฏิเสธอย่างบ้าคลั่ง

สวีหลิงเยี่ยนอ่อนแอขี้แพ้ไร้ความสามารถ ไม่มีทาง

หลิ่งหลินย่อมรับรู้ได้ถึงสายตาเดียดฉันท์เหล่านั้น แต่นางไม่ใส่ใจหรอก อยากมองก็มองไป ใครสน!

เมื่อถึงวันแข่งขัน ศิษย์ทุกคนในชั้นเรียนของอาจารย์ซ่งจวินเดินทางเข้ามายังจวนเหลียน ขุนนางใหญ่ผู้เป็นตัวแทนจัดสถานที่คัดเลือก

วันนี้เหล่าบุรุษล้วนแต่งกายสง่างามภูมิฐาน ส่วนเหล่าสตรีต่างพากันแต่งกายสะสวยสะคราญโฉมยิ่งกว่านางสวรรค์บนชั้นฟ้า

แต่ละคนประเทืองผิวดีเยี่ยมประโคมเครื่องประดับและเสื้อผ้าสีสันตระการตา เรียกได้ว่ามีครบทุกสีในใต้หล้า ทุกชุดล้วนเป็นของใหม่ เป็นชุดที่ใครก็ไม่เคยเห็นพวกนางสวมใส่

โดยเฉพาะว่านลู่ชิง นางแต่งตัวแต้มชาดหยาดเยิ้ม เสื้อผ้าอาภรณ์มีลวดลายทั้งอ่อนช้อยและประณีตบรรจง เรียกได้ว่าสวยสดงดงามไร้ที่ติ คล้ายต้องการรับคัดเลือกให้เป็นพระสนมมิใช่สหายร่วมเรียนกระนั้น

คงมีเพียงหลิ่งหลินที่แต่งชุดสีแดงปานเพลิงตัวเดิม ซื้อใหม่ทำไมสิ้นเปลือง!

บรรดาศิษย์ทุกคนรวมตัวกันที่ลานประลองฝีมือ เหนือลานพิธีมีแท่นประธาน องค์ชายสี่ต้องมานั่งประทับอยู่ตรงนั้น พวกเขาล้วนตั้งตารอคอยอย่างใจจดจ่อ ปรารถนายลโฉมใจจะขาด

“องค์ชายสี่เสด็จ...”

เสียงขันทีดังขึ้น ดึงสายตาทุกคนให้หันมองทันที แน่นอนว่าล้วนตรึงความสนใจของพวกเขาได้ชะงัดทันใด

บนทางเดินริมระเบียงเหนือลานพิธีการประลองค่อยๆ ปรากฏองค์ชายหนุ่มรูปงามเรือนกายสูงสง่าโดดเด่นเดินออกมาอย่างองอาจผึ่งผาย

พระองค์อยู่ในชุดแพรสีม่วง ปักลายซับซ้อนสมจริง เส้นผมมัดรวบไปด้านหลังครึ่งศีรษะเผยใบหน้าขาวคมคายดุจหยกสลัก จมูกโด่งคมสัน คิ้วหนา ดวงตาที่พราวเสน่ห์นั้นทั้งคมเข้มและเป็นสีดำขลับดุจราตรีกาลอันมืดมิดแลดูลึกลับและเย็นชาแลดูไม่น่าเข้าใกล้ทว่ากลับดึงดูดให้ค้นหาอย่างยิ่ง ริมฝีปากแดงเรื่อกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยนั้นยั่วยวนชวนจุมพิตด้วยเสน่หา

ทุกอย่างบนใบหน้าของพระองค์ดุจภาพวาดที่สวรรค์บรรจงสรรสร้าง สมบูรณ์แบบปานนั้น สง่างามราวกับไม่ใช่มนุษย์ ใบหน้าหล่อเหลาเสียจนทำเอาสตรีต่างมองอย่างทอดถอนใจด้วยความปรารถนาทอดกายไร้ที่เปรียบ

ไม่เว้นแม้แต่หลิ่งหลิน

หญิงสาวตกตะลึงพรึงเพริดมิคลาย

บุรุษหนุ่มผู้ที่มีใบหน้างดงามโดดเด่นเหนือสามัญ ชนิดที่ว่ามีหนึ่งไม่มีสองเช่นนั้นย่อมหาคนเหมือนได้ยากยิ่ง

ยิ่งจ้องยิ่งใช่! ชัดเลย!

จ้าวหมิงอวี่

ริมฝีปากสีแดงสด คิ้วกระบี่ได้รูป ดวงตาคมกล้า จมูกโด่งสัน สันกรามทรงเสน่ห์ รอยยิ้มชวนมอง

แน่นอนว่ายามนี้เขามิได้ยิ้ม แต่นางเคยเห็นมาแล้ว รอยยิ้มของเขาที่เคยมีให้นางเพียงคนเดียว

บุรุษหนุ่มผู้แข็งกร้าวเย็นชาทว่ากลับคลุ้มคลั่งในรักถึงขั้นยอมให้นางสะบั้นเส้นลมปราณทำลายวรยุทธ์เพื่อพิสูจน์ความรู้สึกของหัวใจ

ภาพเหตุการณ์ในหุบเขาปีศาจจากความทรงจำค่อยๆ ผุดพรายคล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว

กลางฤดูหนาวที่ริมผา บุรุษหนุ่มรูปงามยืนตระหง่าน ร่างสูงสง่าดุจรูปสลักศิลาของเขาต้านทานแรงลมมิไหวเอน เขากำลังประจันหน้ากับสตรีชุดแดงปานเพลิงด้วยแรงโทสะ ทว่าดวงตาคมเข้มกลับเต็มไปด้วยแววบีบคั้นระคนตัดพ้อ  รอเพียงได้รับการพยักหน้า ทว่ากลับได้ยินแต่คำว่า ‘ไม่’

หลิ่งหลินก้มหน้าค่อยๆหลับตาลง แต่ยังคงเห็นเพียงภาพของจ้าวหมิงอวี่ที่คำรามเสียงขื่นแต่ดุดันต่อหน้านางว่า

‘ข้าชอบเจ้า หลิ่งหลิน ไม่แต่งงานกับเขาได้หรือไม่ หลิ่งเฮ่อไม่ได้รักเจ้า ไปกับข้าเถอะ แต่งงานกับข้า’

‘ไม่’

‘ข้าเป็นถึงองค์ชาย เจ้าแต่งกับข้าไม่มีทางลำบาก’

‘สูงศักดิ์แล้วอย่างไร? ใครสน!’

‘เช่นนั้นข้าสละฐานันดร เพื่อเจ้า’

‘ข้าไม่สน ท่านจงไปเสียตอนที่ยังมีโอกาส หาไม่!  ข้าจะหักขาท่านซะ’

‘หลินหลิน...’

และใช่! นางรู้สึกหวั่นไหวกับเขา

แต่จะให้ทำอย่างไร?

นางทำตามหัวใจตัวเองไม่ได้!

วันนั้นนางต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหลิ่งเฮ่อให้เสร็จสิ้นจึงลงมือกับเขารุนแรงเกินไป

แต่เขาเก่งกาจมากฝีมือปานนั้น เอาชนะนางก็ยังได้ ไฉนไม่หลบเลี่ยงเล่า?

ชอบนางที่เป็นสตรีอายุมากกว่าหลายปีก็แล้วไปเถิด แต่ยอมให้นางทำร้ายปางตาย เขามันบ้า!

[1]เวลาประมาณ 13.15 น.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel